ได้มีโอกาสนั่งคุยกับ คุณศิรินา โชควัฒนา ปวโรฬารวิทยา
นักธุรกิจหญิงระดับประเทศและนักศึกษาปริญญาเอก
สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ม.รามคำแหง รุ่นที่ 5 (ผมเรียนรุ่น 4)
ทำให้ได้ทราบถึงแนวความคิดของการให้ ซึ่งคุณศิรินา ได้สรุปไว้น่าสนใจ
ซึ่งผมจะขอขยายความดังนี้ครับ
1. การให้เงิน เมื่อเรามีเงินก็สามารถที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ ซึ่งเป็นการให้เบื้องต้นที่ง่ายที่สุด และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก
2. การให้ความช่วยเหลือ ให้ความช่วยเหลือหลายๆ ด้าน อาจจะเป็นทางด้านสังคม การเสียสละเวลาในการเข้าสู่ชุมชน ซึ่งก็ต้องทุ่มเทเวลาให้มากพอ
3. การให้ความรู้ เป็นการให้ที่ถือว่าเป็นการให้ที่สูงสุด เพราะเป็นการให้ความรู้ของเราแก่ผู้อื่น ได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต
คุณศิรินาตั้งความหวังไว้ว่าอยากที่จะให้ความรู้ หรือการเป็นอาจารย์
เพราะบอกว่า อายุอานามก็มากแล้ว อยากที่จะนำความรู้ของตัวเอง
ถ่ายทอดให้ลูกหลานเพื่อใช้พัฒนาชาติต่อไป
เป็นแนวความคิดของนักธุรกิจหญิงที่ไม่ธรรมดาครับ
จะมีสักกี่คนที่จะให้ความรู้ อย่างไม่มีปิดบัง!!!
แนวความคิดแบบนี้ล่ะครับ ที่จะทำให้ประเทศชาติของเราพัฒนาได้
เพราะการศึกษา และการเรียนรู้นั้น เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ไม่จำเป็นต้องเป็นการให้ความรู้ ภายในห้องสี่เหลี่ยมแต่เพียงอย่างเดียว
ความคิดเขาดีมากเลยครับ
ชาติพัฒนาได้ดีหรือไม่ก็อยู่ที่ ประชากรในชาตินี้ มีความรู้ หรือไม่
ซึ่งหากประชาชนในชาติมีความรู้ ประเทศก็จะต้องอาศัยความรู้ของประชาชนไปพัฒนาชาติทางด้านต่างๆ
ไม่ว่าจะพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ หรือ การเกษตรประยุกต์
ซึ่งแหล่งความรู้ที่สำคัญต่อการศึกษาก็คือ
อินเตอร์เน็ต และ สถาบันการศึกษา
อินเตอร์เน็ต พูดๆไป เยาวชนสังคมไทยจะไม่ค่อยใช้ในการศึกษาซักเท่าไร มัวเอาแต่เล่นเกมส์ไปวันๆ
ส่วนการศึกษา มันก็ยังเป็นปัญหาอยู่ที่ คนที่เรียนไม่ชอบด้านที่เลือกลงเรียน
ยกตัวอย่าง
จะว่าไป 30% เรียนอะไรก็ได้ที่ให้มันจบๆ ปริญาตรี
ส่วนอีก 40% ก็เรียนอะไรก็ได้ ตามคำสั่งของพ่อแม่ หรือเรียนตามเพื่อนตามแฟน
ส่วนอีกที่เหลือ ก็เรียนตามที่ตัวเองชอบ ซึ่งพวกนี้แหละ เป็นกำลังของชาติดีทีเดียว