การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพระราชดำริ


หลักปรัชญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับมีคุณค่ายื่งต่อวงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพระราชดำริ

อ่านข่าวเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพระราชดำริ ซึ่ง ดร.สเมษ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา มีประโยชน์และน่าสนใจมาก เนื้อข่าวจากเวปไซด์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ มีดังนี้ครับ

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาสำนักงานคณะกรรมการ      ข้าราชการพลเรือนเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับการพัฒนามนุษย์มีใจความว่า ปีฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มักมีกิจกรรมการจัดการบรรยายและมักเชิญตนไปบรรยายเรื่องภารกิจของพระเจ้าอยู่หัว ทั้งเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์, วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม

ดร.สุเมธ กล่าวด้วยว่า ความคิดและพระราชปรัชญาต่างๆ ของพระเจ้าอยู่หัว เป็นสิ่งที่ต้องติดตามและต้องสังเคราะห์ออกมาเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจที่สามารถนำมาปฏิบัติ สิ่งที่น่าเสียดาย คือ ชาวไทยชอบเห็น และไ ด้ยินแต่ไม่เคยฟังพระเจ้าอยู่หัวรับสั่ง ไม่คิดตามว่าที่รับสั่งอย่างนั้นหมายความว่าอย่างไร พระองค์อยากให้ปฏิบัติ  อย่างไร อยากให้ทำอะไร ส่วนมากมักชื่นใจและผ่านเลยไป นับเป็นเนื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง

ตลอด 60 ปี งานพัฒนาโครงการของพระองค์ งานความคิดที่เรียกว่า เป็นทฤษฎีแนวความคิดเป็นเรื่อง   

        ลึกซึ้งมากมีครบทุกมิติ แต่ขาดการนำมาศึกษาหาความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง นำไปเป็นแนวทางตนเอง บริหารองค์กร และที่สำคัญคือ นำไปบริหารประเทศชาติ หลายคนสงสัยว่าแนวทางของพระเจ้าอยู่หัวจะสามารถปฏิบัติได้หรือไม่ ที่ผ่านมา ไม่มีความพยายามศึกษา มีแต่หาเหตุผลว่าทำไมถึงรับสั่งเช่นนั้น ผมยืนยันว่า ก่อนที่พระองค์จะรับสั่งอะไร พระองค์ได้ทรงวิเคราะห์ ครุ่นคิด สิ่งที่รับสั่งเป็นผลพวงจากการปฏิบัติ หลายคนออกมาพูด       เรื่อยเปื่อย ออกมาจากหนังสือทั้งนั้น

ดร.สุเมธ แสดงความเห็นด้วยว่า ประสบการณ์ของที่แห่งหนึ่งไม่สามารถนำไปปฏิบัติในสถานที่อีกแห่งหนึ่งได้ มักล้มเหลว เพราะไม่มีอะไรที่เป็นของสำเร็จรูป ในเรื่องนี้พระองค์ได้รับสั่งเมื่อตนเข้าไปถวายงานครั้งแรกเมื่อปี 2524 คำสำคัญคำนั้น คือ คำว่า ภูมิสังคมท่านทรงรับสั่งว่ามาทำงานกับพระองค์ท่านนั้นเป็นการพัฒนา การสร้างกิจกรรมใดๆ ต้องยึดหลักภูมิสังคม แรกๆไม่เข้าใจ ท้ายสุดได้ความสรุปเป็นสุดยอดของวิชาการว่าต้องยึดภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำลมไฟ เป็นที่ตั้ง เพราะไม่มีที่ใดเหมือนกัน ลักษณะภูมิประเทศล้วนไม่เหมือนกัน ประเทศไทยทั้ง 4 ภาค มีภูมิประเทศคนละแบบ

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวต่อว่า ความหลากหลายของสังคมมีมากมาย ทั้งประเพณีค่านิยม หลักการปฏิบัติ ความหลากหลายเป็นเรื่องที่ต้องให้ความเคารพ หากเอาทฤษฎีของต่างประเทศมาใช้ เชิญวิทยากร      ต่างประเทศมาบรรยาย จ่ายเงินมากมาย เพื่อฟังประสบการณ์ของเขา

ความจริงก็มีประโยชน์ แต่ขอเตือนสติว่าต้องเลือก นอกจากรู้เขาแล้วต้องรู้เราด้วย เวลานี้แนวโน้มทั้งหมดฟังเขาและเชื่อเขาจนทะเลาะกันทั้งบ้านทั้งเมือง และอย่าลืมว่า เขามาจากภูมิสังคมที่แตกต่างจากเรา ไม่ใช่ทุกสิ่งที่   เขาพูดเราต้องทำตามถือเป็นเรื่องที่อันตราย

ที่ผ่านมา มีนักบรรยายคนหนึ่งช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเขาเปลี่ยนไป ครั้งแรกมาถึงพูดแต่ทุนนิยม ประเทศไทยต้องปรับตัวให้ทัน แต่ในช่วงหลังเปลี่ยนไป เริ่มเอนเอียงมาถึงเรื่องความสุขที่พระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งไว้เมื่อ 60 ปี ที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครแสวงหา พยายามแสวงหาความร่ำรวยที่เป็นต้นตอของความทุกข์ อนาคตของประเทศไทยความสำคัญอยู่ที่การพัฒนาการเกษตรไม่ใช่อุตุสาหกรรมอย่างที่ใฝ่ฝัน และได้รับกรรมทุกครั้งไป

ดร.สุเมธ กล่าวด้วยว่า ระบบทุนนิยม เสรีนิยม หรือบริโภคนิยม ล้วนเป็นระบบที่ถูกกิเลส ตัณหานำพา ทุกวันประชาชนจะถูกกระตุ้นให้บริโภค กระทั่งสติและปัญหาหายไป ในทศวรรษหน้าข้าราชการไทยจะเป็นโรค      เส้นประสาททั้งหมดยิ่งรวย มีรายได้มากเท่าใดการโกงจะมีมากเท่านั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ดี คือ      ทำให้มนุษย์และธรรมะอยู่ด้วยกันอย่างสมดุล มาตรวัดความสุขของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 32 ขณะเดียวกัน ประเทศมหาอำนาจที่สุด ร่ำรวยที่สุดอยู่อันดับที่ 150 ต้องเลือกจะต้องการหรือไม่ มีอำนาจแต่ว่าทุกข์ที่สุด

ประเทศรวยที่สุดอย่างญี่ปุ่น ขณะนี้ต้องซื้อออกซิเจนกระป๋อง นั่นหรือคือสิ่งที่เราต้องการ ผมว่าไม่น่าจะใช้ ถ้ าเราฉลาด พระเจ้าอยู่หัวทรงวางการพัฒนามนุษย์วางเป้าหมายว่าคนทุกคนต้องมุ่งสู่ประโยชน์สุขใช้คนเป็นศูนย์กลางวางแผนไว้ไม่มีใครเข้าใจและไม่มีใครทำ ในอีก 10 ปี คิดว่า ประเทศจีนน่าจะเป็นหนึ่งของโลก จีนประกาศว่าจะใช้คนเป็นศูนย์กลาง เราคิดก่อนเขา วางแผนก่อน แต่ไม่ปฏิบัติ จีนพัฒนาอุตสาหกรรมไปก่อน    พอเข้าที่วกกลับมาช่วยเกษตรกรรม ประเทศไทยไปเรื่อยๆ ไปไหนไม่รู้โตแล้วมันก็แตกหลายครั้งแล้ว มนุษย์จะเก่งเป็นดอกเตอร์นั้นไม่สำคัญ หากต้องมีธรรมะ มีคุณธรรมเป็นฐานสำคัญใครไม่รู้สึกเรื่องความดีเรื่องธรรมะผมว่าไม่ใช่เป็นมนุษย์

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวต่อว่า พระเจ้าอยู่หัวอยู่ท่ามกลางประชาชน คือ ทรงงาน อย่างที่มนุษย์ธรรมดา  ไม่สามารถทำได้ ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์ทำงานมากกว่าพวกเราหลายเท่า ทำด้วยจิตวิญญาณ วันแรกที่ตนเข้าไปถวายงานพระองค์รับสั่งเงื่อนไขการทำงานกับพระองค์ว่าขอบใจมาทำงานกับฉัน มาช่วยฉันทำงาน ฉันไม่มีอะไรจะให้นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นนับตั้งแต่วันนั้นชีวิตตนมีความสุข เงื่อนไขที่พระองค์ทรงวางไว้เมื่อส่วนรวมดีแล้ว เราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมจะไม่ดีขึ้นหรือ และหากเอาแต่ประโยชน์ตัวเองคนอื่นจะทุกข์หมด อย่างไรก็ตาม ดร.สุเมธ กล่าวด้วยว่า พระเจ้าอยู่หัวไม่เคยให้สิ่งของโดยที่   ไม่ให้ความรู้ สิ่งสำคัญคือ พระองค์จะให้ประชาชนช่วยตนเอง สามารถพัฒนาตนเองได้

แนวคิดจากการที่ได้ศึกษาจากบทความข้างต้น ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในพระอัจฉริยภาพของพระเจ้าอยู่หัวอย่างหาที่สุดมิได้  พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด  โครงการในพระราชดำริหลายโครงการที่พระองค์ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาประชากรของพระองค์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พระราชดำรัสที่พระองค์พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย  ล้วนแล้วแต่เป็นหลักปรัชญาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างล้ำค่ายิ่ง

span style="font-size: 16pt; color: black; font-family: "Angsana N

หมายเลขบันทึก: 272834เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2009 15:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

พี่เอกครับผมมาอ่านแล้ว ได้ความรู้ดีมากครับ

การที่จะพัฒนาหน่วยงานหรือองค์ให้มีความพอเพียงนั้น เราควรเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนจริงใหมค่ะ

มาเยี่ยมให้กำลังใจครับ อย่าลืมสรุปความเห็นของตนเองลงด้วยครับ

บทความนี้มีประโยชน์มากค่ะ อ่านแล้วชอบมากเลย

อ่านแล้วเห็นภาพ ประทับใจในทุกพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอยู่แล้วค่ะ สามพันกว่าโครงการที่ทำเพื่อพสกนิกรชาวไทย พิสูจน์แล้วว่าพระองค์คือมหาราชที่แท้จริง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท