หนีฮ่าวจากปักกิ่งครับ
ช่วงนี้มีโอกาสมาทัศนศึกษาประเทศจีน แต่ก็ยังรับข่าวสารผ่านทางเอสเอ็มเอสจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ผมได้สมัครรับข่าวเอาไว้
ตรวจดูข่าวแล้ว นอกจากจะเรื่องหมีแพนด้า และพยากรณ์อากาศของไทยที่บอกว่า ฝนหนักทั่วประเทศแล้ว ก็มีเรื่องไข้หวัดสองศูนย์ศูนย์เก้า ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกวันประมาณสองร้อยคน วันล่าสุดมีรายงานสองร้อยสี่สิบเจ็ดคน ยอดรวมสามพันสี่ร้อยกว่าคน ในข่าวพบผู้เสียชีวิตช่วงนี้เป็นรายวัน รายล่าสุดเป็นรายที่สิบเจ็ดเป็นสาวราชบุรีหนักประมาณร้อยห้าสิบกิโลกรัม
มีเรื่องหนึ่งที่มาพบเห็นที่นี่และอยากแลกเปลี่ยนด่วนที่สุด ในฐานะที่เป็นนักวิทยาการระบาดและเป็นแพทย์ก็คือการแลกเปลี่ยนให้ทราบถึงมาตรการเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อทั้งรายใหม่และรายที่เป็นอยู่แล้วในกรุงปักกิ่ง ไม่แน่ใจว่าที่พบเห็นนี้จะเป็นตัวแทนของประเทศจีนได้หรือไม่ แต่บอกได้ว่าสดจากกรุงปักกิ่งครับ
ไม่น่าเชื่อว่าการเฝ้าระวังของที่นี่ เริ่มต้นจากในเครื่องบิน โดยให้กรอกแบบฟอร์ม ซึ่งก็คิดว่าน่าจะแค่กรอกๆ แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ก็น่าจะเพียงพอ ที่ไหนได้ครับ พอเครื่องลงจอด ปกติผู้โดยสารก็จะลุกกันพึ่บพับ ครั้งนี้มาแปลก มีประกาศจากเจ้าหน้าที่ให้ผู้โดยสารนั่งอยู่กับที่ก่อน ประมาณว่าให้อยู่ในความสงบ จะมีการตรวจวัดอุณหภูมิเป็นรายบุคคลในใจก็คิดว่าจะเอาปรอทวัดไขัมาให้อมทุกคนหรือยังไง สักครู่มีเจ้าหน้าที่ของจีนสวมเสื้อกาว์นขาวแขนยาว ในมือถือเครื่องมือคล้ายปืน เอามาชี้ที่หน้าผากของผู้โดยสารทุกคน ทีละคน งานนี้มีความรู้ใหม่ว่า อ้อ... มีเทอร์โมสแกนมือถือด้วยแฮะ ถ้าพบว่าใครมีไข้ คนที่มีไข้นั้นจะถูกเฝ้าระวังอย่างน้อยสามวัน ก็ภาวนาว่าในเครื่องบินที่โดยสารมา อย่ามีผู้ใดเข้าข่ายเลยครับ
ปรากฎว่างานนี้มีงานเข้า... พบผู้โดยสารหนึ่งคนที่โดยสารอยู่ท้ายลำเครื่องบินมีไข้ นึกในใจว่าทั้งลำจะโดนเฝ้าระวังหรือเปล่า...
รอสักครู่ มีเจ้าหน้าที่ของจีนสวมชุดมิดชิดแบบที่เห็นในภาพยนตร์ เป็นเสื้อกาวน์มิดชิด และสวมแว่นปิดครอบคล้ายๆ แว่นสำหรับดำน้ำจำนวนหกคน มาที่เครื่องและไปที่ตำแหน่งท้ายเครื่อง ไปทำอะไรไม่ทราบได้เพราะถูกห้ามไม่ให้ลุกจากที่นั่ง ทราบภายหลังว่า คนที่นั่งข้างๆ รอบผู้ที่มีไข้ถูกบันทึกรายละเอียดเอาไว้ รอสักครู่มีประกาศจากกัปตันให้ออกจากเครื่องได้ ค่อยโล่งอกหน่อย
มาตรการต่อไปของจีนที่ดูแล้วคล้ายในบ้านเราก็คือการเดินผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนที่ตั้งไว้บนขาตั้ง แล้วยื่นแบบฟอร์มที่กรอกเอาไว้ว่าไม่มีไข้ ไม่มีน้ำมูก
มาตรการเฝ้าระวังยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น ยังมีการเฝ้าระวังก่อนเข้าโรงแรม คือให้เดินผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนที่ตั้งไว้บนขาตั้งทุกครั้งที่เข้าและออกจากโรงแรม
ยังมีการใช้เทอร์โมสแกนแบบมือถือวัดอุณหภูมิหลังจากเช็คอินแล้ว
สรุป มีการเฝ้าระวังอุณหภูมิถึงสี่จุดคือ ในเครื่องบิน ที่สนามบิน หน้าโรงแรม และ ในโรงแรม โดยที่หน้าโรงแรมมีการระวังอุณหภูมิทุกครั้งที่เข้าและออกจากโรงแรม
คงจะพอเห็นภาพการเฝ้าระวังของประเทศจีนว่าเข้มข้นอย่างที่ตั้งชื่อเรื่องไว้ไหม ในบ้านเราคงต้องเพิ่มเครื่องวัดแบบมือถือ และให้มีเครื่องเทอร์โมสแกนที่ตั้งไว้บนขาตั้งสำหรับที่ที่พลุกพล่าน มีผู้คนมาใช้บริการมากๆ
ขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยชื่อสายการบินครับ
สำหรับผู้ที่อาจจะเป็นห่่วง ขอเรียนว่า ผู้เขียนได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดแล้วครับจากโรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ ต้องขอบพระคุณเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่กรุณาขอร้องแกมบังคับให้ฉีด โดยปกติหมอไม่ชอบถุกฉีดยาหรอกครับ