เพียงแค่ครอบครัวใส่ใจ


อาจจะทำให้เขารู้สึกดีมากยิ่งขึ้นถ้าหากว่าคนในครอบครัวหรือลูก ๆ ของนายเอรวยหันกลับมาดูแลและเอาใจใส่พ่อมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราทุกคนคิดว่านี่คือสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดที่เราทำ

อีกหนึ่งคนที่เราได้ช่วยเหลือคนไข้แล้วรู้สึกดี คนไข้ชื่อนายเอรวย คนไข้คนนี้มีประวัติเรื่องโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงคนไข้ได้พบกับหมอภูษา 2 ครั้งแล้วแต่อาการของคนไข้ไม่ดีขึ้นภรรยาของคนไข้เข้ามาขอร้องและร้องให้ขอให้เราช่วยนายเอรวยทางปุ๊กและเวเห็นแล้วสงสารจึงได้โทรปรึกษากับพี่ต้อยเพื่อนำคนไข้ไปโรงพยาบาล พี่ต้อยให้นำคนไข้ไปโรงพยาลในวันที่ 5 ก.พ. 52 และออกค่าให้จ่ายรักษาโรคหัวใจเป็นเงิน 88 บาท   พี่ต้อยได้แนะนำให้เราทำความเข้าใจภาวะ การเจ็บป่วยของคนไข้ว่าคนไข้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่องทางหน่วยปฐมพยาบาลของเราอาจจะช่วยคนไข้ไม่ได้ทุกครั้งเราต้องช่วยเหลือคนไข้ที่ฉุกเฉินไม่มีเงินค่ารักษา จึงแนะนำให้คนไข้เตรียมความพร้อมในการรักษาในวันนัดครั้งต่อไป และหมอที่โรงพยาบาลนัดให้นายเอรวยมาอีกครั้งวันที่ 5 มี.ค. 52 พร้อมกับมาตรวจเจาะเลือด วันนัดคนไข้ไปตามนัดที่หมอนัดปุ๊กได้ไปส่งคนไข้ที่โรงพยาบาลและเป็นล่ามให้กับหมอ ตอนที่นั่งรอพบหมอปุ๊กสังเกตเห็นท่าทางของนายเอรวยเงียบ ๆ และแอบร้องไห้ ปุ๊กจึงไปถามนายเอรวยไม่สบายใจเพราะไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการรักษา ปุ๊กจึงโทรคุยปรึกษากับพี่ต้อย พี่ต้อยจึงมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้จำนวน  400 บาท นายเอรวยตื้นตันน้ำตาคลอและขอบคุณที่เราช่วยจ่ายค่ารักษาให้ ตอนเย็นหลังจากที่ปิดคลินิกพี่ต้อยจึงชวนปุ๊กและเวมานั่งคุยถึงครอบครัวของนายเอรวย นายเอรวยมีภรรยาและลูกทั้งหมด 3  คนทุกคนในครอบครัวทำงานทั้งหมดมีรายได้ต่อเดือนประมาณเดือนละ 9,500 บาท ยกเว้นนายเอรวยคนเดียวที่ไม่ได้ทำงาน แต่ลูก ๆ ของนายเอรวยดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเรื่องการเจ็บป่วยของพ่อ หรือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาของพ่อ พี่ต้อยจึงได้แนะนำให้ปุ๊กและเวไปทำความเข้าใจกับภรรยาและลูก ๆ ของนายเอรวย ในเรื่องสุขภาพของนายเอรวยและโรคของนายเอรวยที่เป็นอยู่ว่าจะต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวมีส่วนร่วมกันและอธิบายถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาของนายเอรวยในแต่ละเดือนว่าประมาณเดือนละ 500 บาท ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของครอบครัวของนายเอรวยที่จะรับผิดชอบได้ถ้าช่วยกัน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือของหน่วยปฐมพยาบาลของเราก็อาจจะช่วยได้บ้างในบางครั้งที่เขาไม่ทันหรือไม่สะดวก แต่เนื่องด้วยเราเองก็ต้องใช้เงินในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ฉุกเฉินจำเป็นต้องรักษาและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาซึ่งในพื้นที่ก็มีมากเราจำเป็นต้องกันเงินส่วนนี้ไว้สำหรับคนไข้ที่ลำบากหรือฉุกเฉินจริง ๆ  แต่สำหรับการช่วยเหลือนายเอรวยในครั้งนี้เราก็ภูมิใจที่ได้ช่วยถึงแม้จะไม่มากแต่สิ่งที่เราช่วยก็กำลังใจที่มีต่อนายเอรวยที่จะทำให้เขารู้สึกดีและมีกำลังใจที่จะมีชีวิตสู้และมีชีวิตอยู่ต่อ และอาจจะทำให้เขารู้สึกดีมากยิ่งขึ้นถ้าหากว่าคนในครอบครัวหรือลูก ๆ ของนายเอรวยหันกลับมาดูแลและเอาใจใส่พ่อมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราทุกคนคิดว่านี่คือสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดที่เราทำ

                                                                                                        หน่วยปฐมพยาบาล คามิลเลียน โซเชียล เซนเตอร์ ระนอง

หมายเลขบันทึก: 273170เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2009 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท