วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552 วันแห่งการเรียนรู้ที่เริ่มต้นด้วยการนำเสนอภาระงานชิ้นแรกที่ท่านอาจารย์ภาวิณี ศรีสุขวัฒนานันท์ ได้มอบหมายไว้ตั้งแต่พบกันครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 แม้ว่า ก่อนเริ่มการเรียนรู้ดูจะขลุกขลักอยู่บ้างด้วยความไม่พร้อมของห้อง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ อันได้แก่ Computer และ Digital Visualizer ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่สอนให้พวกเราได้รู้ว่า การบริหารจัดการด้านเวลา บุคคล และวัสดุอุปกรณ์นั้นเป็นสิ่งละเอียดอ่อนที่ไม่ควรประมาทและมองข้ามไปได้เลย เมื่อความขลุกขลักเริ่มแปรสภาพเข้าสู่ความนิ่งและปกติในที่สุด ขั้นตอนที่พวกเราทุกคนได้รอคอยก็มาถึง ได้แก่ การนำเสนอบุคคลในดวงใจทางด้านประวัติ เหตุการณ์สำคัญ และข้อคิดที่ได้จากการศึกษาชีวประวัติของบุคคลนั้น มองภาพเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วชวนให้คิดถึงตนเองในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ครู ซึ่งพบว่า “นักเรียนมักจะขยาด กลัว และประหม่ากับการนำเสนอหน้าชั้นเรียน ทั้ง ๆ ที่ได้เตรียมการมาบ้างแล้ว” และเมื่อพิจารณาตนเองก็พบว่า “เราเองก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กนักเรียนในวันนั้นเลย” ทำให้เข้าใจในความปารถนาของอาจารย์ว่า ท่านต้องการเห็นลูกศิษย์ของท่านเป็นอย่างไร สรุปประเด็นที่ได้รับจากการเรียนรู้ ได้ดังนี้
1. ด้านการเตรียมตัวนำเสนอ
ผู้นำเสนอควรมีความรอบรู้ รู้ลึกและรู้กว้างในสิ่งที่จะนำเสนอ โดยเรียบเรียงข้อมูลที่สืบค้นจากหลาย ๆ แหล่ง อย่างเป็นระบบ และเขียนขึ้นใหม่ (rewrite) ตามกรอบแนวคิดที่ต้องการนำเสนอโดยอ้างอิงแหล่งที่มาให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ แสดงการวิเคราะห์เรื่องราว และสรุปประเด็นสำคัญให้แก่ผู้ฟัง อีกทั้ง ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการนำเสนอแต่ละครั้งว่าต้องการสื่อให้ผู้ฟังทราบถึงเรื่องอะไร และควรมีความเข้าใจในสิ่งที่นำเสนอในระดับใด ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และพื้นฐานความรู้เดิมของผู้ฟังแต่ละคนด้วย
2. ด้านการสรุปองค์ความรู้
ในการเรียนแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับใด ผู้เรียนต้องตอบคำถามให้ได้ว่า “วันนี้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง?” ซึ่งต้องอาศัยความรู้ขั้นที่สูงกว่า ความจำและความเข้าใจ จากนั้น ควรเขียนสรุปองค์ความรู้ลงในสมุดบันทึกหรือแหล่งบันทึกอื่น ๆ เพื่อเป็นหลักฐานที่แสดงถึงความรู้ที่ได้รับจากการเรียน
3. ด้านการนำแนวคิดที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
หลังจากที่ผู้เรียนได้องค์ความรู้จากการเรียนรู้แต่ละครั้งแล้ว ต้องพิจารณาต่อไปอีกว่าเราจะนำความรู้ที่ได้รับ
นี้ไปประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน การเรียน หรือการบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอื่น ๆ ได้อย่าง
ไรบ้าง ซึ่งจะทำให้มองเห็นแนวโน้มของการพัฒนาตนเองในที่สุด
4. คำคม/แนวคิด หรือเกร็ดความรู้จากอาจารย์
· เรียนรู้จากความสำเร็จของผู้อื่น ๆ
· ความลึกซึ้งในความเข้าใจต่อสิ่งหนึ่งต้องมีข้อมูล อาศัยการตีความและเชื่อมโยงความรู้ให้เป็นนั้น เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนมาก ๆ
· การวางแผน (Plan) ที่ดีเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพร้อม
· การเรียนระดับปริญญาเอกต้องรู้เป้าหมายที่ชัดเจนเป็นอันดับแรก
· การสืบค้นจากตำราให้พยายามอ่านคำนำของตำราแต่ละเล่ม ในกรณีที่มีการพิมพ์หลายครั้งจะมีการระบุสิ่งที่ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงจากการพิมพ์ครั้งก่อน ไว้ในคำนำเสมอ
· การอ้างอิงบทความ หรือความรู้ใด ๆ จากเวบไซต์ควรคำนึงถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเวบไซต์ด้วย
· Wikipedia เป็นเวบไซต์หนึ่งที่น่าสนใจเพราะจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของข้อมูลต่าง ๆ อยู่เสมอ เช่น หากว่าเราเข้าไปศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วเราเห็นว่ามีข้อมูลบางส่วนที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เราก็มีสิทธิ์ที่จะแก้ไขหรือส่งข้อมูลที่ถูกต้องได้และเมื่อมีการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้นเราจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและมีความหลากหลายทางความคิด
โดยสรุป พบว่า การเรียนรู้วันนี้ทำให้เราได้มองเห็นแนวความคิดของผู้อื่นจากการนำเสนอ เข้าใจว่าการเรียนรู้มิใช่การเรียนหนังสือ และคอยเตือนตนให้พยายามฝึกฝนตนเองให้มีความเฉียบแหลมอยู่เสมอสู่การเป็นผู้ที่รู้ชัด รู้ลึก และรู้กว้าง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้จริงๆ
สวัสดีครับอาจารย์ธีรพงศ์
เขียนบันทึกบ่อยๆนะครับ นักเรียนน้อยอย่างผมจะได้แอบเข้ามาเรียนรู้ด้วย
สวัสดีค่ะอาจารย์ธีรพงศ์
ดิฉันมีความสนใจที่จะเรียนต่อสาขาวิชาการวิจัยและประเมินทางการศึกษา ม.เกษตรศาสตร์ อยากขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะำนำแนวทางการสอบ และการเตรียมตัวสอบ ด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เรียนคุณวรรณภา ผมตอบคำถามทาง Mai แล้วนะครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ธีรพงศ์
อาจารย์สบายดีนะคะ คิดถึงอาจารย์จังเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ธีรพงศ์ อยากให้อาจารย์เอาข้อสอบฟิสิกมาให้ฝึกทำบ้างค่ะ ขอบคุณค่ะ