จากบทความเรื่อ ลักษณะของกาพย์กลอนแห่งชนชาติไทย-ลาว อ่านแล้วสรุปว่า ใครเป็นผู้ศึกษา ศึกษาอะไร ใช้ระเบียบวิธีวิจัยอย่างไร และมีข้อค้นพบอะไร
จากบทความเรื่อง ลักษณะของกาพย์กลอนแห่งชนชาติไทย-ลาว ผู้ศึกษาคือ จิตร ภูมิศักดิ์ โดยศึกษาลักษณะของกาพย์กลอนแห่งชนชาติไทย-ลาว ซึ่งเป็นลักษณะคำประพันธ์ดั้งเดิมของลาว-ลาวอีสาน เพื่อที่จะอธิบายลักษณะของโคลงห้า อันเป็นโคลงของชนชาติลาวในอดีต
การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาใช้ระเบียบวิธีวิจัยในเรื่องของการศึกษาจากเอกสารและทฤษฎีทางวรรณคดี ผู้เขียนบทความศึกษาข้อมูลจากตัวบทที่เป็นเอกสารทั้งสิ้น ไม่มีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลหรือใช้ข้อมูลอื่น เห็นได้จากการที่ผู้เขียนระบุไว้อย่างชัดเจนว่าตนอยู่ในระหว่างการจองจำในคุกของทางการ จากการศึกษาพบว่าผู้เขียนได้ใช้ทฤษฏีโครงสร้างเป็นหลัก คือ การเน้นไปที่รูปแบบ โดยเฉพาะรูปแบบของวรรณคดีร้อยกรองที่ทราบกันดีว่า “ฉันทลักษณ์” และการศึกษาในครั้งนี้ได้ใช้มิติของการเปรียบเทียบเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยการเปลี่ยบเทียบให้เห็นลักษณะร่วมและลักษณะแตกต่างทางฉันทลักษณ์ และยังได้เปรียบเทียบฉันทลักษณะของแต่ละประเภทเปรียบเทียบกันอีกด้วย เช่น โคลง ร่าย กาพย์ กลอน ทำให้เห็นลักษณะร่วมและลักษณะต่างของร้อยกรองต่างชนิดกัน ทำให้เกิดข้อค้นพบใหม่หลายประการ เช่น ร้อยกรองต่างชนิดกันของไทยและของลาวบางชนิดมีลักษณะเหมือนกันหากวิเคราะห์ในเชิงลึก เป็นต้น
การศึกษาลักษณะของฉันทลักษณ์ร่วมและแตกต่าง เน้นการศึกษาในขอบเขตของวรรณคดีไทย-ลาวเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะนำเสนอหรือดูลักษณะของฉันทลักษณ์ต่างประเทศประกอบบ้าง เพราะผู้เขียนได้กล่าวถึงลักษณะฉันทลักษณ์ของอังกฤษ-ฝรั่งเศส และมีการกล่าวถึงฉันทลักษณ์ของบาลี-สันสกฤต ซึ่งก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมาก เพียงเพื่อให้เห็นลักษณะที่เป็นอยู่
ในการศึกษาครั้งนี้พบว่า ลักษณะใหญ่ๆ ของฉันทลักษณ์กาพย์กลอนไทย-ลาว ๒ ลักษณะใหญ่ๆ คือ กลอนประเภทที่ถือสัมผัสเป็นหลักและประเภทที่ถือจังหวะเป็นหลัก ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
๑. ประเภทที่ถือลักษณะเป็นสำคัญ คือ บทประพันธ์ที่มีการใช้ถ้อยคำหรือวลีที่มีลักษณะคล้องจองกัน หรือสัมผัสกัน ลักษณะการสัมผัสอาจจะเป็นคู่สอง คู่สาม คู่สี่ คู่ห้า คู่แปด ซึ่งลักษณะดังกล่าวนอกจากจะพบในบทประพันธ์แล้วยังพบว่า ในการสนทนาในชีวิตประจำวันของมนุษย์ยังใช้ลักษณะของคำคล้องจองในการสนทนา การส่งสัมผัสดังกล่าวมีทั้งที่ส่งสัมผัสท้ายวรรคและในระหว่างบรรทัดที่เราเรียกว่า สัมผัสนอก (สัมผัสบังคับ) สัมผัสใน โดยเฉพาะลักษณะฉันทลักษณ์ถูกมองว่าเป็นกาพย์กลอนของประชาชน ทำให้ในประเทศทางตะวันตกไม่เป็นที่นิยม
ลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้น นอกกจากที่กว่ามาแล้วยังสามารถพบได้ในวรรณกรรมประเภทบทเพลง เช่น เพลงฉ่อย เพลงโคราช และโดยเฉพาะภาษาตระกูลไทย-ลาว แต่ผู้ศึกษาให้ความสำคัญกับสัมผัสอย่างร่ายและการส่งสัมผัสข้ามวรรค อันเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลมากในภาษาไทย-ลาว เพื่อที่จะนำไปสู่ความเข้าใจของโคลงห้า อันเป็นโคลงดั้งเดิมของลาว
๒. ประเภทถือจังหวะน้ำหนักและระดับของเสียงเป็นหลัก การกำหนดน้ำหนักเสียงคือการดูในเรื่องคำหนักคำเบา อย่างที่เราเข้าใจว่า คำครุ คำลหุ หรือเรื่องของระดับคือ เรื่องของวรรณยุกต์ที่เราเข้าใจกัน เราเคยได้ศึกษามาแล้วในฉัทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ ที่มีการบังคับในเรื่องของวรรณยุกต์เอก วรรณยุกต์โท แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ใช้กฎเกณฑ์เรื่องของน้ำหนังเสียงพัฒนาไปสู่การสร้างกฎบังคับในเรื่องของการสัมผัส ประเด็นนี้ทำให้เห็นความมีอิทธิพลต่อกันของประเภททั้งสอง และลักษณะในประเภทที่สองนี้จะมีความสำคัญในเฉพาะภาษาที่มีวรรณยุกต์เท่านั้น เนื่องมาจากภาษาที่มีวรรณยุกต์เมื่อคำที่มีน้ำหนักเสียงต่างกัน ความหมายก็จะเปลี่ยนไปด้วย
ลักษณะฉันทลักษณ์ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นร้อยกรองประเภทใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ถือเป็นหัวใจของร้อยกรองคือ สัมผัสและการใช้น้ำหนักระดับของเสียง สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้บทประพันธ์ดังกล่าวมีความไพเราะมากยิ่งขึ้นกว่าและมีลักษณะที่เด่นกว่าบทประพันธ์อื่น
เป็นลักษณะเขียนบทความ ให้คนมาเรียนรู้ บอกแล้วอย่ายาว ตัวหนังสืออย่าเล็ก ตาลายขี้เกียจอ่าน
จะมีคนเข้ามาตรวจหรือคะ ถึงเขียนเป็นเรื่องเป็นราว
เข้ามาเยี่ยมคะ กลับไปเยี่ยมคืนบ้างนะคะ และหัดเยี่ยมคนอื่น หรือว่า เป็นนักศึกษาไม่ค่อยมีเวลา ก็แล้วไปคะ
สวัสดีครับ คุณสุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ ยินดีที่ได้รู้จักและขอบคุณที่ให้คำแนะนำ ขออภัยด้วยเนื่องจากติดกรอบของความยาวในการส่งงานอาจารย์ เวลานำเสนอจึงไม่ได้ปรับใหม่ จะนำคำแนะนำมาปรับปรุงนะครับ ยินดีเสมอกับคำแนะนำที่สร้างสรรค์