เมื่อวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน ไปร่วมกิจกรรม "ภาวนากลางกรุง" ทราบข่าวทาง e-mail จากเครือข่ายคนในบริษัท ดูแล้วก็สนใจในตอนแรก สมัครลงชื่อไว้ก่อน แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง ก็ถามตัวเองว่า เอ เขาจะจัดกิจกรรมนั่งสมาธิ หรือ ภาวนา แบบ พุทธ โธ หรือเปล่า ตัวเอง ไม่เคยไปปฏิบัติธรรมที่วัด แบบต้องไปนอนค้าง อ้างแรมเข้าโปรแกรม ยาวๆ มีกำหนดการเหมือนไปสัมมนา ซะที ยังมีกิเลส ติดความสบาย กลัวลำบาก และไม่ชอบสถานที่ที่คนไปกันเยอะ ชอบแบบตอนไปวัดป่า ธรรมอุทยาน ขอนแก่น มากกว่า
การภาวนากลางกรุง จัดขึ้นที่สำนักงานกลางคริสเตียน สีลม ไปถึงตึกที่จัดกิจกรรม เห็นโปสเตอร์ที่ติดใกล้ประตูทางเข้าอาคาร รู้สึกสนใจ ในข้อความที่เขียนไว้ เพราะตอนที่จะมาร่วมกิจกรรมไม่ได้คิดลึกซึ้งถึงขนาดนี้ ติดใจจนยืนอ่านอยู่นาน และคิดว่าเดี๋ยวต้องขอผู้จัดนำกลับบ้านไปด้วย
ถึงเวลาร่วมกิจกรรม โอ้โห คนมากันเยอะกว่าที่คิด น่าจะเกือบสามสิบคน ตามธรรมเนียม ต้อง check in แนะนำตัว ความคาดหวัง และประสบการณ์ที่เคยปฏิบัติธรรม จากการนั่งฟัง เกินครึ่งเคยไปปฏิบัติธรรมตามวัดบ้าง หลายคนมาจากเครือข่ายจิตตปัญญา น้องๆ ของ SCG ไปกัน 2 คน และพาเพื่อนมาด้วย
หลัง check in แล้ว เราทำอะไรกันบ้าง
ส่วนตัวเอง ครั้งนี้เวลาผ่านไปเร็ว และไม่ง่วง ซึ่งผิดปกติ กับเวลานั่งสมาธิก่อนนอน มักจะไม่รู้ตัว หลับไประหว่างนั่ง แต่ครั้งนี้ จะตามสิ่งที่มากระทบได้ตลอด ทั้งลมจากแอร์ เสียงแอร์ เสียงดังจากนอกห้อง แต่ไม่ได้กลิ่นอะไรเป็นพิเศษ เวลานั่งสงบสักพัก ความคิดก็จะออกมาเป็นภาพ เรื่องงานที่ผ่านมา ความคิดงานที่จะต้องทำต่อ พอรู้ตัวก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ สักพัก ก็ฟุ้งออกไปนอกตัวอีก ดึงกลับมาใหม่ แล้วก็จินตนาการว่าตัวเองกำลังลงไปในอุโมงค์ เพื่อให้จดจ่อ กับความนิ่ง แต่แทนที่จะมืด กลับสว่าง สลับมืด แปลกดี
หลังจากแบ่งปันในวงสี่คน กระบวนกรชวนให้มานั่งหน้าห้อง เพื่อฟังเรื่องโมเดลไข่ไดโนเสาร์ของ อ.ณัฐฬส ที่ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ความคิด ปัญญาปฏิบัติ และ การรู้ภายในตน เริ่มจากความคิด คนส่วนใหญ่จะติดเรื่องความคิดกันเยอะ สังคมเรามีนักคิด หาเหตุผล วิเคราะห์กันไปต่างๆ แต่ไม่ได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติกันเท่าไร หากเราได้ปฏิบัติ จะเกิดการหยั่งรู้ด้วยตัวเองได้ คิดว่าส่วนนี้น่าจะเหมือนกับ Internalization ใน
"SECI Model"
Socialization, Externalization, Combination และ Internalization
ซึ่งเป็นการสร้างความรู้ใหม่จากที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้วยการฟัง พูดคุยกับผู้อื่น ได้เห็นการแสดงออกมาเป็น model หรือ ภาพต่างๆ ที่มีการรวบรวมจัดเก็บเป็นระบบ เมื่อใครเข้าไปศึกษาข้อมูลตรงนี้แล้ว นำมาทดลองปฏิบัติบ้าง ก็จะเรียนรู้ สร้างเกลียวความรู้
ต่อยอดให้สูงขึ้น เพราะสิ่งที่แต่ละคนได้อาจจะแตกต่างกัน
ก่อนเที่ยง พูดคุยกันถึงนิวรณ์ 5 เพราะตอนนั่งปฏิบัติภาวนา สมาธิ หลายคนได้เจอทั้ง
สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ เจอความสงสัย ความง่วง และ ความฟุ้งซ่าน
ฟังแล้วเข้าใจง่ายดี เพราะได้ผ่านประสบการณ์มาหมาดๆ บางคนมีเกือบครบทั้งห้าเลย ในระหว่างนั่งสมาธิ กระบวนกรบอกว่า เวลานั่งแล้วปวด ก็ให้รู้ว่าปวดตรงส่วนไหน การรู้ตัว แล้วนึกในใจว่าปวดหนอ ไม่ได้ทำให้หายปวด หรือปวดหาย แต่ทำให้มีสติรู้ตัว เข้าใจธรรมชาติของสังขาร
############################################
ช่วงบ่าย เริ่ม body scan ครั้งนี้รู้สึกแค่เคลิ้ม กึ่งหลับ กึ่งตื่น รู้ตัวว่าแขนกระตุกด้วย เสร็จจากกิจกรรม ก็มานั่งฟังวิธีจัดการกับ นิวรณ์ ด้วยการอยู่กับปัจจุบัน ตามรู้ ตามดู สิ่งที่เกิดขึ้นทุกขณะให้ทัน ไม่ต้องบังคับจิต ว่าห้ามคิด หรือรู้สึกผิดเมื่อฟุ้งซ่าน ธรรมชาติของจิตไม่หยุดนิ่งง่ายๆ อยู่แล้ว ฟังตรงนี้รู้สึกดี และสบายใจขึ้นเยอะ ว่าเราไม่ได้ผิดปกติ นะ
บ่ายนี้ผ่านไปเร็วมาก
มาถึงปลายทางของวัน หนีไม่พ้นการ reflection วงใหญ่ ไม่มีใครบอกว่า ไม่ชอบ หรือไม่ดี เพราะคนที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้คงได้อะไรกลับกันไปบ้าง แล้วแต่ช่วงเวลาที่สันโดษแต่ละคน
สำหรับตัวเองที่ชอบกิจกรรมวันนี้ เพราะเป็นการผสมผสาน เชื่อมโยง การอยู่กับปัจจุบัน การตามดู รู้ตัว รู้ตื่น เบิกบาน แล้วยังได้ทำสุนทรียสนทนา จนเกิด การปิ๊งแว๊บด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ รู้สึกว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่แสนวิเศษอีกวันหนึ่ง แถมตอนท้าย กระบวนกร สรุปได้ดีมาก
การศึกษา การปฏิบัติธรรมของเรา ส่วนใหญ่ บางคนเน้นหลักธรรม อ่านมาเยอะ รู้เยอะ บางคนเน้นปฏิบัติอย่างเดียว เปรียบเทียบกับการตบมือ ที่พยายามให้มือมาเจอกัน แต่ตบแล้วพลาด เสียงไม่เกิด ตบแล้ววืด แต่วันนี้พวกเราได้มาฝึกเชื่อมโยงปฏิบัติ กับ ปริยัติ ซึ่งตัวเองคิดว่านี่ก็คล้ายกับ active learning คือลองปฏิบัติก่อน แล้วค่อยมาหาหลักการ ซึ่งผู้เรียน ผู้ฝึกตนได้ประสบการณ์ตรงแล้ว กลับมาฟังหลักการจะเข้าใจได้ดีขึ้น
สวัสดีค่ะ
เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากค่ะ แถมจัดกลางกรุงเลย
ขอบคุณนะคะ เหมือนได้เข้าร่วมกิจกรรมด้วยจริง ๆ ค่ะ
และชอบคำที่ใช้...มิตรแท้แห่งตน...
นี่คือสิ่งที่แน่นอนค่ะ
(^___^)
อ่านบันทึกพี่แล้ว คิดถึงคำว่า interconnectedness เลย
ล้วนแล้วเชื่อมโยงเกี่ยวพัน มหัศจรรย์จริงครับ
โห...พี่ส้มค่ะ ชอบมากเลยค่ะ ^^
เขียนได้ดีมากเลย เห็นภาพจริงๆ แล้วยังสะท้อนประสบการณ์ของพี่ส้มที่ไปเข้าร่วมได้อย่างน่ารักลงตัวดีจัง
ชื่นชมยินดีด้วยนะคะ นากำลังจะสร้างเมล์กรุ๊ป ภาวนากลางกรุง "มิตรแท้แห่งตน" ขึ้นมา หวังว่าจะเป็นแหล่งส่งข่าวคราวสำหรับกิจกรรมนี้ในครั้งต่อๆไป และเปิดให้เป็น พื้นที่ สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันต่อๆไปค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวนะคะ ^^
มาสาธุจ้า และเพลงเพราะค่ะ
แอบเฝ้ารอ "มิตรแท้แห่งตน ๒" อยู่นะคะ
ด้วยรักและมิตรภาพ
=^o^=
ฟังดูน่าสนใจดีค่ะ
คราวหน้าจะขอไปเข้าร่วมด้วยคนนะคะ
สวัสดีค่ะ อ.หมอ เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี
ขอบคุณที่แวะมาทักทาย ช่วยสรุปให้ด้วยค่ะ ใช่เลยค่ะ ที่เรื่องราวที่เราเข้ามาเกี่ยวข้องต่างกรรม ต่างวาระ บางครั้งทำให้เราประหลาดใจหลายครั้ง ทำไมเชื่อมโยงเป็นระบบดีจัง
สวัสดีจ้ะ น้องนา นานาจิตตัง ตามเข้ามาได้ไง ไวจริง ทึ่งมาก เพราะตอนเขียนบันทึกนี้เสร็จ พี่หาโอกาสจะ forward ให้หนูอยู่ แต่จู่ๆ หนู ก็เข้ามา เชื่อมโยง บันทึกนี้เข้ากับกลุ่มผู้เข้าอบรมให้เลย ใจเราตรงกันจริงๆ
มีคนสนใจเยอะ บอก อ.หนานจุ๋ม ให้ปลื้มใจหน่อยนะคะ อ.มีเทคนิค มุขสอนธรรมะแบบชิวๆ
สวัสดีค่ะ
คุณ ผู้มาใหม่
คุณ dr-ammy
หาข่าวการจัดครั้งต่อไปได้ค่ะ
แต่ละคนที่ร่วมกิจกรรมล้วนได้ประสบการณ์ ที่เหมือนบ้าง ต่างบ้าง เพราะต้นทุน ต้นทางต่างกัน ค่ะ
กิจกรรมภาวนากลางกรุงนี้ ทางเราคิดจะจัดกันทุกเดือนครับ
เพื่อเป็น space ว่างๆ ให้กับจิตใจที่ เหนื่อยล้า ว้าวุ่น สับสน
ได้หยุดนิ่ง พักผ่อน เติมพลังให้กับชีวิตที่วุ่นๆ
ครั้งที ๒ ได้จัดไปแล้วในวันที่ ๒๕ ก.ค. ที่ผ่านมา อาจจะอ่อนประชาสัมพัน์ไปนิดนึง
ครั้งที่ ๓ จะจัดในวันที่อาทิตย์ที่ ๑๖ ส.ค. ห้องประชุม ๑ บ้านพักคริสเตียน ๙.๐๐-๑๖.๐๐น.
นอกจากความเป็นมิตรแท้ที่มีให้ตนแล้ว คราวนี้ เรามาร่วมเรียนรู้และ
"เริงระบำในความสัมพันธ์" ร่วมกัน
ภาวนา คงมิใช่การที่ทำให้เราสงบเพียงอย่างเดียว
แต่หมายถึงการคลุกเคล้ากับโลกใบนี้ อย่างรับรู้ทุกท่วงทำนองที่เริงระบำ
ขอบคุณทีมงานขวัญแผ่นดิน ที่เข้ามาให้ข้อมูลค่ะ
เสียดายจัง วันที่ 16 ติดภารกิจเตรียมการเดินทางไป ปฏิบัติงาน ตวจ. ทั้งสัปดาห์ ทำให้ ไม่มีโอกาสไปเริงระบำ ในความสัมพันธ์ ด้วยค่ะ ไว้คราวหน้านะคะ