มองโลกในแง่ลบ บางครั้งก็เกิดประโยชน์


คุณอาจต้องมี "คาถา" ประจำใจ

       มองโลกในแง่ลบ บางครั้งก็เกิดประโยชน์

             การมองโลกในแง่ลบ  ส่วนใหญ่ทำให้เกิดความเครียด  ความกังวลใจ  และท้อแท้  อย่างไรก็ตามหากการมองในแง่ลบมี  เป็นการมองเพิ่ม กระตุ้นเตือนในตนเอง  แล้วตามมาด้วยพฤติกรรมอันเกิดประโยชน์ ก็จะเป็นการมองโลกอย่างสร้างสรรค์ได้เช่นกัน  เหมือนกับเด็กนักเรียนที่มองว่าตนเองเรียนหนังสือไม่เก่ง ความจำไม่ค่อยดี ก็เลยอ่านหนังสือหลายๆรอบ ทวนแล้วทวนอีก

             แล้วเราจะเริ่มต้นมองกันอย่างไรล่ะ?

         ๑. เริ่มจากการมองว่าปัญหาและอุปสรรค เป็นเรื่องธรรมดา

         ๒. มองดูในแง่มุมด้านบวกของปัญหาและอุปสรรค อาจเป็นข้อดีที่ซ่อนอยู่  เช่นฝนตก ก็มองว่าทำให้อากาศเย็นสบาย (แม้ว่าทำให้รถติด  แต่ทว่า คุณก็ยังไม่ใช่เทวดาที่จะไปควบคุมการตกของฝนอยู่นั่นเอง) หรือมีนักเรียนหลายคนที่อ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ ก็มองว่า พวกเขาเหล่านั้นมีความบกพร่องทางด้านการเรียนรู้ (แม้ว่าพวกเขาจะขี้เกียจมากๆ  ไม่สนใจเรียนเลย)

         ๓. ทำอะไรบางอย่างที่สร้างสรรค์ และเกิดประโยชน์ นั่นก็คือ  ภายหลังจากการมองด้านบวกแล้วก็ต้องทำอะไรบางอย่างบ้าง  เช่นถูกผู้บริหารตำหนิ  คุณก็มองว่ามันมีประโยชน์ แล้วก็เลย Take action คือดูว่าเรื่องใดที่พลาด และจะป้องกันได้อย่างไร เป็นต้น

               คุณอาจจะต้องมี  "คาถา"  ประจำใจกันแล้วล่ะ

          การคิดในแง่ดีนั้นอาจต้องอาศัยสิ่งกระตุ้นเตือนให้ "ฉุกใจคิด"  ในด้านบวกบ้าง  เรื่องสิ่งกระตุ้นเตือนนี้ เป็นคำพูดสั้นๆที่ใช้เตือนใจนั้น มีประโยชน์ในการกระตุกใจให้ฉุกคิด ดิฉันขอเรียกคำพูดเด็ดประจำใจนี้ว่า  "คาถา" 

           ตัวอย่างเช่น  เราควรใช้คาถา เชิงคำถามที่ว่า  "เรามีอะไรดีบ้างมั้ย"  เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนตนเองว่า..ทุกอย่างต้องมีข้อดี.. หากรู้จักมองให้เกิดประโยชน์

           บางคนใช้วิธีมองด้านบวกของคนที่ตำหนิเขา เช่น  ผู้บริหารท่านนี้ช่างปากร้ายเสียจริงๆ  แต่......เขาก็มี...ความยุติธรรมเหมือนท่านเปาบุ้นจิ้นเลย

           บางคนมองเห็นความดีของคนที่อยู่รอบตัวเรา  เช่น ภรรยาเป็นคนช่างจู้จี้ขี้บ่นน่ารำคาญเสียจริงๆแต่ก็มองว่าเธอเป็นผู้มีพระคุณเพราะหุงข้าว  ซักผ้าให้เรา  หรืออนุญาตให้เราแอบไปมีกิ๊กได้ (แต่อย่าเอาจริงนะ) 

           คาถาที่ดีจึงต้องสอดคล้องกับอุปนิสัย  เช่น เดิมเป็นคนชอบมองอนาคตในแง่ร้าย  ก็อาจใช้คาถาที่ว่า    "พรุ่งนี้จะต้องดีกว่านี้เป็นแน่"   บางคนชอบมองคนในแง่ร้าย  ก็อาจใช้คาถาที่ว่า    "เขามีข้อดี"  แน่นอนว่าคาถาเหล่านี้ เมื่อนำไปใช้บ่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญ  และ  "เท่าทัน" ต่อความคิดด้านลบมากยิ่งขึ้น

            เริ่มต้นเสียตั้งแต่วันนี้เถอะค่ะ

          การมองโลกในด้านบวกเป็นสิ่งที่ฝึกฝนกันได้  แต่ก็ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่รอช้า ยิ่งทำยิ่งคิดก็ทำให้จิตใจผ่องใส เกิดสติปัญญาแก้ไขปัญหา อุปสรรคของตนเองได้  และถึงแม้ว่ายังไม่มีปัญหาอะไรก็ตาม  ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่จิตใจในการรับมือกับอุปสรรคในอนาคตได้

                                 มนุษย์เราเลือกสิ่งที่พบเจอไม่ได้ทุกอย่าง

                        แต่...มนุษย์เรามีอิสรภาพที่จะเลือกความรู้สึกว่า.........

                                   เป็นบวกหรือเป็นลบได้ทุกครั้ง

 

หมายเลขบันทึก: 274622เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2009 01:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 10:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มนุษย์เราเลือกสิ่งที่พบเจอไม่ได้ทุกอย่าง

แต่...มนุษย์เรามีอิสรภาพที่จะเลือกความรู้สึกว่า.........

เป็นบวกหรือเป็นลบได้ทุกครั้ง

..ถูกต้องขอรับสิ่งต่างๆมีอิสรภาพ(Freedom)ที่จะแปรเปลี่ยนไปตามกฎของมัน

แต่เราไปยึดว่าต้องเป็นของเราหรือต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ

เพราะมีตัวตนเป็นศูนย์กลางของการยึดครอง

ฉะนั้นทุกข์จึงเกิดเมื่อเราทวนกระแสของสรรพสิ่ง

อิสรภาพไม่ได้หมายถึงสัมฤทธิ์ผลของการตัดสินใจว่าเราเลือกทำสิ่งนี้แล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อิสรภาพอยู่ที่ความสามรถในการตัดสินใจเลือก...

แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ขอรับคุณครู..

  • "มองแง่ลบ ก็เกิดประโยชน์" เห็นอย่างนั้นเช่นกัน ที่นี่ครับ..
  • http://gotoknow.org/blog/tnitsu/274176
  • ขอบคุณสาระดีๆครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท