เมื่อวันที่ ๘-๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจากประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความสมานฉันท์ทางการเมืองของสังคมไทย (ท่านตวง อันทะไชย) ให้เข้าร่วมโครงการเพื่อจำลองสถานการณ์ประเทศไทยในอนาคต เพื่อเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นในการเสริมสร้างความสมานฉันท์ทางการเมืองร่วมกัน
มีผู้คนจากหลากหลายอาชีพเข้าร่วมเสนอแนะความคิดเห็นเพื่อมองภาพอนาคตว่าทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมันจะเกิดอะไรขึ้น หากสองขั้วความขัดแย้งลุกขึ้นมาใช้กำลังต่อกัน/หากไม่แก้ปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันโดยปล่อยให้เหตุการณ์มันเป็นอยู่อย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น กับให้เราเขียนภาพว่าอีกสิบปีข้างหน้าเราอยากให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร
เราไปประชุมกันที่ นนท์นที รีสอร์ท บรรยากาศแบบบ้านสวน ใช้เวลาสองวัน โดยเราสรุปสถานการณ์ความขัดแย้งกันก่อน ให้แต่ละท่านที่เข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นออกไปเขียนในกระดาน หลังจากนั้นมาให้เลือกกันว่าข้อไหนที่มีเสียงเห็นด้วยมากที่สุดสามละดับลดหลั่นกันไป จนได้ภาพสรุปมาดังนี้ (บทสรุปนี้ไม่ได้รวมเนื้อหาที่เสนอในที่ประชุมทั้งหมดครับ เฉพาะที่ได้คะแนนสูงสุดเท่านั้น)
บรรยากาศสถานที่ประชุมครับ
ขอขอบคุณคุณหมอพงศ์เทพ สุธีรวุฒิ ที่สรุปข้อมูลทั้งหมดดังนี้ครับ
สถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศ
1.1 สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ที่สำคัญได้แก่ เกิดการแบ่งกลุ่ม แบ่งขั้ว แบ่งสี เกิดความรุนแรงในระดับชาติ รองลงมาคือความรุนแรงในการเมืองระดับท้องถิ่น
สาเหตุ มาจาก
· แนวคิดทางการเมืองแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องมีเป้าหมายสังคมการเมืองแตกต่างกัน เกิดการขัดกันในวิธีการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง และมีความขัดแย้งในการจินตนาการความเป็นชาติ
· ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ
· ใช้ฐานมวลชนสร้างความขัดแย้ง
· ขาดคุณธรรมทางการเมือง มุ่งหวังประโยชน์ส่วนตัวและพรรคพวก
· ขาดความไว้วางใจของทุกฝ่าย
· ขาดความเชื่อมั่นในระบบ
· ขาดข้อมูลความจริง และหลักฐานเชิงประจักษ์
ทางออกเบื้องต้นที่เป็นรูปธรรม
· การจัดตั้งโรงเรียนนักการเมือง
· แก้กฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ
· พัฒนาระบบการเลือกตั้ง
1.2 สถานการณ์ความขัดแย้งในระบบการปกครอง มีความขัดแย้งทั้งแนวคิดและรูปแบบการปกครองตามวิถีตะวันตกและวิถีตะวันออก ทางออกเบื้องต้นที่เป็นรูปธรรม คือ การพัฒนาประชาธิปไตยแบบมีการจัดการ และ การกระจายอำนาจ
1.3 สถานการณ์ความขัดแย้งเนื่องมาจากการแย่งชิงอำนาจ ในทุกองค์กร ทุกระดับ ต่อไปนี้
· รัฐและในวงการข้าราชการ
· การเมือง
· เอกชน
· ภาคประชาชน
· สถาบันต่างๆ
· ศาสนา
· องค์กรอิสระ
· สถาบันเบื้องสูง
· อำนาจมืด
1.4 สถานการณ์ความขัดแย้งเนื่องมาจากการการแย่งชิงทรัพยากร โดยเฉพาะเรื่องน้ำและที่ดินทำกิน
1.5 สถานการณ์ความขัดแย้งเนื่องมาจากการความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ศาสนา ได้แก่ กระแสวัฒนธรรมบริโภคนิยม วัตถุนิยม การก่อการร้ายอันเนื่องมาจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
1.6 สถานการณ์ความขัดแย้งเนื่องมาจากการระบบเศรษฐกิจ เป็นความขัดแย้งทั้งกลุ่มทุนต่างชาติ และกลุ่มทุนภายในประเทศ
1.7 การแบ่งแยกดินแดน เป็นความขัดแย้งที่ยกระดับเป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
2. ปัจจัยที่นำไปสู่ความขัดแย้ง
2.1 ปัจจัยที่เกิดจากปัจเจกบุคคล
· มายาคติ อันได้แก่ ค่านิยม ความเชื่อ ในทุกกลุ่ม ทุกระดับ
· ความศรัทธา อันนำไปสู่วิกฤตศรัทธาในด้านต่างๆ
· ผลประโยชน์ทั้งส่วนตัว/พวกพ้อง ทั้งตำแหน่งและงบประมาณ
2.2 ปัจจัยเชิงโครงสร้าง ได้แก่
· โครงสร้างอำนาจของรัฐ ราชการ ท้องถิ่น
· ความอยุติธรรม โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และสิทธิมนุษยชน
· ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและความเชื่อ อันนำไปสู่ความแตกต่างในระบบความสัมพันธ์
· ระบบการศึกษา ที่มีผลต่อความคิด ความรู้ ความเข้าใจ
· ระบบข้อมูล ที่ทำให้เกิดการเข้าถึง การรับรู้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เพื่อการตัดสินใจ
· ผลประโยชน์อันเนื่องมาจากงบประมาณ และการคอรับชั่น
3. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเมืองไทย
· ผู้นำการเมืองไทย
· พรรคการเมือง
· การเมืองภาคประชาชน
· รัฐบาล
· กระบวนการเลือกตั้ง
4. ปัจจัยเชิงระบบที่มีผลต่อการเมืองเป็น 5 ด้าน
4.1 ระบบความสัมพันธ์
· เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ
· เป็นความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการกับนักการเมือง ที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง
· เป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดการแยกขั้วแย่งชิงอำนาจ
4.2 ระบบค่านิยม
· คุณธรรม นักการเมือง
· นิยมเงินและอำนาจ
· ความเชื่อผู้นำ
4.3 ระบบผลประโยชน์
· การใช้อำนาจโดยอ้างอิงประชาชน
· การแย่งชิงทรัพยากร
· ผลประโยชน์ทับซ้อน
4.4 ระบบโครงสร้าง
· การศึกษา
· รัฐธรรมนูญ
· เศรษฐกิจ
· การเข้าถึง
· การกระจาย
4.5 ระบบข้อมูล
· สื่อไม่เป็นกลาง
· การใช้เครื่องมือของรัฐ
· การเลือกรับรู้อย่างมีอคติ
(ยังมีต่อ คราวหน้าเรามาดูกันว่าภาพที่เราจำลองกันขึ้นมามันเป็นอย่างไร)
สวัสดีค่ะ ท่านอัยการฯ
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า มาอ่านบทความที่มีสาระก่อนไปทำงาน
แล้วจะกลับมาอ่านใหม่นะคะ
โชคดี มีสุขในการทำงานค่ะ
สวัสดีค่ะ
ข้อมูลมีประโยชน์จริงๆ เลยค่ะ
ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนข้อมูลดีดีนะคะ
อ่านเร็วๆ ไม่พบว่า มีการมองเห็นภาพความทุกข์ความสุขของประชาชนรากหญ้านะคะ หลายปีผ่านมา ทั้งภาคการเมืองและภาคราชการละทิ้งเรื่องนี้นะคะ
จะมีแต่แนวคิดในการใช้ "มวลชนรากหญ้า" เป็นพลังการต่อสู้กันนะคะ มองเขาเป็น "วิธีการ" มากกว่า มองเขาเป็น "เป้าหมาย"
อ่านอีกรอบค่ะ อาจอยู่ตรงนี้ไหม "ความอยุติธรรม โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และสิทธิมนุษยชน"
มนุษย์ก็แปลกค่ะ ก็ให้เขาหลอกอยู่เรื่อยๆ เหนื่อยใจ
สวัสดีครับครูจิ๋ว
ขอบคุณที่อวยพรให้มีความสุขกับการทำงาน เพิ่งสั่งสำนวนเสร็จไป ๗ เรื่อง มีความสุขมากเพราะสั่งไม่ยาก อิอิ กำลังพิมพ์อยู่นี้มาใหม่อีก ๑ เรื่อง แต่ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ยังมีความสุขเหมือนเดิม อิอิ
สวัสดีครับดอกเตอร์แอมมี่
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับและยินดีให้เก็บเกี่ยวข้อมูลดีๆเรื่อยๆครับ
แล้วจะแวะไปเก็บเกี่ยวของ ดร.แอมมี่บ้างนะครับ
ขอบคุณท่านเกษตรอยู่จังหวัด อิอิ
เห็นด้วยครับว่าถ้ารักกันจนหัวปักหัวปำ ข้าฯถูกอยู่ข้างเดียว ขอไม่รักแต่อย่าตีกันดีกว่าจริงๆด้วยครับ
ใช่แล้วครับอ.แหวว
เพราะตอนที่แสดงความคิดเห็นเราเขียนในบอร์ด กันยาวเฟื้อยแล้วมาสรุปขมวดเป็นเรื่องๆครับ มันก็เลยดูด้วนๆไปบ้าง แต่เราพูดกันถึงการละเมิดสิทธิพื้นฐานของคนรากหญ้าด้วยครับ
ชาวบ้านเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรงจากผลงานของนักการเมืองทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ ยิ่งภาคใต้ก็ยิ่งน่าสงสารเพราะไม่ใช่เฉพาะเรื่องสิทธิแต่กระทบถึงชีวิตและทรัพย์สินด้วยครับ
สวัสดีค่ะคุณอัยการชาวเกาะ
สวัสดีครับคุณเมียวดี
การแก้ปัญหา เราต้องตั้งเป้าว่าแก้ได้ก่อนครับ ถ้าเราท้อเสียตั้งแต่แรกเราก็จะแก้ไม่สำเร็จ มาดูพวกผมคิดแก้กันในตอนหน้าว่าจะมีทางเป็นไปได้ไหม หากจะคิดแก้กันจริงๆ เพราะบางทีนักการเมืองเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเขาจะต้องแก้ เราจะมีวิธีการทำอย่างไรให้เขารู้ตัวว่าเขาจะต้องแก้ที่ตัวเองก่อนครับ อิอิ
ปัญหาหนักแน่นอน แถมปัญหาที่ผมเข้าไปร่วมประชุมแต่ละปัญหาเป็นปัญหาที่จะต้องใช้เวลาในการแก้ไข แทบจะเรียกได้ว่าจะแก้ให้เสร็จภายในปีสองปีนั้นยากมาก แต่เราจะทำได้หากพร้อมใจกันแก้ทั้งระบบครับ
ขอบคุณที่มาช่วยเป็นกำลังใจครับ
สวัสดีค่ะท่านอัยการ แวะมาทักทายและอ่านสาระดีๆค่ะ " คุณธรรม นักการเมือง " เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่เพียงแต่นักการเมืองเท่านั้นนะคะ แต่คุณธรรมเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคนค่ะ
สวัสดีค่ะคุณอาอัยการชาวเกาะ
หนูกอเองน่ะค่ะ อิอิ
มาให้กำลังใจคุณอาค่ะ
คุณอาเคยรู้จักคนที่ติดยาเสพติดมั้ยค่ะ
พวกเรามักจะบอกว่า ยาเสพติดให้โทษ
แต่คนที่เสพยาเสพติด เค้าก็จะบอกว่าประโยชน์ของยาเสพติด
เราเอาสิ่งที่เราคิดว่าเป็นโทษในมุมมองของเรา
แต่เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ในมุมมองของคนอื่น
มาอยู่ด้วยกันได้มั้ยค่ะ ทั้ง ๆ ที่มันก็คือสิ่งเดียวกัน แต่มองได้ต่างกัน
อิอิ เป็นกำลังใจให้คุณอาและทีมงานค่ะ
สู้ ๆ
ทางออกเบื้องต้นที่เป็นรูปธรรม
· การจัดตั้งโรงเรียนนักการเมือง
· แก้กฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ
· พัฒนาระบบการเลือกตั้ง
แล้วคุณอาอัยการชาวเกาะอย่าลืมเอารายละเอียดเพิ่มเติมมาให้กออ่านมั่งน่ะค่ะ กออยากเห็นรูปร่างของโรงเรียนนักการเมืองจังเลยค่ะ
ว้าววววววววววววววววววว
ถ้าหากมันมีขึ้นจริง ๆ ก็เป็นได้ดังใจฝันที่เด็ก ๆ อยากให้นักการเมืองเรียนอะไรอีกมากมายที่เค้าเรียนแล้ว แต่คงจะนานจนลืมหรือจำกันไม่ได้และไม่ปฏิบัติกันเลย แล้วมันจะออกมาหน้าตาเป็นเหมือนที่กอคิดไว้เมื่อปีก่อนไหมหนอ
อาอัยการชาวเกาะมาเล่าสู่กันฟังบ้างน่ะค่ะ เผื่อบางทีเด็ก ๆ อย่างกอจะได้ช่วยอะไรได้บ้าง แบบว่าเส้นผมบังภูเขายังมีเลยน่ะค่ะ อิอิ
สู้ ๆ ค่ะ
สวัสดีครับครูอุ้ย
เห็นด้วยครับ คุณธรรม จริยธรรม ของผู้คนในสังคมเป็นเรื่องสำคัญครับ เราจะสังเกตได้ว่าเดี๋ยวนี้คุณธรรมจริยธรรมมันด้อยลง เราทำธุรกิจแทนที่จะคิดถึงผลกระทบต่อสังคมเราก็คิดถึงผลกำไรอย่างเดียว ร้านเกมส์แทนที่จะช่วยกันดูและเด็กอย่าให้เด็กติดเกมส์ หรือการแสดงกิริยาวาจาให้เหมาะสมกับวัยก็ปล่อยปละละเลยเพราะหวังจะได้แต่ค่าเกมส์เป็นต้น
ขอบคุณครูอุ้ยที่แวะเข้ามาทักทาย
หลานกอ
อาเคยรู้จักตนที่ติดยาเสพติดมากมายเพราะต้องทำหน้าที่ดำเนินคดีกับคนพวกนี้ พวกเขาเป็นผู้อ่อนแอทางจิดใจ ยาเสพติดจะมีประโยชน์บางประเภทเท่านั้นแหละ ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ก็เป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง มันมีแต่โทษ แต่ยาเสพติดให้โทษประเภท ๓,๔,๕ นอกจากมีโทษก็เป็นประโยชน์ที่เป็นส่วนผสมของยาแก้ไข เป็นยาเจริญอาหาร เช่น กัญชา หรือเป็นยารักษาเบาหวาน เช่น ใบกระท่อม คือมันอยู่ของมันควบคู่กันอยู่แล้วนะหลานกอ...
คณะที่อาไปร่วมประชุมเป็นเพียงการนำเสนอว่าสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ได้มีหน้าที่ลงรายละเอียดว่าโรงเรียนนักการเมืองจะต้องเป็นนั่นเป็นนี่ แต่เราก็พูดกันในที่ประชุมว่า ควรมีการอบรมคุณธรรมจริยธรรมนักการเมือง กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง และนักการเมืองจะต้องผ่านโรงเรียนนี้ก่อนจึงจะมีสิทธิเป็นนักการเมืองได้ และพูดกันถึงกระทั่งว่าถ้าจะเป็นนักการเมืองระดับชาติต้องเริ่มมาจากนักการเมืองระดับท้องถิ่นก่อนด้วยครับ
หลานกอลองเสนอแนะมาสิครับว่าอยากให้เป็นอย่างไร อาจะได้รวบรวมส่งให้ท่านตวง อันทะไชย ไปเสนอต่อรัฐสภาดีไหม..
สวัสดีครับคุณ Technocom
เห็นด้วยครับการจะแก้ที่คนรุ่นเก่าให้มีความคิดใหม่จากการที่เขาเป็นนักการเมืองมานานเป็นเรื่องยาก เราจึงเสนอโรงเรียนนักการเมืองไงครับ และที่สำคัญคือเราอยากให้เด็กรู้เรื่องการเมือง การเลือกตั้ง แต่ครูเองไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้อย่างจริงจังไม่ได้ควบคุมอย่างแท้จริง จึงมีปัญหาการเลือกหัวหน้าชั้นระดับอนุบาล เด็กที่สมัครเอาลูกอมมาแจกเพื่อนและก็ได้รับการเลือกเป็นหัวหน้า
ถามว่าใครสอนให้เด็กคิดอย่างนี้ และครูทำอะไรอยู่..อนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร...