ครูตี๋
นาย สมรรถ ครูตี๋ เอี่ยมพานิชกุล

เด็กหนีเรียนเพราะ ? (เก็บมาเล่าให้รู้)


เด็กหนีเรียน

โดย สมพงษ์ จิตระดับ สุอังคะวาทิน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ ของเด็กนักเรียนหญิงชาย 78 คน ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายหนีโรงเรียนไปเที่ยวสวนสัตว์ถูกจับได้ สื่อมวลชนนำเสนอข่าวนักเรียนเอากระเป๋าหนีบปิดป้องหลบหนีไม่ให้เห็นหน้า หลายคนบอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง แฟนบ้าง จับกันเป็นคู่ขาสั้น คอซอง บางคนบอกเบื่อครู เรียนทั้งวัน เครียดกดดันเนื้อหาไม่น่าสนใจ และอื่นๆ ผู้บริหารโรงเรียนมารับเด็กแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ บอกว่าโรงเรียนทำได้อย่างมากแค่ว่ากล่าวตักเตือน ลงโทษเฆี่ยนตีไม่ได้เพราะเป็นเรื่องสิทธิเด็ก

วันต่อๆ มาก็มีการไปจับเด็กตามสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านเกม ซึ่งก็พบเด็กหนีโรงเรียนจำนวนมากแทบทุกแห่งทั่วไป ทั้งๆ ที่โรงเรียนเพิ่งเปิดได้เพียง 2-3 สัปดาห์ เด็กน่าจะยังต้องการไปโรงเรียนหลังปิดเทอมมายาวนาน อยากมาพบเพื่อนเก่าใหม่ ครูประจำชั้น มาเรียนวิชาที่สนใจ กิจกรรมที่รวมตัวกัน เป็นต้น

ทำไม เด็กไม่ชอบโรงเรียน หนีเรียน ไม่มีความสุขในโรงเรียน น่าจะเป็นโจทย์ใหญ่ของการศึกษาไทยในยุคปัจจุบันทีเดียว มุมมองในอดีต เรามักจะโทษการหนีโรงเรียนไปเที่ยวข้างนอกว่า เป็นเด็กเกเร ไม่รักดี ขี้เกียจ ขาดความรับผิดชอบ เอาแต่เที่ยวเตร่ เป็นปัญหาพฤติกรรมของเด็กเป็นหลัก

ในปี พ.ศ.2551 โครงการไชลด์วอทช์ (Child Watch) ค้นพบว่าสถานการณ์และปัญหาเด็กและเยาวชน 5 เรื่องใหญ่

คือ 1.เด็กขาดความสุขไม่ชอบไปโรงเรียน 2.การตั้งครรภ์ของเด็กวัยรุ่นหญิง 3.คุกเด็กสถานพินิจล้น 4.เด็กอ้วน 5.เด็กติดเกม อินเตอร์เน็ต มือถือ

ผู้เขียนค่อนข้างแปลกใจมากเด็กมีอาการเบื่อเรียนเร็วมาก โรงเรียนเพิ่งเปิดหมาดๆ เด็กก็เริ่มหนีเรียนกันแล้ว

ใน ชีวิตที่ต้องลงภาคสนาม คลุกคลีกับเด็กและเยาวชนมาโดยตลอด ผู้เขียนพบว่าในแต่ละวันอย่างน้อยจะพบเด็กหนีเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกวันตาม แหล่งมั่วสุมต่างๆ ภาพเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาใส่ชุดนักเรียนชายหญิง เดินจับมือถือแขนกันเป็นคู่ๆ แทนภาพนิสิตนักศึกษามากยิ่งขึ้น

เห็น นัยน์ตาหื่นๆ ของเด็กชายที่พยายามลวนลามนักเรียนหญิงที่ยังเอียงอาย เอามือปิดป้องอวัยวะของตัวเองก็มีไม่น้อยกว่า 2-3 คู่ ในแต่ละวัน

เกิด อะไรขึ้นจากสภาพสังคมไทย โรงเรียนมิใช่คำตอบ สถาบันที่เตรียมสร้างและหล่อหลอมเด็กไทยให้มีคุณภาพต่อไปใช่หรือไม่ ครูดูแลเด็กเพิ่มมากขึ้น ลดลง หรือทำภารกิจอื่นที่สำคัญกว่า เด็กทำผิดเกิดจากเรียกร้องสิทธิเด็กมากเกินไปหรือเปล่า ผู้เขียนจะพยายามอธิบายปรากฏการณ์เด็กหนีโรงเรียนตามข้อค้นพบจากงานวิจัยดัง ต่อไปนี้

1.นิสัยและทัศนคติต่อการเรียนของเด็กไม่ชัดเจน เด็กไม่ทราบว่าตัวเองชอบอะไร ต้องการประกอบอาชีพอะไรในอนาคต ค่อนข้างเลื่อนลอย ขาดเป้าหมายและความมุ่งมั่นของการเรียนรู้เพื่ออะไร เด็กจึงสักแต่เรียนไปวันๆ ไม่มีชีวิตชีวา เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นจะเริ่มสนใจสังคมเพื่อน การเข้าสู่เรื่องเพศจากสื่อต่างๆ การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อพูดคุย ดูภาพโป๊ ความบันเทิงและอื่นๆ เมื่อเพื่อนชักชวนโดดเรียนจึงแทบไม่รีรอเพราะพ้นจากรั้วโรงเรียนคือความ อิสระ ทำอะไรที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ มีเพื่อนต่างเพศ คู่รัก สังคมที่พูดภาษาเดียวกัน มีความเข้าใจตรงกัน รสนิยมเหมือนกัน มีความสุขในสังคมเพื่อนและสิ่งแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ทำอะไรก็ได้

สวน สัตว์ สวนสาธารณะจึงเป็นที่เดินเที่ยวจูงมือกัน มีมุมธรรมชาติไว้พลอดรัก พูดคุยสนุกสนานได้ ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า เดินดูของ เล่นเกม ดูภาพยนตร์ สำรวจมือถือ เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพลิดเพลินเจริญตา ไม่น่าเบื่อหน่าย เป็นต้น

2.ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนเปลี่ยนบทบาทไป ครูทุ่มเท เอาใจใส่ ช่วยติดตามแก้ไขปัญหา ตักเตือนดุด่าว่ากล่าว เฆี่ยนตีลดลง

ครู ถอยมาก้าวหนึ่งของวิชาชีพ ดูแลเด็กตามบทบาทหน้าที่ (Function) ที่ได้รับกำหนดมา คือ สอนหนังสือให้ครบตามคาบเวลา ตักเตือนเด็กให้ตั้งใจเรียน มีความประพฤติเหมาะสม ถ้าต้องลงโทษเฆี่ยนตีทำไม่ได้ เมื่อเตือนแล้วไม่เชื่อฟังก็ต้องเป็นเรื่องของเด็กและครอบครัวจัดการกันเอง ความสัมพันธ์ในเชิงกัลยาณมิตรกับศิษย์จึงลดลง

ยิ่งปัจจุบันครูไม่ น้อยมาทำงานเอกสารด้านวิชาการรายงานการวิจัยกันมากเพื่อเพิ่มวิทยฐานะความ ก้าวหน้าของตนเอง การทุ่มเทเพื่อศิษย์จึงลดลงไปเป็นอันมาก ยิ่งพ่อแม่ผู้ปกครองมัวแต่ทำงานหาเงินกันตลอดเวลา มีเวลาน้อยจึงปรนเปรอลูกด้วยวัตถุนิยม เมื่อลูกทำผิด ถูกครูทำโทษจึงมักปกป้องสิทธิลูกเกินกว่าเหตุ กล่าวโทษครูจนปรากฏเป็นข่าว สุดท้ายเด็กนักเรียนจึงถูกทอดทิ้งทั้งจากครูและพ่อแม่ไปโดยไม่รู้ตัว และค่อยๆ ถูกผลัก หนีเรียน ข้ามรั้วโรงเรียนสู่สังคมที่เต็มไปด้วยพื้นที่เสี่ยงมากมาย สื่อลามกอนาจาร ยาเสพติด ร้านเกม ตู้ม้า เหล้าปั่นและอื่นๆ การบังคับใช้กฎหมายหย่อนยานเป็นที่สุด สังคมภายนอกโรงเรียนจึงสนุกกว่า เร้าใจกว่า ไร้ระเบียบ ไม่มีใครดุด่าว่ากล่าว เป็นสังคมที่ทำอะไรได้ตามใจหรือตามความต้องการของตัวเองและสังคมเพื่อนอย่าง มีความสุขที่สุดก็เป็นได้

3.กระบวนการสอนของครูตามระบบหลักสูตรการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2251 ครูยังสอนเน้นการบรรยาย เน้นความจำตามหนังสือ 8 กลุ่มสาระ 67 มาตรฐาน อัดแน่นเชิงเนื้อหาวิชาตลอดทั้งวัน วันละ 6-7 คาบ ในเนื้อหา 8 กลุ่มพบว่า เนื้อหาทางด้านสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยีตกยุคและล้าสมัยเป็นอย่างยิ่ง ขาดความน่าสนใจเป็นที่สุด

เด็กหนีเที่ยวเพราะต้องการสถานที่แปลกใหม่ ทัศนศึกษา ต้องการโครงงาน กิจกรรมที่ทำร่วมกัน

ทำไม ไม่คิดตั้งโจทย์คำถาม กำหนดโครงการกิจกรรมให้ตรงกับความสนใจร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เด็กจำนวนไม่น้อยบอกว่าเรียนมากจนสมองบวมแล้ว อาการเบื่อหน่ายเพิ่มมากขึ้น ครูเสื้อเหลือง เสื้อแดง เลือกฝ่ายตนเองกว่าจะสอนได้ต้องวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามจนเกือบหมดเวลา กว่าจะได้สอนจริงๆ จังๆ ไม่นานนัก

นี่คือหลุมใหญ่ของภาควิชาการที่ยิ่งเน้นเนื้อหามากยิ่งน่าเบื่อหน่ายและทำให้เด็กหนีโรงเรียนง่ายขึ้นด้วย

4. การกวดวิชาอย่างเอาเป็นเอาตายของนักเรียน ค่านิยมของเด็กและผู้ปกครองต้องการให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ได้ การกวดวิชาแทบทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ยังไม่เว้น เพื่อเรียนเทคนิคการทำข้อสอบ ทำให้เด็กไม่ได้พักผ่อน สนุกสนาน ทำกิจกรรมตามวัยที่ควรจะเป็น ถูกบังคับให้เรียนตาม 8 กลุ่มสาระ มีคะแนนเฉลี่ย GPAX สูงไว้เพื่อได้เปรียบผู้อื่นๆ

เด็กรู้ว่าจะสอบ เข้ามหาวิทยาลัยได้มาหาเทคนิคที่โรงเรียนกวดวิชาดีกว่าที่โรงเรียน ที่โรงเรียนเรียนบ้าง โดดบ้าง โรงเรียนก็ปล่อยเกรดอยู่แล้ว

การโดด เรียน หนีเรียนจึงเป็นปฏิกิริยาต่อต้านระบบบังคับชีวิตนักเรียนจนเกินไป หาพื้นที่เพื่อนเพื่อปลดปล่อยตนเองบ้าง ทำชีวิตให้ผ่อนคลายขึ้น เพราะแบกค่านิยมและความต้องการของคนอื่นมาโดยตลอด

การหนีเรียนยังมี สาเหตุอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้น มีปัญหากับเพื่อน ครูบางคน ผู้บริหารที่เข้มงวดจนเกินไป และอื่นๆ การแก้ไข คือ โรงเรียนต้องมีบรรยากาศที่ร่มรื่น ความสัมพันธ์ใกล้ชิด ผู้บริหารกล้าคิดนอกกรอบเปิดโรงเรียนให้ระบบหลักสูตรเกิดความเชื่อมโยงกับ การเรียนรู้ภายนอกมากยิ่งขึ้น มีโครงงาน กิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลายตามความสนใจ ครูกับพ่อแม่พูดคุยปรึกษาหารือกัน แก้ปัญหาและให้คำแนะนำเป็นรายบุคคลได้ สอนเด็กให้รู้จักสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และจิตสำนึก เติมเต็มในเรื่องทักษะชีวิตและภูมิต้านทาน

พ่อ แม่ควรลดเวลาการทำงานลง ทุกวันมีกิจกรรมร่วมกัน เวลาคุณภาพ 20-30 นาทีพูดคุยกับลูก การสร้างอัตลักษณ์ อนาคตที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็น เสริมแกร่งความมุ่งมั่น หัดให้เด็กช่วยงานบ้าน รู้จักการทำงานและอดทน หมั่นกอดลูกทุกวัน รู้จักสังคมเพื่อนของลูกทุกคน

นี่คือการเยียวยาโรคเด็กหนีเรียนได้ผลอย่างแน่นอน

อยาก ฝากเด็กหนีเรียนเป็นโจทย์ใหญ่ของการปฏิรูปการศึกษารอบใหม่ที่ป่านนี้ยังงุ่ม ง่าม หลงทาง และไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียนได้



ที่มา - มติชนรายวัน หน้า 6 - วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11414

คำสำคัญ (Tags): #เด็กหนีเรียน
หมายเลขบันทึก: 268377เขียนเมื่อ 15 มิถุนายน 2009 21:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 14:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • บางอย่างเห็นด้วย บางอย่างก็ไม่เห็นด้วยครับ
  • ขอบคุณสาระดีๆครับ
เด็กหนีเรียนเป็นจำ

ครูครับผมเเค่ไปเล่นเกมมันผิดตรงไหนครับครูครับผมทขอโทษครับ

บางทีบทบาทของครูก็ทำให้เด็กหนีเรียนได้เหมือนกันนะคะ เขาเบื่อครู เบื่อวิธีสอนของครู(บางคนนะคะ..ย้ำ)ถ้าเขาไม่ได้ทำประจำจนเสียการเรียนก็ไม่น่าจะผิด

  • สวัสดีค่ะ คุณครูตี๋
  • ประเด็นที่เด็กหนีเรียน
  • เป็นประเด็นที่น่าขบคิด
  • ฝั่งครูบอกก็เด็กมันมีปัญหา
  • เวลาเรียนก็ขี้เกียจตัวเป็นขน
  • ฝั่งเด็กบอกครูก็ด่าไร้เหตุผล
  • เด็กอย่างเขามีศักดิ์ศรีความเป็นคน
  • รวมถึงคนเป็นพ่อแม่ก็แยกทาง
  • การแก้ปัญหามักแก้กันที่ปลายเหตุ
  • แต่ละฝ่ายมองออกไปนอกตัวทั้งนั้น
  • น้อยนักที่จะมองย้อนกลับพิจารณาตัวเอง
  • โทษกันไปมาปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข
  • ต่อไปก็เป็นปัญหาโลกแตกหากไม่เร่ง
  • ร่วมมือดูแลแก้ไขกันอย่างจริงจัง..
  • ขอบคุณค่ะ.

ขอบคุณทุกความคิดเห็น ปัญหาเหล่านี้เป็ปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขครับ

กัลยาณี สธนเสาวภาคย์

เคยอยู่ร.รเมืองคะ แต่ตอนนี้มาเรียนที่จ.สกลนคร *-* รักร.ร และคณะครูทุกท่านมากคะ

สมัยนี้ การเรียนการสอนเป็นแบบธุรกิจ "เงินมีอำนาจที่สุดของชีวิต" ใครรวยก็สบาย ใครจนหรือพอกินพอใช้ต้องถูไถกันไป แย่นะสังคมในปัจจุบันนี้ พ่อแม่ก็หาเงินมาส่งเสียให้เล่าเรียนไม่พอกับการเรียนพิเศษกับครู ชั่วโมงละ 250-300 ต่อคน ราคานี้ไม่ใช่เรียนตัวต่อตัวนะค่ะ ต้องเรียนรวม การสอนโดยการจ่ายชีทให้ทำใครทำไม่ได้ก็มาหาครูครูจะบอกให้ บางครั้งกลัวครู ก็ไม่กล้าไปหา ได้ชีทมาก็ทำไม่หมด แม้กระทั่งให้เด็กตรวจคำตอบเอง โดยครูจะบอกคำตอบ ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะอธิบายจะเป็นการจ่ายชีทให้เด็กทำ และบอกคำตอบเสร็จก็กลับบ้าน แบบนี้ใครๆ ก็เป็นครูได้แล้วจ้า สมัยนี้ครูไม่มีจรรยาบรรณหลงอยู่เลยหรอก ใครมีลูกสมัยนี้อยากให้เรียนเก่งต้องทุ่มด้วยเงินไม่พอ ต้องเอาใจลูกอีก ถึงจะได้ไปไกลหน่อย

เมื่อไร่ ระบบการศึกษาดีขึ้น สอนเนื้อหามากหน่อยน้ำผสมนิดหน่อยก็พอแล้ว ไม่ต้องผสมมาก เดี๋ยวสอนไม่ทันแต่ออกข้อสอบไปแล้ว แทนที่ส่วนไหนไม่ได้สอนจะต้องให้คะแนนฟรีกับข้อสอบเรื่องนั้น ปีนี้เทอม 1 กลางภาค เด็กโรงเรียนเซนโย ชั้น ป.6 มี 8 ห้อง ได้รับผลสอบแล้ว ปรากฎว่า เด็กตกประมาณ ครึ่งห้อง เกือบทุกห้อง ในวิชา เลข อังกฤษ ภาษาไทย ถ้าตกขนาดนี้ครูผู้สอนจะต้องพิจารณาได้แล้ว สมควรจะต้องทำอย่างไร เด็กร่วงกันเป็นแทบ แต่ทางโรงเรียนไม่เดือดร้อนอะไรเลย แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัย จะต้องโดยพิจารณาถือว่าสอนไม่มีประสิทธิภาพเลย เนื่องจาก 1 ครูสอนไม่เข้าใจ 2.ครูสอนพูดนอกเรื่องมากกว่า เวลาไม่พอ ก็ออกข้อสอบ 3.ใครอยากได้คะแนนดีก็มาเรียนกับครู ปัญหาเรื่องนี้ทางรัฐบาลทราบหรือไม่ ควรจะมาแก้ไขได้อะไรได้บ้าง ไม่มีเงินส่งเสียเรียน ได้เงินมาไม่พอให้ลูกเรียนพิเศษ สมัยนี้จะเรียนอะไรจะต้องทุกอย่าง แม้กระทั่งโรงเรียนมีงาน เด็กแสดงบนเวที เด็กก็จะต้องเสียค่าชุด ค่าแต่งหน้าทำผม ทุกอย่าง เด็กคนไหนอยากแสดงจะต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ แถมต้องเสียเวลาให้อีกด้วย และสมัยนี้ใครเปิดโรงเรียนดีมากๆๆ เนื่องจากอะไรก็เก็บผู้ปกครองทั้งค่าหนังสือพิมพ์ ค่าครูเสถียร ค่าบริจาคต่างๆ จะไปเยี่ยมทหารชายแดนก็เก็บเงิน เก็บทุกอย่าง แบบนี้ใครจนก่อนกัน ใครอ่านแล้วรู้สึกเหมือนผมบ้าง

เบญจวรรณ งามสมบัติ

หวัดดีค่ะอาจารย์ สบายดีไหมค่ะ เด็กม.2ปีนี้คงสอนง่ายนะค่ะ คงไม่มีเด็กโดดเรียนเหมือนพวกหนูสองคน ขอให้จารย์มีสุขภาพที่แข็งแรงนะค่ะ หนูว่าเด็กที่เขาโดดเรียนบางคนอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ ส่วนเด็กที่โดดเรียนอาจจะถูมองว่าเลวที่ทุกคนมองเขาว่าเป้นแบบนั้นความจริงเขาอาจเป็นตรงข้ามกับที่ทุกคนคิดก็ได้ แต่อยุ่ที่คุณจะให้เขาพิสูจณ์ตัวเองหรือเปล่า หนูขอบคุณที่อาจารย์สั่งสอนพวกหนูในทุกเรื่องไม่ว่าพวกหนูจะทำอะไรที่ผิดอาจารย์ก็คอยสั่งสอนถ้าพวกเราสองคนไม่คิดถึงคำพูดของอาจารย์คงจะไม่มีใครคิดจะเรียนต่ออีก ขอบคุณมากนะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท