ลูกชาวนา กลับมาทำนา เพื่อสอนชาวนา ให้เป็นชาวนา


เกษตรกรส่วนใหญ่นับถือและใช้ความรู้จากคนอื่น และเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อตัวเอง ทำตามที่ “เขาว่า” มากกว่า ทำตามที่จะลองทำ และเรียนรู้เอง

 

ในระยะสามสี่ปีที่ผ่านมา หลายๆท่านอาจจะเริ่มคุ้นเคยกับการทำตัวเป็น “ชาวนา” ของผม

ผมได้เขียนอธิบายไว้ในประวัติ แต่คิดว่าคงไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปอ่าน

และมีบางท่านแสดงความสงสัย หรืองุนงงกับพฤติกรรมของผม ว่า ผมทำอะไรอยู่ และทำไมต้องทำ หรือ ทำให้ได้อะไร

ผมจึงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งตามหัวข้อข้างต้น

·       ลูกชาวนา(จนๆ)

·       กลับมาทำนา(แบบคนจนทำ)

·       เพื่อสอนชาวนา(จนๆ)

·       ให้เป็นชาวนา (อาจไม่รวย แต่อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้)

ทำไมหรือครับ

คำตอบนำทางก็คือ

1.   ผมรู้สึกว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ ยากจน ไม่มีความภาคภูมิใจในชีวิตตนเอง

2.   ไม่พยายามสอนให้ลูกทำการเกษตร แต่พยายามให้ไปทำอย่างอื่น ไม่ไหวจริงๆจึงค่อยกลับมาทำไร่ทำนา

3.   เกษตรกรส่วนใหญ่มองว่าการทำการเกษตรไม่มีทางรอด มีแต่เหนื่อย ขาดทุน ทางรอดแค่รอขายที่ดินล้างหนี้ บางส่วนหรือทั้งหมด

4.   เกษตรกรส่วนใหญ่นับถือและใช้ความรู้จากคนอื่น และเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อตัวเอง ทำตามที่ “เขาว่า” มากกว่า ทำตามที่จะลองทำ และเรียนรู้เอง

5.   ผู้สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา หรือนักวิชาการส่วนใหญ่ ก็รู้เป็นส่วนๆ แนะนำอะไร ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หาคนที่รู้จริงๆทั้งระบบนั้น ยากจริงๆ

6.   การสนับสนุนการพัฒนาการเกษตรก็แยกส่วน และพยายามที่จะทำให้ชาวบ้านที่ขาดความรู้ และความมั่นใจนำมาผสมผสานกันเอง ได้บ้างไม่ได้บ้าง

7.   การเรียนการสอนความรู้ด้านการเกษตรก็มักใช้ความรู้แห้งๆ จากตำรา ขาดชีวิต และบริบทของการใช้ความรู้จริง คนสอนก็ท่องไปสอน คนเรียนก็ท่องไปสอบ จบมาก็ท่องไปบรรยาย เลยไม่มีใครเป็น "ครู" ที่จะสอนใครได้จริง

8.   สรุปว่าหา "ครู" ที่เป็นคนรู้แบบองค์รวม ที่พร้อมจะเป็นครูทางการเกษตรนั้น ยากจริงๆ

9.   ผมก็ลองทำตัวเป็นคนท่องไปบอกชาวบ้านดูบ้าง ไม่ได้ผล เลยต้องมาทำนาเอง เพื่อที่จะรู้จริงๆว่า ทำไมเกษตรกรจึงทำอย่างที่เขาทำ และถ้าจะไม่ทำอย่างนั้นจะต้องทำอย่างไรได้บ้าง

10.               แค่คิดสร้างตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ด้วยตัวเอง ก็น่าจะยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่อยากให้เกิดมาแบบเสียชาติเกิด

ผมจึงมาลองทำนาเองแบบ

มมติว่าตัวเองเป็นเกษตรกรที่มีแต่นา และแรงงานตัวเองเพียงอย่างเดียว จะทำนาแบบไม่จ้าง ไม่ไถ ไม่ซื้อปุ๋ย ใช้ยา ใช้พันธุ์ข้าวน้อยๆ จะทำได้ไหม

มก็ค่อยๆคิด ที่จะหาทางให้เกษตรกรยากจน มีวิธีที่จะต้านกระแสสังคมทุนนิยม

จนคนหาว่าผมบ้า แต่ก็ค่อยเปลี่ยนมามองผมดีขึ้นทีละน้อย

ตอนแรกทำแค่ ๔ ไร่กว่าๆ ชาวบ้านในเครือข่ายก็ว่า ทำเป็นของเล่นๆแบบนั้น ใครก็ทำได้ แต่เขาว่าเขามี ๒๐-๓๐ ไร่ เขาทำไม่ได้หรอก

ผมก็ลองคิดสู้คำท้า โดยการขยายที่นามาเป็น ๒๐ ไร่ แต่นาที่เพิ่มมา แยกกันอยู่ทำได้ยาก ก็เลยทำอยู่กระจุกเดียว ได้ ๑๖ ไร่ หมดเวลาเสียก่อน (ทำคนเดียวตอนเช้า หลังเลิกงาน กลางคืน และวันหยุด ไม่มีเครื่องจักรกล ไม่จ้าง ไม่ซื้อ)

ผมคนเดียวทำได้ถึง ๑๖ ไร่ โดยไม่มีรถไถ ไม่ซื้อปุ๋ย ไม่ใช้ยา สีข้าวเอง ทำคันกั้นน้ำด้วยมือตัวเอง เลี้ยงปลา จับปลา กำจัดวัชพืช ศัตรูพืชด้วยตัวเอง หมุนเวียนใช้วัสดุทุกอย่างที่พอหาได้

ทำนาอินทรีย์ แบบธรรมชาติจริงๆ

ที่ผมเชื่อว่า ถ้าผมมีนาติดกัน แม้เป็นร้อยไร่ ผมคนเดียว ไม่มีรถไถ ไม่ลงทุน ลงแต่แรง ก็น่าจะทำได้ เพราะจัดการครั้งเดียว ก็ได้ทุกอย่าง

เพื่อ ที่จะให้คนจนจะเอาอย่างได้

นี่คือความฝันของผม

แต่วันนี้ ความฝันของผมก็ยังห่างงงงง.....ไกลจากความจริงมากพอสมควร

เกษตรกรรอบๆนาผม มีแค่คนอิจฉาผม บางคนว่าผมบ้า บางคนแค่คอยจ้องหาจังหวะขโมยของในนาผม บางคนพยายามแกล้งให้แผนการจัดการที่วางไว้ผิดพลาด (ทั้งโดยรู้และไม่รู้)

แต่.... ยังไม่มีคนเอาอย่าง ที่ผมฝันอยากจะเห็น

กระแสความเชื่อ ทำตามๆกันไปเรื่อยๆ และความมักง่ายยังแรงจัดอยู่มากจริงๆ

ชาวนายังชอบอะไรก็ได้ ง่ายๆ เร็วๆ ลงทุนเท่าไหร่ไม่ว่า

แล้วจะมีอะไรเหลือละครับ

จนต่อไป เจ็บต่อไป และ ไม่รู้ (โง่) ต่อไป เท่านั้นเอง

ผมหรือครับ ไม่ท้อ ขอสู้ต่อไปครับ

.......จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด..........

และยินดีต้อนรับทุกท่าน ที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ครับ

หมายเลขบันทึก: 263327เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2009 19:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (60)
  • เพราะระบบการศึกษาทำให้คนไม่นิยม ไม่เห้นคุณค่าของการทำนา การเป็นชาวนา
  • เราถูกการศึกษาสอนว่าต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน จริงเราโดนหลอกค่ะ
  • ไม่มีใครจับจองที่ดิน ที่ดินจะเป็นของต่างชาติ

ที่นาดีๆ แทบไม่เหลือแล้วครับ

รอบๆนาผมก็มีต่างชาติพยายามมากว๊านซื้อ ถ้าผมไม่ขวางไว้ หมดไปแล้วครับ

คนไทยยังนั่งหลับไม่รู้ คู้ไม่เห็น

คิดว่าเป็นไปไม่ได้

ระวังจะตื่นมากับฝันร้ายครับ

  • อ.ค่ะ จริงๆแล้ว สมัยก่อนพ่อแม่ก้สอนให้ทำนา เพื่อความอยู่รอดพึ่งพาตัวเอง
  • เป็นเพราะค่านิยมที่ผิดที่คนเราเข้าใจกันว่าต้องรวย การที่รวยต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน
  • ครูที่มหาลัย ก็สอนเรื่องการทำเงิน สอนเรื่องบริหาร
  • ตอนนี้น่ำใจหายไม่มีใครกล้าสอนทำนา

วิชา "ข้าว" ยังไม่มีเลยครับ

มีแต่พืชอื่นๆ รวมๆว่า ธัญญพืช (มีข้าวแกมไว้พอเป็นกระสายนิดหน่อย)

ทั้งๆที่ประเทศไทยต้องพี่งข้าวทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

นี่คือตัวชี้วัดที่น่าคิด และแปลกประหลาดที่สุดในโลก

คนจบเกษตร (บางคน..ก็ได้) ยังแยกต้นข้าวกับต้นหญ้าออกจากกันไม่ได้เลย

น่าทึ่งไหมครับ

สวัสดีค่ะ

ได้อ่านบันทึกที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ

อาจารย์เป็นคนจริง

ทำจริง รู้จริง จึงได้เรียนรู้

และพูดได้เต็มปากตามที่ได้ทำและเรียนรู้มา

ขอให้กำลังใจในการต่อสู้ต่อๆไป

ขอบคุณที่ได้นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

เคยอ่านประวัติ ของท่านฟูโกโอกะ แรกๆท่านก็เป็นแบบ ดร.แสวง ครับ คือมีแต่คนหาว่าบ้า........ แต่กาลเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์คน ...

ผมเป็นลูกชาวไร่ ชาวนาคนหนึ่ง อยู่ไร่นามาตั้งแต่เกิดจน 18 ปี แล้วเข้าไปศึกษาในเมืองกรุง 8 ปี(รวมทำงานด้วย) ในช่วง 18 ปี แรกนั้นก็คลุกคลีกับชีวิตชาวไร่-นามาตลอด พ่อแม่บังคับให้ไปไร่ นาทุกเสาร์อาทิตย์ ช่วงแรกๆเคยเห็นพ่อใช้ควายไถนา ใช้"พัด"(กังหันวิดน้ำ จากแม่น้ำ)ตักน้ำใส่ในนา ใช้เกวียนวัวบรรทุกข้าวจากไร่มาบ้าน ธรรมชาติ วิถีชีวิต ดูช่างกลมกลืนและงดงาม(ภาพในตอนเด็ก)เป็นการดำรงชีวิตที่เป็นธรรมชาติมาก แม้จะไม่ธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นภูมิปัญญาที่ลงตัว จากนั้นก็วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ เริ่มมีรถไถคูโบต้า มีรถบรรทุกเล็ก มีเครื่องสูบน้ำ มียาเคมีต่าง ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องไฟฟ้า ตามสมัยนิยม ฯลฯ ชีวิตเริ่มสุขสบาย อาชีพเกษตรก็พลอยหาเครื่องทุ่นแรงบ้าง ที่คิดว่าทันสมัย และสะดวกง่ายดาย เหนื่อยน้อยลง ยุ่งยากน้อย ...ลืมคิดผลกระทบ และสิ่งที่จะตามมาต่อนิเวศ สิ่งแวดล้อม

ทำอย่างไรเราจะให้เขามีจิตสำนึกต่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม(มีจิตสาธารณะ-จิตสากล) ทำอย่างไรจะให้เขาเห็นภาพอนาคต ทำอย่างไรความรู้ (ปัญญา)จะมีได้ ทำอย่างไรพฤติกรรมจะเปลี่ยน ฯลฯ

....เป็นกำลังใจให้ครับ...

  • สวัสดี อ.แสวง
  • เราเรียนทฤษฎีท่องจำเยอะมากกว่าปฎิบัติค่ะ
  • จบมาได้ความรู้แบบหางอึ่งค่ะ
  • ระบบการศึกษา คงต้องใดกทำวิจัย ฝึกปฎิบัต อย่างน้องฃย 6-12 เดือนค่ะ

ท่านพุทธทาสท่านเรียกการศึกษาไทย ว่า

การศึกษาแบบหมาหางด้วน

ผมก็ยังตีความหมายไม่ค่อยออกครับ

แต่ผมว่า เราก็ทำกันแบบนี้มานาน และกำลังทำต่อไปแบบไม่คิดจะเปลี่ยนครับ

และคนที่เคยทำให้การศึกษาไทยเหลวแหลกก็ยังได้รบการยอมรับ และแต่งตั้งให้เป็นกรรมการปฏิรูปการศึกษาเสียอีก

แล้วเราจะเริ่มกันตอนไหนครับ

ผมนึกไม่ออกจริงๆ

 

ผมก็ทำนาเหมือนกันครับ

ก็คงทำเพื่อพออยู่พอกิน ไม่ซื้อข้าวมากิน เพราะข้าวก็เสี่ยงต่อพิษมากเหลือเกิน

อาทิตย์ก่อนเพิ่งจะส่งเมียไปเรียนวิชาการทำนากับ มูลนิธิขวัญข้าว

คงจะได้อะไรมาบ้าง

เดี๋ยวจะขุดแคะ มาเล่าให้ฟังนะครับ

ได้แน่นอน ผมเชื่อมั่นฝีมือคุณเดชา ศิริภัทร

ขอบคุณครับ

เป็นกำลังใจให้อาจารย์ค่ะ

สู้ๆค่ะ

เมื่อชีวิตเรายังไม่จบเราก็ต้องเรียนรู้ไปเลื่อยๆใช่ไหมค่ะ?

การที่พึ่งตนเอง ใช้ชีวิตโดยไม่รบกวนธรรมชาติถ้ารบกวนก็น้อยที่สุด

จะทำให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้นานมากขึ้นค่ะ

ถูกต้องครับ

เราต้องอยู่กับธรรมชาติ และธรรมชาติต้องอยู่ได้ เราจึงจะอยู่ได้

ทำลายธรรมชาติ เท่ากับทำลายตัวเองครับ

ดังนิทานอีสป เรื่อง กวางหนีนายพรานไปหลบอยู่ในพุ่มไม้ แต่กลับเล็มใบไม้ที่บังอยู่หมด จึงทำให้นายพรานมองเห็นกวาง และโดนยิง

คนเรากำลังทำลายที่พักพิงของเราเอง

แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร

ถ้าเน้นการทำลาย ผมคิดต่อไม่ได้ แต่ถ้าช่วยกันรักษา ผมพอจะมองทางรอดออกอยู่ครับ

ขอบคุณครับ

  • มีคนจริงเหมือนท่านกี่คนในประเทศไทย
  • ที่นำความเป็นจริงที่ทำการเกษตรแล้วขาดทุน
  • ทั้งที่ประชากรในประเทศมีอาชีพทางการเกษตร
  • ผู้บริหารประเทศน่าจะเอาคนอย่างท่านเข้าไปเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นรัฐมนตรีเกษตร
  • ถึงจะรู้ปัญหาแนวทางการช่วยเหลือการเกษตร
  • งานเขียนท่านคือความเป็นจริงในวิถีชีวิตเกษตรกร

ขอบคุณครับ

ผมอยู่ตรงนี้สบายดีแล้วครับ

ยิ่งสูงยิ่งหนาวครับ

สวัสดีค่ะ

.ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป ขอเพียงอย่างเพิ่งอ่อนแรง ชาวนาจะได้ประโยชน์เมื่อเห็นตัวอย่างที่ดี

.ดิฉันเห็นใจชาวนามาก คนสมัยใหม่มีการศึกษาดียังไม่ค่อยทดลองทำหรือเรียนรู้ ชาวนาเขาก็ไม่ค่อยกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ความกลัวที่ว่าจะเสียหาย และยากจนลงกว่าเดิม จนกว่าจะมีหลักประกัน หรือตัวอย่างที่ทำให้เขาเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทำให้ดีขึ้นค่ะ

ขอบคุณครับ

ผมไม่มีวันท้อหรอกครับ

แต่อาจชะลอการขยายงานในบางจังหวะที่คนเริ่มชาชินกับคำพูด และจำเป็นต้องหามุขใหม่

ประมาณนั้นครับ

ในเดือนนี้ หรือ ระยะอันใกล้นี้

อาจารย์รับเป็นวิทยากรที่ใดบ้างครับ

จะได้ติดตามไปฟังบ้างครับ

ตอนนี้ชะลอ มาทำนาครับ

การทำนาแบบผมทิ้งนานานไม่ได้ครับ

ช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติ สักพักก็พอห่างได้บ้างครับ

อยากทำนาเป็นค่ะ จะได้เอาไว้เลี้ยงตัวและเผยแพร่แก่ชุมชน

ต้องหาที่นา ลองทำ เน้นการเรียนรู้ ไม่เกิน ๓ ปี ทำเป็นแน่นอน

อย่ากลัวการเรียน และใช้บทเรียนให้เป็นประโยชน์ตลอดเวลา

ไม่นานเกินรอ สำเร็จแน่ๆครับ

ผมทำมาแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยทำนาเอง

ตอนนี้ทำเองได้แล้ว พอเป็น และมั่นใจครับ

ผมขอไปเรียนทำนาด้วยคนได้ไหมครับ

ขอเป็นลูกศิษย์อาจาร์ยครับ จะลองทำตามแนวทางนี้

ด้วยความยินดีครับ

มีที่นาให้ยืมด้วยนะครับ เดียวจะหาว่าพูดเล่น

ผมชอบคนจริงครับ

เพราะผมเชื่อว่า คนจริงเท่านั้นที่น่าคบครับ

ชาวนายังชอบอะไรก็ได้ ง่ายๆ เร็วๆ ลงทุนเท่าไหร่ไม่ว่า

ประโยคนี้จริงๆที่สุดค่ะอาจารย์  ชาวนารีบๆดำนาให้เสร็จ โดยการจ้างๆๆๆๆๆ  จ้างทุกขั้นตอนการทำนาเลยค่ะ  แล้วจะได้อะไรคะจากการทำนา 

ถึงดิฉันไม่ได้เป็นชาวนาแต่  ถ้ามีโอกาสได้เป็นชาวนาคงไม่ทำแบบนี้

(สมัยเด็กๆเนื่องจากพ่อและแม่ทำนา  พ่อกับแม่จะสอนให้ลูกๆทุกคนต้องทำนาก่อนไปโรงเรียนตอนเช้า  อย่างน้อยดำนาได้นิดหน่อยและวันเสาร์ อาทิตย์ให้ช่วยทำนาตลอดวัน  จึงถูกสอนให้ทำนาตั้งแต่ประถมค่ะ  ลูกชาวนาขนานแท้ค่ะ  พ่อแม่พาทำนา  ใช้ควาย  ใช้แรงงานคนในครอบครัว  ใช้เวลานานประมาณ 1 เดือนค่ะถึงทำนาเสร็จ  แต่ไม่เป็นหนี้ใครค่ะ  ตอนนี้พ่อแม่ยังทำนาค่ะ  ถึงท่านจะแก่  แต่ไม่ทิ้งนาค่ะ )

 

ยินดีกับอาจารย์ที่มีนาเป็นของตัวเอง ได้ทำเอง

ผมยังไม่มีเงินซื้อนา แต่คิดว่า ในชีวิตนี้ต้องมีนาทำให้ได้

ยังประทับใจในความเป็นตัวของตัวเองของอาจารย์ตลอดนะครับ

"คนโคราชไม่ใช่คนอีสาน" "คนโคราชก็คือคนโคราช"

เป็นสิ่งผมยังจำได้เสมอเมื่อครั้งเรียน ปฐพีศาสตร์เบื้องต้นกับอาจารย์

  • ลูกชาวนา ถ้าไม่รักนา แล้วจะไปรักอะไร ที่ไหน จริงมั้ยครับ
  • ผมรักนา แต่พอกลับไปบ้าน เห็นนากลายเป็นสวนยางพารา และสวนปาล์มไปแทบหมดแล้ว
  • อนิจจา

ลูกชาวนาอาจรักมือถือก็ได้นะครับ

เพราะมีคนช่วยถือมากกว่า ช่วยทำนา อิอิ

ตราบใดที่ยังไม่สำเร็จก็ยังเป็นคนบ้าในสายตาชาวบ้านอยู่

ทดลองมา 2 ปีแล้ว ยังไม่สำเร็จ แต่เริ่มตกผลึกในบางเรื่องแล้ว

ยังไงก็ไม่ท้อครับ

แม้จะสำเร็จ คนที่มองว่าเราบ้า ก็ยังมองว่าเราบ้าเหมือนเดิมแหละครับ

อย่าไปสนใจให้เสียพลังงาน และอารมณ์

ทำงานของเราแบบสนุกสนานดีกว่าครับ

การที่ท่านใด้สอนชาวบ้านนั้นมันเป็นวิธีที่ต่อสู้กับต้นทุนที่สุงเกินกว่าที่ชาวนาจะได้กำไรจากการขายข้าว เพราะตอนนี้มันเป็นยุคโลกาภิวัตร เป็นยุคเงินทุนใหลไปทั่วโลก ทำให้ชาวนาทำนาไม่ได้กำไรเพราะไม่สามารถสู้ราคาปุย ยาฆ่าแมลงได้ ทำให้ชาวนาขาดทุนเพราะจะมีคนมาเช่านาทำแทนเพราะถ้าทำครั้งละมากๆๆจะทำให้ต้นทุนการซื้อปุยยาฆ่าแมลงลดลง ที่ท่านคิดนะมันก็ถูกแต่ว่าชาวนาส่วนมากชอบสบายขี้เกริยจ ทำงาน และค่าใช่ในการส่งลูกเรียนละค่ารักษาพยาบาล ค่าสังคม เช่นค่างานศพ งานบวช ค่าซองผ้าป่า ค่าทำบุญ จิปะถะมากมาย โดยที่ท่านลืมคิด เพราะความจริงกับสิ่งที่เป็นไปได้มันต่างกัน

ผมยังคิดว่า ผมไม่ลืมคิดหรอกครับ

ผมกำลังคิดอะไร ทำอะไร เพื่ออะไร

ผมกำลังเน้นหาวิธีการทำการเกษตรแบบลงทุนต่ำ แต่ไม่ยอมให้ผลผลิตต่ำ

ที่ต้องใช้ความรู้มาก

ท่านลองมาทำด้วยกันซิครับ (ผมพอจะแบ่งให้ได้สัก ๕ ไร่) ท่านจะเข้าใจความคิดของผม

ผมมาจากครอบครัวเกษตรกรยากจน แทบจะเรียกได้ว่าจนที่สุดในกลุ่มเกษตรกร

ผมคิดว่าพอจะรู้ขีดจำกัดของเขา ความคิดของเขา

ผมเห็นใจคนจน แต่ผมไม่เห็นใจคนที่ไม่พยายามหนีจากความจน

โดยเฉพาะ ความจนที่เกิดจากการลงทุนสูง แล้วเสี่ยงจนขาดทุน

เพราะผมคิดว่า เขายังไม่เรียนรู้

คนที่เรียนรู้แล้วจะไม่ทำอย่างนั้นครับ

นี่คือความเข้าใจที่ผมมี

ผิดพลาดอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยครับ

สู้ ๆ ค่ะ

ตอนนี้หนูว่าชาวบ้านเริ่มเข้าใจมากขึ้นในแนวทางการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน

รับรองได้ว่าที่สิ่งที่คุณลุงทำอยู่ไม่สูญเปล่าหรอกค่ะ

สวัสดีครับ ดีใจที่เห็น ดร. มาลงมือทำเกษตรครับ เป็นกำลังใให้นะครับ ผมก็อยากทำเหมือนลุงแต่ยังไม่มีทุนและความรู้เลย

ผมเองเรียนอยู่มหาลัยเกษร คณะเกษตรปีหนึ่งครับ ที่บ้านไม่ได้ทำเกษตรทำร้านอาหารครับ ว่าจะลองทำแต่ก็ไม่ได้ทำซักทีครับ

อยากคุยด้วยครับ ว่าตอนนี้เป็นไงมั่งครับ ผมออนช่วงหัวค่ำนะครับ ปิดเทอมผมก็พอมีเวลาว่างอ่ะครับอยากไปช่วยงานศึกษางานครับ

http://www.kasetporpeang.com/

มีคนที่สนใจเกษตรอยู่เยอะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ สามารถขอเมล็ดและความรู้ได้ครับ มีเพียบเลย

ว่างๆก็เอาความรู้ที่ได้มาแบ่งปันกันนะครับ

ด้วยความยินดีครับ

ตั้งใจเรียนดีๆ ระวังความรู้เป็นพิษจะปนเข้ามานะครับ

ผมเองกว่าจะล้างออกได้ก็กว่า ๒๐ ปี อาการหนักจริงๆ

คุณเพิ่งเริ่ม กันไว้ก่อนจะไม่หนักตอนหลังครับ

อยากได้อะไรก็มารับได้เลยครับ

อย่าให้ส่งทาง อีเมล์เลยนะครับ ไม่สนุกครับ

แวะมาเยี่ยมอาจารย์ครับ...

ผมคิดว่าผมเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์คิดและทำ

อยากจะทำอย่างอาจารย์ ปัญหามิใช่ไม่รู้ครับ

ปัญหาคือความกล้า ผมยังกล้าไม่มากพอ

แหะ แหะ อาจารย์มียาเพิ่มความกล้าไหมครับ ขอสักหน่อย...

ไปขอนแก่นคราวหน้า ขออนญาตไปเยี่ยมชมไร่นาอาจารย์หน่อยนะครับ...

เชิญเลยครับ

ยา "ไวตะกล้า" ไงครับ

อิอิ

พอดีผมอยู่กรุงเทพอ่ะครับ ไม่สะดวกจะไปหาที่บ้านอาจารย์เลยครับ ตอนนี้อยากคุยเพื่อเป็นความรู้อ่ะครับ

ไว้ผมโตกว่านี้ผมจะไปดูงานนะครับ ว่าแต่อาจารย์อยู่ที่ไหนครับ ดูท่าจะไกลนะครับT-T ผมจะไปไงล่ะครับเนี่ย

ไว้ปิดเทอมใหญ่ช่วงเมษา จะแวะไปนะครับ ไปอยู่ช่วยงานได้ไหมครับ ^-^

ผมเรียนแต่ในห้องยังไม่เคยลงมือปฎิบัติเลยอ่ะครับ อยากลองดูมั่ง^-^

ผมอยู่ในเมืองขอนแก่นครับ

นาห่างบ้าน ๕ กม ครับ

เป็นกำลังใจให้อาจารย์ครับ

จากศิษย์เก่ามอดินแดง

กำลังใจให้ครับ แล้วจะหาเวลาไปพบปะครับขอที่อยู่ติดต่อครับอาจารย์

ความสำเร็จ บางทีก็ต้องมีลูกบ้าผสมบ้างเหมือนกันนะครับ ไม่งั้นมันไม่สำเร็จสักที ตอนอาจารย์ทำวิทยานิพนธ์ ป.เอกน่ะ ผมว่าต้องมีลูกบ้าบ้างล่ะ ไม่งั้นใครมันจะทำอะไรหามรุ่งหามค่ำได้ขนาดนั้น

จบดอกเตอร์มาทำนา ผมว่าไม่แปลกหรอกครับที่คนรอบข้างจะว่าบ้า เพราะผมก็เคยได้ยินคนแรกนี่แหละ ดอกเตอร์ปลูกผักก็พอได้ยินมา และถ้าอาจารย์จบปุ๊บ ทำนาปั๊บ ผมว่าโดนนินทายิ่งกว่านี้ แน่ๆ เพราะฉะนั้น แค่นี้เล็กน้อยครับ

ขอเป็นแรงใจให้ทำสำเร็จครับ

แต่ความสำเร็จนั้นถ้าอยู่กับอาจารย์คนเดียว ก็เท่านั้นครับ ต้องสอนคนที่ดูแคลนอาจารย์ว่าบ้า ให้เข้าใจ รู้แจ้งด้วย ซึ่งถึงจะนับว่าที่สุด

ผมคนบ้านเดียวกันกับท่านพุทธทาส แต่ “การศึกษาแบบหมาหางด้วน” ไม่กล้าเสวนา กลัวกระทบชิ่งผู้คนมากไปหน่อยครับ

ขอบคุณครับ ที่ทั้งยุ และให้กำลังใจ

จะสู้ต่อไปครับ

ดิฉันก็อยากทำนาเหมือนกันค่ะแต่ก็ทำธุรกิจด้วย บ้างทีก็ลำบากใจอยู่เหมือนกัน สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ด้านเกษตรกรรมเลย ก็อยากที่จะให้อาจารย์แสวงแนะนำ หากมีเวลาจะไปเยี่ยมอาจารย์ที่ขอนแก่นนะค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์ ดิฉันขอแนะนำตัว บ้านเกิดอยู่อุบลฯ อ.เขื่องใน ตอนนี้ลาออกจากงานเตรียมจะกลับบ้านไปทำการเกษตร ทำงานในกรุงเทพฯ ก็ไม่มีเงินเก็บ ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ หากินไปวัน ขอความกรุณาช่วยแนะนำด้วยค่ะต้องเตรียมตัวอย่างไรบาง ที่บ้านปลูกยางพาราไว้นิดหน่อย และ ปาร์มน้ำมัน กะว่าจะทำการเกษตรในส่วนปาร์ม และ ทำนาด้วยค่ะ (เห็นด้วยกับอาจารย์ที่ว่า เกษตรกรส่วนใหญ่นับถือและใช้ความรู้จากคนอื่น และเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อตัวเอง ทำตามที่ “เขาว่า” มากกว่า ทำตามที่จะลองทำ และเรียนรู้เอง พ่อแม่ที่บ้านก็เป็นค่ะ ยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้เลย) 52/1 หมู่ 5 บ.สว่าง ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน อุบลฯ 34150 (นารี กล่ำกระโทก)

ต้องลองทำไปเรื่อยๆ เดียวก็จะมีคำตอบของตนเอง

ผมก็กำลังเรียนอยู่ครับ

รู้เล็กๆน้อยๆ ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง

หาแนวร่วมครับ

ผมว่าผมเริ่มเจอความรู้เป็นพิษที่อาจารย์ว่าแล้วล่ะครับ ฟังอาจารย์ที่มหาลัยพูดแล้วรู้สึกแย่มากๆเลยครับ

ขอบคุณครับที่ถามทั้งทาง email และทาง G2K

ผมขอตอบทางนี้เลยนะครับ เพราะคนอื่นๆจะได้อ่านด้วย

คุณฝากความไว้ว่า

"สวัสดี ดร. แสวง รวยสูงเนิน (sawaengkku)

นี่คืออีเมลติดต่อจากผู้อ่าน กรุณาตอบโดยตรงไปยังผู้อ่านนั้น

-----------------------------------------------------------

ชื่อ: ณัฐพล สระสีแสง

อีเมล: [email protected]

หัวเรื่อง: ทำเกษตรอินทรีย์เป็นการทำเกษตรที่ยั่งยืนไหมครับ

ข้อความ:

พอดีผมไปคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าการทำเกษตรอินทรีย์นั้นไม่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

และบอกว่าต้องเป็นเกษตรอินทรีย์+เคมี จึงดีที่สุด

โดยให้ความเห็นว่าเกษตรอินทรีย์นั้น ธาตุอาหารที่เป็นอินทรีย์มีค่าธาตุอาหารหลักน้อย(2-1-1)

แต่ที่ทำกันแล้วได้ผลดีกันนั้นอาจเป็นเพราะพื้นที่นั้นเคยใช้ปุ๋ยเคมีมากจึงตกค้างอยู่ในดิน เวลาเปลี่ยมาเป็นเกษตรอิทรีย์ธาตุที่ตกค้างเป็นจำนวนมากจึงค่อยๆสลายออกมาจึงทำได้ดีกัน แต่ระยะยาวแล้วก็จะไปไม่รอด เพราะธาตุอาหารที่ใส่ในรูปของอินทรียวัตถุนั้น มีค่าธาตุหลักน้อย จึงทำให้ใช้ธาตุอาหารหลักในดินลดลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะไม่ได้ผลผลิตดีเหมือนเดิม อาจต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่มอีกมากกว่าปรกติเพื่อแก้ไขธาตุในดิน

ที่ขาดแคลน 

 

ตรงนี้จากประสบการณ์ของอาจารย์เห็นว่ายังไงมั่งครับ  เพราะในปัจจุบันเริ่มมีการตื่นตัวกับการตรวจธาตุอาหารในดินก่อนปลูกด้วยอ่ะครับ ทำให้ผลสงสัยว่าการทำเกษตรอินทรีย์นั้นไม่ใช่การทำเกษตรที่ยั่งยืนเหรอครับ

 

-----------------------------------------------------------

อีเมลนี้ส่งมาจาก: 58.8.119.67

[email protected]"

ผมขอตอบตามความรู้และประสบการณ์ ดังนี้ครับ

  1. คนที่พูดเป็นนักพูดระดับ "ท่องตำรามาพูด" " อ่านหนังสือมาพูด" หรือ "จำขี้ปากคนอื่นมาพูด" (ไม่น่าจะรู้จริง เข้าใจ หรือ เคยทำเอง) เพราะแค่คำว่า "เกษตรอินทรีย์" ก็ยังไปปนกับคำว่า "ทำเกษตรโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์"
  2. เกษตรอินทรีย์คือระบบที่พึ่งตนเองได้ และช่วยเหลือผู้อื่นได้ เฉกเช่นเดียวกับ ป่าไม้ที่ไม่ต้องมีใครไปปลูก หรือ ดูแล (ขอเพียงอย่าไปทำลาย) ก็เป็นที่พึ่งของสรรพสิ่งได้แทบทุกเรื่องที่เป็นแบบ "ธรรมชาติ"
  3. การปรับเปลี่ยนจากเกษตรเคมี เพื่อกลับไปทำเกษตรอินทรีย์ นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจ ความพยายาม และปัจจัยนำเข้า เฉกเช่นเดียวกับ การเลิกจากยาเสพติด ที่บางคนบอกว่า "ลำบาก" ทำไม่ได้ ต้องกินยาบางอย่างช่วยพยุง" แบบชั่วคราว
  4. อาการ "ลงแดง" ของการเลิกยาเสพติด ก็จะปรากฏในการเลิกเกษตรเคมี ที่เราต้องเข้าใจ และเปลี่ยนผ่านให้เร็วที่สุด ที่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความเข้าใจ และความพยายาม "เอาจริง" ขั้นการ "ลงแดง" ก็แทบจะไม่ปรากฏเลย
  5. ที่ท่านฟังมานั้น ความรู้และความคิดของเขาเข้าไปท่องมา หรือติดยึดกับขั้น "การลงแดง" ก็เลยสรุปว่าต้อง "(ปุ๋ย)อินทรีย์+(ปุ๋ย)เคมี" ที่ผิดพลาดหลายชั้น ดังที่ผมอธิบายตั้งแต่ต้น
  6. การอธิบายอย่างนั้น ก็เสมือนหนึ่งจะพูดว่าคนจะทำงานได้ดีต้อง "กินยาม้าคลุกวิตามินรวม พร้อมกับข้าว" ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าท่านคิดตามคำอธิบายของผมได้ ท่านก็จะเข้าใจคนที่ "สมมติตัวเองเป็นผู้รู้" และกำลังพล่ามแบบ "ใช้ความรู้ที่เป็นพิษ" แบบไม่รู้ แต่คิดว่าตัวเองรู้ อย่าไปประคารมกับเขา เสียเวลาแบบไร้ค่า ปล่อยให้เขาแก่ตายไปกับความรู้ที่เป็นพิษ และตายไปแบบปากคาบคัมภีร์ โดยไม่เคยทำอะไรให้เป็นประโยชน์สักเรื่อง อโหสิ

ขอให้เข้าใจตามนี้ ถ้าใครไม่เชื่อให้เขาลองทำเอง แล้วเขาก็จะเชื่อเอง

เราไม่สามารถบังคับให้ใครเชื่อได้หรอกครับ

เขาเชื่อว่า "กินยาม้าผสมข้าว" แล้วทำให้แข็งแรง ก็ให้เขาทำต่อไป แล้วเขาจะรู้เอง (ถ้าไม่แก่ตายไปกับความรู้ที่เป็นพิษเสียก่อน)

สวัสดีครับ

สวัสดีครับอาจารย์ แสวง

ผมเพิ่งรู้จักกับอาจารย์ไม่นาน มานี้เองครับ ผมอ่านการทำเกษตรของอาจารย์แล้ว ผมว่าเป็นการทำนาที่แก้จุดนิสัยขี้เกียจ โดยให้ทำงานน้อย และใช้เงินลงทุนต่ำ มีหลักการทำนาที่น่าสนใจมากครับ ผมมีความรู้ทางเศรษฐกิจบ้าง โดยมองในอนาคตสินค้าเกษตรจะมีแนวโน้มที่ราคาสูงขึ้นแน่นอน โดยไม่นานมานี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับการลงทุนของประเทศฝั่งอาหรับ ก็คิดว่าเค้ายังสนใจที่จะทำกันเลย เพราะตลาดต่อไปจะเป็นตลาดโลกไม่ใช่แค่ในประเทศอย่างเดียว ซึ่งโดยปัจจุบันก็มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย ถ้าใช้วิธีนี้ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ได้ผลตอบแทนสูง แต่ถ้าเสียก็เสียน้อยไม่กระทบมาก เป็นการลงทุนแบบดันโดเลยครับ เป็นกำลังใจกับแนวคิดการทำเกษตรของอาจารย์ครับ

เพิ่งได้มาอ่านครับ ดีใจมากที่ยังมีชาวนาที่มีความเป็นตัวของตัวเองอยู่

อยากทำบ้างเหมือนกันครับ แต่ยังไม่พร้อม กำลังเตรียมตัวเตรียมใจครับ

หากลงมือทำเมื่อไรจะส่งข่าวและขอคำแนะนำบ้างนะครับ

ขอเป็นกำลังใจในการทำงานต่อไปด้วยนะครับ

สู้ สู้ สู้ .....

ขอบคุณมากครับ

หวังว่าจะเป็นพันธมิตรกันต่อไปนะครับ

เข้าใจครับหัวอกเดียวกัน

ชาวนาไม่เข้าใจในการทำนา การดำเนินชีวิตก็ย่อมไม่เข้าใจ

พ่อแม่เป็นชาวนาที่ไม่มีที่ดินเป็นของตัวพวกหนูจบปริญญารับจ้างในกรุงเทพสามพี่น้อง

พวกหนูอยากทำนาไม่มีเงินซื้อที่นาคะ

ผมก็เริ่มแบบเดียวกัน

ลูกชาวนาไม่มีที่นา ต้องดิ้นรนมาก

ไปขอยืมเขาก็ได้ แต่แก้ไขอะไรไม่ได้มาก

มาหาทำเอง กัดฟันสู้จนมีที่นาที่เราทำอะไรก็ได้

ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก

ขอให้ขยันและตั้งใจ

คนให้ยืมมีมากมาย

คนมีที่ทำนาไม่เป็น ก็ยังมีมากมาย

ขอให้ตั้งใจทำ มีโอกาสแน่นอน

ถ้าจะให้ช่วยก็บอกมาเลย ไม่ยากเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท