เนื่องจากผมได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในส่วนของ HA ที่ทางสถาบันฯ
ของพวกเรายื่นขอรับการตรวจ และได้รับการ Accredited ผ่านไปแล้วนั้น
ทำให้ผมมีโอกาสมองเห็นปัญหา และแนวทางการแก้ปัญหา
รวมถึงคาดการณ์สถานการณ์บางอย่างเกี่ยวกับทางฝ่ายอายุรกรรมในอนาคตใกล้นี้ได้หลายเรื่อง
โดยผ่านการทบทวนเรื่องราวต่างๆ ผ่านแบบประเมินตนเองของ พรพ. (Unit profile) ตามที่พวกเราทราบกันดีว่า
การบริหารจัดการหลายประเด็นในงานของสถาบันฯ มี work load
อยู่ที่ฝ่ายอายุรกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก
และยังไม่เป็นที่น่าพอใจในการบริหารจัดการ การ service
อยู่หลายประเด็นเช่นกัน ดังนั้นใน Unit profile
ช่วงที่มีการเสนอ พรพ.
ผมได้ยกประเด็นเกี่ยวกับการที่แพทย์อายุรกรรมเป็น Critical factor
ในการทำให้เกิดหรือไม่ทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาคุณภาพให้ทางผู้บริหาร
และคณะพรพ. ได้รับทราบ
โดยได้เสนอแนวทางการจัดปริมาณงานและการอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมให้แก่อายุรแพทย์
เพื่อชักนำให้อายุรแพทย์ให้เข้าสู่กระบวนการพัฒนาคุณภาพ เพื่อที่จะนำ
Care team ในส่วนอื่นๆ ให้มีการพัฒนาตามกันไป
ทุกท่านคงได้รับทราบมติจากผู้อำนวยการเรื่องการเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับอายุรแพทย์ในส่วนของการรับ
Consult case ผู้ป่วยในที่ได้เวียนผ่านไปเร็วๆ นี้แล้ว
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาระบบงานตามระบบ HA ที่ถูกเขียนอยู่ใน
Unit profile แน่นอนคงไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
พวกเราคงต้องช่วยกันพัฒนางานในฝ่ายอายุรกรรมให้ได้ดีทั้ง 2 ด้าน
1.
ดีต่อตัวเราเอง
2. ดีต่อส่วนรวม (สถาบัน
และผู้ป่วย)
เนื่องจากผมเองเป็น Clinician ซึ่งทุกท่านก็เป็นเหมือนผม
ดังนั้นผมขอเสนอแนวคิดที่นำเอางาน Service ขึ้นต้น
เพื่อให้ได้งานที่ดีต่อส่วนรวม โดยมี concept ว่า
ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก sweating เกินความจำเป็น ทุกคนควรมีเวลา
Break พักผ่อน, หาความรู้จากการประชุมตามอัตถภาพ
แต่ในขณะเดียวกันจะต้องมี commitment ต่อตนเองและฝ่ายอายุรกรรม
ในเรื่องของการพัฒนางาน
รับผิดชอบต่องานที่ผมจะใช้ความพยายามให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ
โดยจะวางแผนพ่วงเข้าไปให้สามารถประยุกต์ใช้ในการทำ HA ได้ด้วย
หรืออีกนัยหนึ่งคือ จะใช้งานบริการ routine เป็นตัวตั้ง ส่วน HA
เป็นตัวผลพลอยได้จากงาน routine ไม่ใช่ใช้เอกสารเป็นตัว dictate
ให้พวกเราทำตามเอกสาร
แต่อาจต้องยอมรับว่าพวกเราอาจต้องพัฒนางานบางอย่างให้มีประเด็นครอบคลุมมากขึ้น
รวมถึงอาจต้องมีการบันทึกข้อมูล
หรือกิจกรรมที่เป็นกิจจะลักษณะมากขึ้น
ในปัจจุบันพวกเราเริ่มมีกำลังคนมากขึ้นพอที่จะรับมือ work load
ได้ดีขึ้น (แต่ไม่ทั้งหมด) กลยุทธ์ที่ผมคิดว่าต้องนำมาใช้ในขณะนี้คือ
การบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะผู้ป่วยนอก
ซึ่งมักเป็นจุดที่อ่อนไหวในกรณีที่พวกเราติดงาน
ติดประชุมพร้อมกันทีเดียวหลายคน ในมุมมองของผมแล้ว
คิดว่าน่าจะจัดการได้โดยการทราบตารางการลาล่วงหน้า
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าในยุคนี้น่าจะเป็นยุคที่เราจะสบายมากขึ้น
ในแง่การดูแลผู้ป่วยในสถาบัน เมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา
ถ้าบวกกับการร่วมคิดร่วมทำในเรื่องการบริหารจัดการอีกเล็กน้อย
ผมคิดว่า พวกเราน่าจะอยู่ในภาวะอยากทำในสิ่งที่ทำในเชิงวิชาการได้
โดยมีภาระงานน้อยลง (เท่าแผนกอื่น) แต่ไม่ใช่สบายจนไม่มีงานทำ
ผมคงมีหน้าที่เหมือน Conductor, Lobbyist, Co-ordinator
แล้วแต่จะเรียกมากกว่า ที่จะเป็นหัวหน้าอายุรกรรม (จริงๆ
ผมไม่ชอบตำแหน่งนี้เท่าไร) เพื่อที่จะทำให้พวกเรามี 2 งาน
1. Clinician 2. งานพัฒนาคุณภาพ จาก
Service สู่ HA โดยทำแบบ well-planed
ภายใต้เงื่อนไขของความสมดุลย์
นพ.วิศิษฏ์
ประสิทธิศิริกุล