เมื่อลูกสาวกลับจากการ "เข้าค่าย"...


ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ "จากการลงมือทำด้วยตนเอง โดยไม่บังคับ"
     ช่วงสิบสองวันที่ผ่านมา (23 เม.ย. -  4 พ.ค. 48) น้องยิ้ม ลูกสาวคนโตของพี่เม่ย ได้เข้าร่วมกิจกรรมค่ายส่งเสริมและพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เป็นโครงการร่วมของสามสถาบันคือ ม.อ.  มวล. และ ม.ทักษิณ มีนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าโครงการนี้ประมาณ 90 คน กิจกรรมค่ายจะจัดต่อเนื่องตั้งแต่นักเรียนอยู่ชั้น ม.1 ไปจนถึง ม.3 โดยจัดปีละสองครั้งในช่วงปิดเทอม
     ครั้งนี้น้องยิ้มเข้าค่ายที่ ม.อ. นี่เองค่ะ  พี่เม่ยปล่อยให้น้องจัดเตรียมเสื้อผ้าเครื่องใช้ทุกอย่างด้วยตนเอง  พอเตรียมของมากๆเข้า น้องยิ้มก็วางแผนว่าจะต้อง "ซักผ้า" ในระหว่างอยู่ที่หอพักค่ายดีกว่า...ก็ตามใจ....พี่เม่ยไม่ออกความคิดเห็นอะไร ถึงเวลาก็ให้คุณพ่อไปส่งที่หอพัก....
ระหว่างที่น้องยิ้มอยู่ที่ค่าย เรา(คุณพ่อและคุณแม่...และน้องจิ้น) ตกลงกันว่าจะไม่ไปดูแล เยี่ยมเยียนลูกในระหว่างกิจกรรมเลย เราโทรศัพท์คุยกันวันละครั้ง  และไปหาเพียงครั้งเดียวเนื่องจากลูกโทรมาบอกให้นำไม้แขนแขวนเสื้อและที่หนีบผ้าไปให้...
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (วันพฤหัสที่ 4) น้องยิ้มก็กลับจากการเข้าค่าย ดูท่าทางน้องอ่อนเพลียมาก น้องบอกว่ากิจกรรมเยอะมาก ได้พักผ่อนน้อย แต่ก็สนุกและได้เรียนรู้มากมายค่ะ....พี่เม่ยจึงบอกให้ลูก "พักผ่อน" ให้มากๆ ก่อนที่จะต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเรียนที่จะเริ่มต้นในสัปดาห์หน้า....
.....วันนี้ (วันศุกร์ที่ 5) เป็นวันหยุด แม่บ้านที่แสนดีก็ต้องเหนื่อยกับงานประจำ คือการทำความสะอาดทุกประเภท ปัด กวาด เช็ด ถู ซัก...
     น้องยิ้มกุลีกุจอเข้ามาช่วยแม่ทำงานบ้านค่ะ  พี่เม่ยปล่อยให้ช่วยอยู่พักใหญ่ก็อดถามไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?....
น้องยิ้มตอบว่า "ไปอยู่ที่ค่ายตั้งสิบกว่าวัน ต้องดูแลตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด ถึงได้รู้ว่าแม่เหนื่อยขนาดไหน...."  "ต่อไปนี้ยิ้มจะช่วยแม่ทำงาน....."
พี่เม่ยหยิกแขนตัวเอง...ไม่ได้ฝันไปหรือนี่!...ก่อนหน้านี้จะให้ลูกช่วยทำงาน ก็ต้องออกแรงพูด บ่น อธิบายกันยาว ลูกก็ช่วยเหลือแบบ "ทำตามหน้าที่ลูก" เท่านั้น แต่คราวนี้ถึงขนาด "อาสามาทำ" เชียวหรือ....
มาทบทวนดูแล้วก็พบว่า คงเป็นเพราะครอบครัวเราเปิดโอกาสให้น้องยิ้มได้ "ลงมือทำด้วยตนเอง..." ได้เรียนรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยได้แบบไม่ต้องให้ใครมาบังคับ เข้าตำรา..สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทำเอง....
และเมื่อน้องมีเป้าหมายว่า "ไม่อยากให้แม่เหนื่อย" จึงได้อาสามาทำด้วยความเต็มใจ
เราช่วยกันทำงานบ้านเงียบๆไปอีกพักใหญ่ น้องยิ้มก็ถามว่า "แม่เหนื่อยไหม?...."  
พี่เม่ยไม่ตอบ ได้แต่นึกภาวนาในใจว่า ปีหน้าขอให้เจ้าตัวเล็ก (น้องจิ้น) ผ่านการสอบคัดเลือกเข้ากิจกรรมนี้ด้วยเถิด!.....
พี่เม่ยคงจะมีเวลาว่างมากขึ้น และติดบล็อกอย่างแรงแน่ๆล่ะ..คราวนี้
หมายเลขบันทึก: 27016เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2006 15:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • ยินดีกับพี่เม่ยด้วยครับ
  • เป็นคุณแม่ ลำบากอย่างนี้เองครับ

อ่านแล้ว "ยิ้ม" อีกแล้วค่ะ

ว่าไปแล้วเทคนิคการจูงใจให้ลูกทำงานบ้านนี่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เราควร ลปรร.กันนะคะ เคยได้ยิน อ.มุกดา ของเราคุยเรื่องลูก 2 คนเกี่ยงกันทำงานบ้าน แล้วอาจารย์ให้ทำวันคู่ วันคี่สลับกัน แล้วถ้าเกิดการต่อรองขัดแย้งก็จบด้วยการ "แม่สั่ง"...ฟังสนุกเหมือนอ่านที่พี่เม่ยเล่าเลย

คิดแล้วคงต้องขอให้อาจารย์มาตั้งชุมชน "คนมีลูก" กันดีกว่าไหมคะ พี่เม่ย เราจะได้ไปจอยด้วย

พี่เม่ยคะพรติดตามอ่านบล็อกของพี่มาเกือบตลอดและขอชื่นชมในการใช้ความรู้ความสามารถของพี่ที่เป็นประโยชน์ได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องลูกๆเพราะมีสาว 2 คนเหมือนกันอายุก็ไล่เลี่ยกัน ขออนุญาตลอกเลียนแบบพี่เม่ยมาสอนลูกบ้างนะคะ นอกจากพี่เม่ยเป็นอาจารย์สอนให้รู้เรื่อง lab hemato แล้วยังสอนเคล็ดลับการเลี้ยงลูกสาวอีกชอบจังเลยค่ะ พี่เม่ยคะน้องยิ้มจะเอา " ไม้...แขน " เสื้อทำอะไรคะ ( แซวค่ะ)  ชุมชนที่พี่โอ๋ว่าก็ดีนะคะ พรอยากอ่านค่ะ
ตอบ อ.สมลักษณ์ค่ะ!
  • ขอบคุณค่ะ (เข้าใจว่าอาจารย์ยินดีกับพี่เม่ย ที่จะว่างมากขึ้นใช่ไหมคะ?)
  • เป็นคุณแม่ ลำบากหน่อย เหนื่อยนิด แต่สุขใจค่ะ..
ตอบ คุณโอ๋ค่ะ!
  • พี่เม่ยจะรอสมัครชุมชน "คนมีลูก" นะคะ (ซึ่งคิดว่า คนไม่มีลูก ก็เป็นสมาชิกชุมชนนี้ได้ด้วย? ไหมคะ...)
ตอบ คุณสมพรค่ะ!
  • ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมค่ะ อ่านแล้วปลื้ม..จริงๆ...และ...
  • ขอบคุณสำหรับคำแซวด้วยค่ะ พี่เม่ยแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว
     เมื่อได้อ่านแล้วอดชื่นใจพลานุภาพของลูกต่อพ่อแม่ไม่ได้เลย ชื่นใจ และสดชื่นมากครับ
อ่านแล้วคิดถึงลูกจังเลยค่ะ ตอนนี้มีกันแต่พ่อและแม่ เพราะเมื่อวันศุกร์ ลูก ๆ ได้ติดตามคุณปู่ คุณย่าไปพัทลุงแล้วค่ะ
  • เพิ่งจัดค่ายEnglish Camp เสร็จมา
  • เห็นใจคนเป็นแม่มากครับ พี่เม่ย

    ดีจังเลย  นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่สนับสนุนสิ่งที่ผมชอบพูดชอบบอกใครต่อใครว่า คำพูดอันตรายที่พ่อแม่ใช้ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวได้แก่ ..
    " อย่าทำอย่างนั้นเลยลูก .. มันยาก "
    " ทำอย่างนี้สิ .. ง่ายกว่า "
    " มัวทำแบบนั้นอยู่ทำไมล่ะ .. มันช้า "
    ยอมให้มัน ช้า มัน ยาก บ้างเถอะครับ เขาจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาดังตัวอย่างที่เยี่ยมยอดจาดบันทึกนี้ไงครับ

หนูอ่านแล้วคิดถึง "แม่" จังเลยคะ  หนูไม่เคยช่วยอะไรท่านเลย ตอนนี้ถึงหนูโตแล้ว ทำงานแล้ว  แต่แม่ก็ยังต้องมาคอยช่วยดูแลหนูทุกอย่าง   หนูอยากจะบอกว่าคงไม่มีใครรักเราได้เท่ากับพ่อและแม่ของเราอีกแล้วนะ

  • ดีมากเลยครับ ให้ข้อคิดอะไรมากมาย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท