ระหว่างที่น้องยิ้มอยู่ที่ค่าย เรา(คุณพ่อและคุณแม่...และน้องจิ้น) ตกลงกันว่าจะไม่ไปดูแล เยี่ยมเยียนลูกในระหว่างกิจกรรมเลย เราโทรศัพท์คุยกันวันละครั้ง และไปหาเพียงครั้งเดียวเนื่องจากลูกโทรมาบอกให้นำไม้แขนแขวนเสื้อและที่หนีบผ้าไปให้...
.....วันนี้ (วันศุกร์ที่ 5) เป็นวันหยุด แม่บ้านที่แสนดีก็ต้องเหนื่อยกับงานประจำ คือการทำความสะอาดทุกประเภท ปัด กวาด เช็ด ถู ซัก...น้องยิ้มกุลีกุจอเข้ามาช่วยแม่ทำงานบ้านค่ะ พี่เม่ยปล่อยให้ช่วยอยู่พักใหญ่ก็อดถามไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?....น้องยิ้มตอบว่า "ไปอยู่ที่ค่ายตั้งสิบกว่าวัน ต้องดูแลตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด ถึงได้รู้ว่าแม่เหนื่อยขนาดไหน...." "ต่อไปนี้ยิ้มจะช่วยแม่ทำงาน....."พี่เม่ยหยิกแขนตัวเอง...ไม่ได้ฝันไปหรือนี่!...ก่อนหน้านี้จะให้ลูกช่วยทำงาน ก็ต้องออกแรงพูด บ่น อธิบายกันยาว ลูกก็ช่วยเหลือแบบ "ทำตามหน้าที่ลูก" เท่านั้น แต่คราวนี้ถึงขนาด "อาสามาทำ" เชียวหรือ....
เราช่วยกันทำงานบ้านเงียบๆไปอีกพักใหญ่ น้องยิ้มก็ถามว่า "แม่เหนื่อยไหม?...."
อ่านแล้ว "ยิ้ม" อีกแล้วค่ะ
ว่าไปแล้วเทคนิคการจูงใจให้ลูกทำงานบ้านนี่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เราควร ลปรร.กันนะคะ เคยได้ยิน อ.มุกดา ของเราคุยเรื่องลูก 2 คนเกี่ยงกันทำงานบ้าน แล้วอาจารย์ให้ทำวันคู่ วันคี่สลับกัน แล้วถ้าเกิดการต่อรองขัดแย้งก็จบด้วยการ "แม่สั่ง"...ฟังสนุกเหมือนอ่านที่พี่เม่ยเล่าเลย
คิดแล้วคงต้องขอให้อาจารย์มาตั้งชุมชน "คนมีลูก" กันดีกว่าไหมคะ พี่เม่ย เราจะได้ไปจอยด้วย
ดีจังเลย
นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่สนับสนุนสิ่งที่ผมชอบพูดชอบบอกใครต่อใครว่า
คำพูดอันตรายที่พ่อแม่ใช้ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวได้แก่ ..
" อย่าทำอย่างนั้นเลยลูก ..
มันยาก "
" ทำอย่างนี้สิ .. ง่ายกว่า
"
" มัวทำแบบนั้นอยู่ทำไมล่ะ ..
มันช้า "
ยอมให้มัน ช้า มัน
ยาก บ้างเถอะครับ
เขาจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาดังตัวอย่างที่เยี่ยมยอดจาดบันทึกนี้ไงครับ
หนูอ่านแล้วคิดถึง "แม่" จังเลยคะ หนูไม่เคยช่วยอะไรท่านเลย ตอนนี้ถึงหนูโตแล้ว ทำงานแล้ว แต่แม่ก็ยังต้องมาคอยช่วยดูแลหนูทุกอย่าง หนูอยากจะบอกว่าคงไม่มีใครรักเราได้เท่ากับพ่อและแม่ของเราอีกแล้วนะ