ไปช่วยกันทำแท้งที่ขอนแก่น (อีกรอบ) : ลงโรง


ไปช่วยกันทำแท้งที่ขอนแก่นอีกรอบ: ลงโรง

            หัวรุ่งของวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2552 ผมต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ เพื่อเตรียมตัวให้ทันไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อคืนต้องขึ้นเครื่องมาจากหาดใหญ่ ซึ่งกว่าจะถึงบ้านน้องสาวที่บางกอกก็ซัดไปเกือบ 5 ทุ่มแล้ว ที่สนามบินได้พบกับอาจารย์ม.อ.หลายท่าน คนรู้จักอีกหลายคน พลันก็นึกย้อนกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ยุคที่การเดินทางไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ กว่าจะถึงกรุงเทพก็ต้องนอนมาบนรถไฟ เพราะไม่มีกำลังทรัพย์ที่มากเพียงพอที่จะนั่งเรือบินได้ แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อมาถึงสนามบิน มองไปทางไหนก็เจอแต่คนรู้จัก ผู้บริหารหลายคนก็เจอได้ที่สนามบิน อดนึกตลกไปว่า ผู้บริหารชอบมานั่งทำงานที่สนามบินเสียเหลือเกิน (ฮา) นี่ก็แปลกไปอีกแบบนะครับ เทคโนโลยีก้าวไกล มี teleconference ที่สามารถประชุมระยะทางไกลข้ามซีกโลกได้ แต่ทำไมผู้บริหารบ้านเรายังชอบขึ้นเครื่องบินกันอยู่อีก ลองนึกดูนะครับ หากภายใน 1 สัปดาห์ มีการขึ้นลงกรุงเทพหาดใหญ่ จำนวน 30 เที่ยว (นี่เป็นการประมาณเล่นๆนะครับ จริงๆน่าจะมากกว่านี้) คาดว่าต้องจ่ายเงินเที่ยวละ 4,000 บาท (นี่ก็ประมาณเล่นๆอีกเช่นเดียวกัน) หลวงก็ต้องจ่ายเงินค่าเครื่องบิน 120,000 บาท นี่ยังไม่รวมค่าน้ำมันรถที่ต้องรับส่งสนามบินอีกหลายเที่ยว ค่าที่พัก เบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม โอ้โห...นี่ผมนึกไปไกลๆทำไมเนี่ย เอาเป็นว่า เมื่อไหร่ใช้ teleconference กันอย่างกว้างขวาง เราน่าจะมีเงินในตักมากกว่าที่เป็น (มั้ง) หรือว่าไม่ใช้ดี ขึ้นลงบ่อยๆ ได้ไมล์สะสมเยอะๆ จะได้บัตรทอง royal orchid plus เร็วๆ เวลาจะรอขึ้นเครื่องก็จะได้นั่งรอในเล้า (ขอเขียนแบบนี้นะครับ อย่าว่ากัน) เท่ไม่หยอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า

            มาต่อเรื่องไปขอนแก่นกันดีกว่าครับ ย่อหน้าที่แล้วก็ขออภัยถ้าไปถูกส้นของใครเข้านะครับ

            ที่สนามบินขอนแก่น มีรถตู้ของกองอนามัยการเจริญพันธุ์มารับผมและคณะที่มาเป็นวิทยากร แต่เนื่องจากกระเป๋าผมออกมาช้า คันแรกจึงนำคณะส่วนใหญ่กับท่านอธิบดีกรมอนามัยออกไปก่อน คันที่เหลือจึงเป็นของท่านธนพันธ์เพียงท่านเดียว เท่เหมือนกันโดยไม่ต้องนั่งเล้าเลยครับท่าน

            งานประชุมครั้งนี้ เขาจัดขึ้นที่โรงแรมโฆษะ อ.เมือง ขอนแก่น ที่ใกล้ๆกันนั้นผมได้เหลือบเห็นโรงแรมโซฟิเทล ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น Pull man ไปเรียบร้อยแล้ว โรงแรมนี้ ผมได้เคยมาพักครั้งหนึ่งเมื่อราว 10 ปีก่อนนู้น ในงานประชุมของราชวิทยาลัย

            หลังจากที่ check in เสร็จเรียบร้อยก็รีบไปกินอาหารเช้า ได้นั่งร่วมโต๊ะกับท่านอธิบดี แต่รู้สึกว่ากินไม่ค่อยสนุก (เอ้า) เลยหาโอกาสเลื่อนออกไปนั่งคุยกับอ.ประทักษ์ ซึ่งท่านได้เดินทางมาตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อเตรียมงาน และการประชุมในครั้งนี้ ผมทราบมาว่า มีคนมาร่วมประมาณ 110 คน เป็นหมอและพยาบาลของภาคอีสาน งานประชุมของเรากำลังฮิตติดตลาด จากเดิมที่มีคนมาร่วมน้อย จนปัจจุบันมีแต่คนโทรศัพท์มาขอที่นั่ง (จากกองฯ) บางคณะยอมจ่ายเงินเพื่อมาร่วมงาน ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นบ้างสำหรับผม ซึ่งต้องเป็นวิทยากรบนเวที 2 เรื่อง และวิทยากรฝึกปฏิบัติ 2 เรื่อง และการเป็นวิทยากรครั้งนี้นี่เอง ที่ผมได้เปลี่ยนวิธีการจัดกิจกรรม ในหัวข้อการสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากเดิมซึ่งผมกับอ.ประทักษ์จะเป็นผู้นำการสนทนา แล้วเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมพูด ซึ่งพูดไปพูดมาก็มักจะกลายเป็นว่าเหลือเพียงผมและอ.ประทักษ์เท่านั้นที่พูดกัน แต่ครั้งนี้ ผมจะเลียนแบบอ.สกล นกไฟ อาจารย์เป็นคนที่นำเอาวิธีการพูดคุยโดยใช้กิจกรรม world café มาเป็นตัวดำเนินกิจกรรม

            เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อครั้งปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาไม่นานนี้ ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน Gotoknow Forum ที่จัดที่หาดใหญ่ และท่านได้จัดช่วงเวลาของกิจกรรมที่ว่านี้ในช่วงบ่าย ซึ่งมันได้ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้นักลอกเลียนแบบที่ชื่อธนพันธ์นี้ จนต้องรีบเอามานั่งฝัน นั่งเขียน และเอามาจัดเองบ้างในที่สุด และกำลังวางแผนจะนำไปใช้กับกิจกรรมจริยธรรมสาธกกับมวลหมู่ลูกศิษย์แพทย์ใช้ทุนด้วยเช่นกัน (ถ้าครั้งนี้ประสบความสำเร็จ)

            ในช่วงเช้าของวันแรกที่ขอนแก่นนี้ เป็นช่วงของการบรรยายโดยท่านผู้ทรงคุณวุฒิด้านการทำแท้ง โดยมีอาจารย์นันทาแห่งกองอนามัยการเจริญพันธุ์เป็นผู้ดำเนินกิจกรรม ท่านอาจารย์หมอนันทาผู้นี้นี่เอง ที่ผมรู้สึกเสมอมาว่า ท่านเป็นเซียนในการจับประเด็นอย่างมาก ใครพูดอะไรออกไป เดี๋ยวเดียวท่านก็สามารถสรุปประเด็นออกมาได้อย่างน่าทึ่งและเข้าใจง่าย รวมถึงสามารถเขียน mind mapping ออกมาให้เราดูได้อีก วิทยากรบนเวทีในรอบนี้ประกอบด้วย คุณมีชัย วีระไวทยะ ท่านนี้ทุกคนคงจะรู้จักดี ในฐานะที่เป็นอดีตวุฒิสมาชิก ผู้ก่อตั้งสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย สมาคมพัฒนาประชากร ซึ่งทั้ง 2 ที่ที่ว่านี้ ต่างก็ให้บริการการวางแผนครอบครัวและบริการการยุติการตั้งครรภ์อย่างเป็นระบบมานมนานหลายปี อาจารย์กฤตยา เป็นอีกท่านหนึ่งที่ผมต้องได้พบเจอในงานนี้ ท่านนี้นี่แหละที่ทำให้ผมได้เข้าใจคำว่า การท้องเมื่อไม่พร้อม คืออะไร ผมพบท่านครั้งแรกเมื่อครั้งที่ไปร่วมงานนี้ที่ โบทานิก การ์เด้น เชียงใหม่ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าร่วมงานแบบเอ๋อๆ ไม่ทราบว่าไปร่วมกับเขาทำไม เพราะเกลียดการทำแท้งเข้าหัวใจ แต่อาจารย์นี่แหละที่มานั่งดื่มเบียร์ร่วมกับผมและเพื่อนๆหนุ่มๆจบใหม่อีกหลายคน และได้กระตุกต่อมฉลาดของผมเรื่องการทำแท้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านสุดท้ายคืออาจารย์กำแหง อดีตประธานราชวิทยาลัยสูติฯ ผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในเรื่องการทำแท้งมาตั้งแต่ต้น

            เนื้อหาในการบรรยายส่วนใหญ่อยู่ที่การนำเสนอว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการทำแท้งเถื่อนอย่างไร ประเด็นทางด้านกฎหมายมาตรา 305 ที่เป็นปัญหากับสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของเพศหญิง ข้อบังคับแพทยสภา และมาถึงคิวของผมในช่วงบ่าย ที่ได้พูดถึงบทบาทของครูแพทย์ในการเป็นพิมพ์ให้กับเหล่าบรรดานักศึกษาแพทย์และแพทย์ฝึกหัด ประเด็นที่ผมนำเสนอก็เป็นเรื่องราวของความเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากการที่เป็นที่เกลียดการทำแท้ง ดูถูกดูแคลนคนที่มาขอรับบริการยุติการตั้งครรภ์ รวมถึงการใช้วาจาส่อเสียดเพื่อเป็นการลงโทษเขาที่ต้องการทำแท้ง มาจนถึงช่วงเวลาที่ต้องทำให้ผมได้มีโอกาสคิด คิดอย่างมีเหตุมีผล คิดโดยไม่เข้าข้างตัวเอง คิดให้ได้ว่า ทำไมคนจึงมีความพร้อมไม่เท่ากัน ทำไมคนรวยบางคนไม่พร้อมที่จะตั้งท้อง ทำไมคนไม่มีตังค์จึงไม่พร้อมทั้งๆที่บ้านเราเป็นระบบครอบครัวอุปถัมภ์ ทำไมนักศึกษาแพทย์จึงไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ ทั้งๆที่เมื่อเรียนจบออกไปต่างก็น่าจะมีเงินเลี้ยงลูก อันนี้ถ้าคิดเองคนเดียว มันก็จะเข้าอีหรอบเดิม นั่นก็คือ เราคิดว่าเขาน่าจะพร้อม การที่มีคนมาสอนให้เราหัดมองปัญหาโดยไม่ใช้ตัวเราเป็นศูนย์กลางช่วยทำให้จิตใจเราอ่อนโยนลง เราสามารถมองเห็นความทุกข์ของคนที่กำลังเป็นทุกข์อยู่ได้ เราจะได้มีโอกาสทราบว่า ความไม่พร้อมของเขาอยู่ที่ใด และในขณะเดียวกัน เราก็สามารถช่วยกันหาทางออกให้เขาได้ เพราะว่าเราเองไม่ได้ตกอยู่ในห้วงทุกข์เช่นเดียวกับเขา เราอาจจะมีสติที่จะคิดหาหนทางออกได้ดีกว่าเขา นี่เอง จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผมต้องมาเป็นวิทยากรให้กับงานนี้ทุกครั้งไป

            คืนแรกของการมาที่ขอนแก่นครั้งนี้ จบลงด้วยความงงงง เพราะว่าได้ดื่มไวน์ไปหลายจอก มีท่านคหบดีท่านหนึ่งเดินทางมาร่วมงานด้วย และท่านก็ได้หิ้วไวน์มาหลายขวด ธนพันธ์เลยหลับสบายไปเลยครับท่าน

หมายเลขบันทึก: 267865เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2009 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

อาจารย์กลับไปหรือยังนะคะ มาขอนแก่นไปได้พบกันอีกแล้ว

กลับเรียบร้อยแล้วครับคุณพี่

ไม่ได้ติดต่อใครๆที่รู้จักเลย เพราะผมอยู่แตในโรงแรม

คนเข้าร่วมประชุมเยอะมาก หลายครั้งต้องลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถาม

เสียดายนะครับพี่แก้ว

เออ..พี่นิ่มบอกว่า พี่แก้วให้ดูรูปผม ตอนที่พี่ไป Gotoknow forum ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับพี่แก้ว

ทำไมผมดูแก่จังเลย

นั่นคือคุณหมอเหรอคะนั่น....เห็นแล้วอดใจไม่หัวเราะไม่ได้เลยค่ะ

ไม่เหมือนที่จินตนาการไว้เลย(รูปตอนก้มหน้าไม่ช่วยในการจินตนาการให้ใกล้เคียงรูปจริงเลย)

รูปหน้าตรง...ดูขี้เล่น ฮาจังเลยค่ะ

ดูรูปที่ก้มหน้า.....ทรงภูมิมาก

ตลอดชีวิตมาจอยก็แอนตี้การทำแท้งมากค่ะ แต่ก็เห็นใจคนที่เค้าไม่สามารถเลี้ยงลูกได้เด็กก็ไม่มีคุณภาพอีก...เฮ้อ

คุณหมอช่วยเล่าหน่อยสิคะว่า ที่คุณหมอเข้าใจคำว่า "การท้องเมื่อไม่พร้อม" คืออะไร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท