ตอซังและฟางข้าวมีประโยชน์อย่างไร
“ดินที่ดี” ส่วนประกอบของดินที่ดีต่อการปลูกพืชควรมีเนื้อดินที่เป็นอนินทรีย์วัตถุ เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยของแร่และหินต่างๆ ที่สลายตัวตามธรรมชาติ ส่วนนี้ควรมีร้อยละ 45 ส่วนที่สองคืออินทรียวัตถุประมาณร้อยละ 5 เป็นส่วนที่เกิดจากการเน่าสลายของซากพืชและสัตว์ อีกร้อยละ 50 โดยรวมคืออากาศและน้ำ สำหรับดินนามีน้ำขังเกือบตลอดเวลาจะมีน้ำเกือบทั้งหมดมีอากาศน้อย ดังนั้นการเผาตอซังและฟางข้าวทิ้งไปจึงเป็นการทำลายโอกาสที่จะพัฒนาดินให้มีศักยภาพการผลิตที่ดีขึ้น เนื่องจากดินนาส่วนใหญ่มีอินทรียวัตถุในดินน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าเกษตรกรลดการเผาตอซังและฟางข้าวจะสามารถพัฒนาดินให้มีอินทรียวัตถุให้กับดินได้มากขึ้นซึ่งวิธีนี้บางท่านอาจมองข้ามไป เพราะคิดว่าถ้าข้าวแสดงอาการขาดธาตุอาหาร ก็นำปุ๋ยเคมีมาใส่ หรือบางรายแก้ปัญหาด้วยการนำปุ๋ยอินทรีย์ หรือสารปรับปรุงดิน ผสมกับปุ๋ยเคมีใส่ลงไปเป็นการแก้ปัญหาให้กับดินที่ปลายเหตุ จนลืมไปว่าสิ่งที่ดีที่สุดนั้นมีอยู่ในแปลงนาอยู่แล้ว อีกทั้งการเผาตอซังและฟางข้าวนอกจากจะทำให้เกิดมลพิษคือความร้อน ควัน ฝุ่นละออง ปัญหาต่อการจราจรแล้ว ยังเป็นการทำลายวัสดุที่จะใช้ในการปรับปรุงดินที่จะสลายตัวให้ธาตุอาหารพืชจำนวนมหาศาลอีกด้วย
สิ่งดีๆ มีอยู่ในนาข้าว ตอซังและฟางข้าวมีธาตุอาหารเป็นส่วนประกอบดังนี้ ไนโตรเจน 0.65-0.70 % ฟอสฟอรัส 0.08-0.10 % โพแทสเซียม 1.40-1.60 % แคลเซียม 0.40 % แมกนีเซียม 0.20 % หากเผาตอซังและฟางข้าวทิ้งไปเหลือเป็นขี้เถ้านั้นไนโตรเจนจะถูกทำลายไปกว่า 90 % ฟอสฟอรัส 20 % และโพแทสเซียม 23 % ถ้าไม่เผาตอซังและฟางข้าวแล้วจะเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน มีธาตุสารประกอบที่มีในพืชและสัตว์และมีจุลินทรีย์ที่ตายแล้วและยังมีชีวิตอยู่ เป็นอินทรียและหมุนเวียนธาตุอาหารพืชคืนสู่ดินปรับปรุงโครงสร้างของดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินมีความโปร่งร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และความหนาแน่นของดินลดลง ช่วยดูดซับธาตุอาหารในดิน และปลดปล่อยออกมาอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช และลดความเป็นพิษของเหล็กและแมงกานีสในดิน เพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ช่วยในการลดระดับความเค็มของดิน รักษาระดับความเป็นกรดและด่างของดิน ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช สารมารถเพิ่มผลผลิตให้กับพืช ซึ่งถ้าไถกลบตอซังในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผลผลิตพืชเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เผาตอซัง การไม่เผาฟางข้าวยังส่งผลดีที่จะช่วยอนุรักษ์แมลงและสัตว์เล็ก ๆ ที่เป็นประโยชน์ในไร่นา จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินไม่ถูกทำลาย
สาเหตุที่เผาฟาง เกษตรกรส่วนใหญ่จะเผาฟางหลังการเก็บเกี่ยว แล้วปล่อยน้ำเข้านาก่อนใช้รถตีดิน เพราะถ้าไม่เผาฟางแล้วจะไม่สามารถตีดินได้
แนวทางแก้ไขเพื่อเลิกเผาตอซังและฟางข้าว พันจ่าโทเฉลียว น้อยแสง ทหารเรือเก่าทีพลิกผันชีวิตมาเป็นเกษตรกร บ้านเลขที่ 42/3 หมู่ 10 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท กล่าวว่า ได้ร่วมปรึกษาสมาชิกโรงเรียนเกษตรกร เพื่อหาทางแก้ไข เนื่องจากให้เพื่อนเกษตรกรใช้การหมักด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วยก่อนไถกลบแล้วไม่ทันใจ เพราะต้องใช้เวลานานถึง 14 วัน แต่ถ้าไม่เผาก็จะพบปัญหาฟางพันตัวตี(โรตารี่) ทดลองหลายวิธี จึงได้วิธีคือ ปล่อยน้ำเข้านา ใช้น้ำหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย 5 ลิตร/ไร่ ใส่แกลลอนผูกติดโรตารี่ เจอะรูให้น้ำหมักหยดตลอดการไถกลบ ต้องไถขวางรอยเกี่ยวข้าวจะสามารถไถได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการตีดิน โรตารี่จะตีดินและฟางข้าวติดโรตารี่จะหลุดเมื่อตีดินถึงช่วงไม่มีฟางระหว่างรอยเกี่ยว กระบวนการตีดินไถกลบตอซังและฟางข้าวจะดำเนินแบบนี้จนสามารถไถกลบตอซังและฟางข้าวจนเสร็จสิ้นอย่างมีประสิทธิภาพ แต่การไถแบบนี้จะทำให้การไถช้าลง เป็นประเด็นที่เกษตรกรจะต้องทำความตกลงกับผู้ประกอบการรถไถนา อาจต้องเพิ่มค่าไถนาอีกเล็กน้อย เมื่อไถกลบแล้วหมักทิ้ง 7 วัน ใช้ระยะเวลาใกล้เคียงกับการเผาตอซังและฟางข้าว เพียงเท่านี้ก็สามารถเตรียมดินปลูกข้าวพร้อมหว่านข้าวน้ำตมได้ตามปกติ โดยไม่ต้องเผาฟาง ไม่เสียเวลาหมักฟาง ได้อินทรียวัตถุ ลดการใช้ปุ๋ยในนาข้าว ไม่ต้องเสียค่ากระจายฟางข้าวก่อนเตรียมดิน พื้นที่นาจะอุดมสมบูรณ์ลดอัตราการใช้ปุ๋ยเคมี
นายรังสรรค์ กองเงิน เกษตรจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า การผลิตข้าวแบบลดต้นทุน จะต้องลดต้นทุนด้วยการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน ตั้งแต่การเตรียมดิน การปรับปรุงดินด้วยอินทรียวัตถุอย่างง่ายและประหยัดสุด คือการลดการเผาตอซังและฟางข้าว การวิเคราะห์เพื่อใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน การใช้พันธุ์ข้าวพันธุ์ดีและต้านทานโรคแมลงศัตรูพืช การอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ ควบคู่กับการใช้สารสกัดสมุนไพร หรือสารชีวภัณฑ์ ซึ่งการใส่ปุ๋ยในนาข้าวตามค่าการวิเคราะห์ดินนั้น สามารถลดลงตามสัดส่วนของอินทรียวัตถุในดินนานั้นๆ คือ ดินที่มีอินทรียวัตถุในดินมากกว่า 2 % อาจใส่ปุ๋ยลดลงครึ่งหนึ่งของอัตราที่เคยใช้ โดยทั่วไปอินทรียวัตถุในดินที่มีมากกว่า 2 % นั้นจะสลายตัวให้ธาตุอาหารพืชมากเพียงพอต่อการให้ผลผลิตของข้าว แต่ต้องมีการใส่ปุ๋ยบ้างเพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ พร้อมสร้างความสมดุลของธาตุอาหารในดินนานั้นไว้