ผู้คนส่วนใหญ่นั้นไม่รู้สึกตัว ตลอดเวลา ทั้งวัน ฝันทั้งวัน
คนส่วนมากเผลอน้อย คือเผลอครั้งเดียวทั้งวัน...เลย
...เป็นส่วนหนึ่งของเทศนาธรรมของหลวงพ่อ.... ที่ได้อ่านทบทวนทุกๆเช้าหลังการเจริญสมาธิ
...ยอมรับว่าไม่ค่อยเข้าใจตอนแรกๆ
การทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ภาษาของสภาวะนั้น
เป็นเรื่องที่ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากมากๆ บางครั้งอาจจะต้องรอเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี หรือเป็นหลายภพชาติไป.....
เผลอ คืออะไร
เพ่ง คืออะไร
รู้สึกตัว คืออะไร
ในขณะหนึ่งๆนั้น ถ้าไม่ลองทำ ไม่ลองรู้สึก ไม่ลองฝึกก็ยากที่จะเข้าใจ
เหมือนมีอะไรมากมายมากั้นไว้ ไม่ให้เรารู้สภาวะที่แท้จริง เดิม......
ก่อนนี้เราอาจจะท้อถอย
เพราะนั่งทีไรก็เผลอทุกที เดี๋ยวจิตก็ออกไป เดี๋ยวก็ออกไป ไม่มีหยุด เราอยากจับเขาให้อยู่นิ่งๆ
อยู่ที่เดียว กับลมหายใจ เข้าออก
ด้วยความไม่รู้ และความอยากให้สงบ เมื่อไม่สงบ เราก็ท้อ ถอย เหนื่อย อ่อนแรง
เพียงเพราะยังไม่เข้าใจสภาวะของจิตที่แท้จริง
วันก่อนอ่านพบตรงที่หลวงปู่ ท่าน สอนว่า
จิตมีธรรมชาติอย่างหนึ่งคือ เขาชอบออกไป (เดี๋ยวจะไปคัดเต็มๆมาครับ..)
เหมือนเห็นเเสงสว่างเกิดขึ้นบางอย่าง ในเรื่องที่เราติดขัดมานาน เรื่องของความคิด จิตใจ
บางครั้งก็ยังงงๆ
แต่ก็เป็นความเข้าใจแบบความจำ
คงจะต้องลองตามรู้ ตามดูเขาไปเรื่อยๆ
ชอบตรงที่หลงวพ่อท่านสอนว่า
เผลอก็รู้ว่าเผลอ
เพ่งก็รู้ว่าเพ่ง
รู้ก็รู้ว่ารู้
สภาวะทั้ง 3 อย่างคงต้องหมุนเวียนเปลี่ยนไป
กับผู้กำลังค่อยๆคืบคลาน จากสภาวะของความไม่รู้ ความหลง ไปสู่ความรู้สึกตัว
เส้นทางนั้นดูเหมือนอีกไกล
แต่เมื่อฟังเรื่องการเดินทางของหลวงพ่อ และอีกหลายๆคน
ก็ทำให้เรามีกำลังใจอย่างมาก และมั่นใจที่จะเดินไปเรื่อยๆ
แบบไม่น่าจะหันหลังกลับมา
เหมือนเส้นทางนี้มีแต่ทางข้างหน้าที่จะต้องเดินไป
เพราะยิ่งเดิน...ยิ่งค่อยๆเปลี่ยนแปลง เบา สบาย
มีท่อนหนึ่งคือท่านสอนว่า
การที่เรามาทางนี้ได้ เพราะว่าเราเคยทำไว้
เราเคยทำ เราเคยสร้าง เราเคยปฏิบัติ
ทำไว้นะ ไม่เสียหาย เพื่อว่าจะเป็นทุนต่อไปข้างหน้า
(ผมเข้าใจอย่างนี้ แปลมาแล้วครับ..)
สาธุครับ
"เพราะยิ่งเดิน...ยิ่งค่อยๆเปลี่ยนแปลง เบา สบาย"
น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้นะครับ
สาธุครับ สำหรับธรรมทีนำมาฝาก
เผลอ เพ่ง รู้สึก
แค่นี้เอง แต่บางทียาก บางทีง่าย