65.เลือกตั้งที่อินเดีย: โหวตผ่านเครื่อง


ปัญหาทุกปัญหามีทางแก้ ขอเพียงแต่มีความตั้งใจเท่านั้น

 

          จากการเลือกตั้งที่ผ่านมาสิบสี่ครั้งแล้ว ปี 2009 เป็นครั้งที่ 15 ผู้แทนราษฎร รวมทั้งผู้ปฏิบัติ เห็นปัญหา จึงหาทางแก้ปัญหานั้น

          ในอดีต อินเดียใช้วิธีหย่อนบัตรลงคะแนนเหมือนประเทศเรา แต่การโกงการเลือกตั้งจากบัตรผี การเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งระหว่างการขนส่งหีบบัตรไปยังศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งก็เกิดขึ้นมาแล้ว แต่อินเดียไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาต่อไป เขาหาทางแก้ไข

          อินเดียมีคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ดูแลการเลือกตั้งทั้งหมด ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องแจ้งทรัพย์สินก่อนลงสมัครเพื่อประกาศให้สาธารณชนทราบก่อน

 

การลงคะแนน

          อินเดียได้พัฒนาวิธีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยเปลี่ยนจากการหย่อนบัตรมาใช้เครื่องลงคะแนนไฟฟ้า(Electronic Voting Machine) แทน(ในบางที่อาจใช้แบตเตอรี) ในแต่ละพื้นที่ๆ กำหนด เครื่องลงคะแนนไฟฟ้าจะมีรายชื่อผู้สมัคร สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง และปุ่มกดครบทุกพรรคที่ลงสมัครในพื้นที่นั้น เครื่องนี้จะมีสายต่อไปยังที่ควบคุม ภายในเครื่องนี้มี chip ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลที่มีผู้มาลงคะแนนกดเลือกไว้

          ผู้มีสิทธิออกเสียงจะมีบัตรประจำตัวเพื่อแสดงตนในการไปลงคะแนน  ในพื้นที่เลือกตั้งจะแบ่งเป็นห้องๆ ของแต่ละหมู่ แต่ละเขต (เทียบกับเมืองไทย) ผู้มาใช้สิทธิแสดงบัตรต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มีบัญชีรายชื่อประชาชนในพื้นที่นั้นพร้อมภาพถ่ายของทุกคนประกอบ เมื่อตรวจสอบว่าตรงกันระหว่างชื่อกับบัตรแล้ว เจ้าตัวเซ็นชื่อ ในขณะเดียวกัน ในที่นั้นจะมีตัวแทนของพรรคต่างๆ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่นั่งตรวจสอบบัตรประจำตัวกับชื่อในบัญชีรายชื่อว่าตรงกันหรือเปล่าด้วยอีกชั้นหนึ่ง

          หลังจากนั้นจะมีคนประกาศเรียกชื่อคนที่มาลงคะแนนว่าคนชื่อนี้ เลขที่นี้มาแล้ว ผ่านไปหาเจ้าหน้าที่สามคน คนแรกให้บัตรคิวซึ่งเป็นเลขที่ของคนๆ นั้น  ผ่านไปที่เจ้าหน้าที่คนที่สองจะทาหมึกที่นิ้วชี้ซ้ายซึ่งจะติดนานราว 15 วัน เจ้าหน้าที่คนที่สามกดเปิดสัญญาณไฟเครื่องลงคะแนนไฟฟ้าให้

          ผู้ลงคะแนนเข้าไปในคูหา กดปุ่มเลือกผู้สมัครได้เพียงครั้งเดียวมีการบันทึกใน chip ไว้ เมื่อกดเสร็จสัญญาณไฟฟ้าจะดับลง ในคูหาจะมีกล้องวีดีโอบันทึกภาพไว้ด้วย slip ที่ให้ไว้จะเป็นการตรวจสอบทานกันว่าจำนวนคนมาลงคะแนนกับจำนวนโหวตตรงกันไหม

          ภายหลังหมดเวลาการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่จะเก็บเครื่องลงคะแนนนี้ปิดผนึกและล็อคถึงสามชั้น พรรคต่างๆ จะลงนามร่วมกัน เจ้าหน้าที่นำเครื่องกลับไปที่ศูนย์การเลือกตั้งกลางของแต่ละพื้นที่ ห้องที่เก็บเครื่องนี้จะล็อคอย่างแน่นหนา ปิดผนึกด้วยครั่งที่ประทับตราของคณะกรรมการการเลือกตั้งและเปิดสัญญาณไฟล้อมรอบอาคารนี้เพื่อป้องกัน มีเจ้าหน้าที่อารักขาถือปืนรายล้อมห้องนี้ราว 30-40 คน

 

การนับคะแนน

          ภายหลังสิ้นสุดการเลือกตั้ง มีการนับคะแนน ผู้สมัครหรือผู้แทนมาดูการนับคะแนน โดยตรวจสอบว่าล็อคที่ปิดผนึกอย่างดีมีใครมาทำลายหรือไม่ เมื่อไม่มีอะไรเสียหาย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะนำเครื่องลงคะแนนออกมา กดปุ่มนับคะแนน เครื่องจะนับคะแนนให้อัตโนมัติ จดตัวเลขของทุกเครื่องไว้ แล้วใช้คนรวมผล ตรวจสอบจากรายชื่อที่ผู้ลงคะแนนไปใช้สิทธิ ถ้าไม่ตรงกัน แยกเครื่องนั้นออกไว้ ในบางที่ที่อยู่ไกลๆ อาจมีปัญหาจะยกเลิกการเลือกตั้งแล้วเลือกใหม่

          เมื่อนับผลได้แล้ว ผู้แทนของท้องที่ที่เกี่ยวข้องเซ็นรับทราบผล ถ้าไม่พอใจผลอาจไม่เซ็นและขอให้นับคะแนนใหม่อีกครั้ง บางครั้งผู้ลงสมัครไม่แน่ใจว่าการนับผลรวมจะถูกต้องไหมจึงขอให้นับใหม่มากกว่าหนึ่งครั้งก็ได้ นายอำเภอ (Chief of District) จะเป็นผู้ประกาศผลคะแนนการเลือกตั้งในแต่ละอำเภอ

          ในขณะเดียวกัน มีการส่งผลไปยังส่วนกลาง     (เดลลี) และรวมผลคะแนนเผยแพร่สู่สาธารณะในรูปแบบต่างๆ เป็นระยะๆ

          สำหรับคนที่งดออกเสียง เครื่องยังไม่มีปุ่ม No vote ให้ แต่ลงคะแนนแยกในกระดาษ แล้วนับต่างหาก

จำนวนผู้แทน

          จำนวนผู้แทนราษฎร 545 คน ในจำนวนนี้แบ่งให้สำหรับชนชั้นจัณฑาล หรือหริชน และชนเผ่าต่างๆ 100 คน พรรคบางพรรค เช่น BJP ให้โควตาแก่ผู้แทนราษฎรสตรีถึง 30 % ดังนั้นในสภาจะมีผู้แทนราษฎรจากคนทุกชั้น ทุกสีผิว ทั้งชายและหญิง

          สำหรับคนที่เคยมีประวัติเสียในเลือกตั้งครั้งก่อนก็จะถูกตัดสิทธิไม่ให้สมัครในครั้งต่อๆ ไป

 

ถามว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงไหม

          ยังมีอยู่ในหมู่คนจนๆ แต่ไม่มากพอที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในภาพรวม พรรคการเมืองที่ทำงานช่วยเหลือประชาชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้กับชุมชนจะได้รับการคัดเลือกเข้ามาแน่นอน

---------------------------------------------------------------

บอกกล่าว ข่าวเชิญ

1) สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดลกำลังเปิดรับสมัครอาจารย์วุฒิปริญญาเอก อายุไม่เกิน 40 ปี สาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ที่สามารถวิจัย และสอนเกี่ยวกับอินเดียศึกษาได้ ขอเชิญสมัครด่วน ที่คุณบุญครอง มงคล โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3206

2) ท่านที่สนใจจะเรียนรู้ภาษาฮินดีและวัฒนธรรมอินเดียเบื้องต้น ด้วยสื่อและวิธีการสอนที่ทันสมัย กรุณาสมัครเรียนด่วนที่คุณวาสนา ส้วยเกร็ด โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3209

3) หลักสูตรปริญญาโทวัฒนธรรมและการพัฒนา เอกอินเดียศึกษาขอเชิญท่านที่สนใจที่จะศึกษา ค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับอินเดีย ขอเชิญเตรียมตัวสมัครได้ในเดือนตุลาคม 2009 โปรดเข้าชมรายละเอียดwww.lc.mahidol.ac.th

 

 

หมายเลขบันทึก: 262954เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2009 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 19:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อจ.ครับ

ถ้าไม่ใช่คนอินเดียที่เก่งในเรื่องความคิดและไอที คงไม่มีวิธีการนี้แน่ๆ ครับ

คือใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งที่มีในโลกได้เต็มที่เสมอ

นี่ละครับคนอินเดีย

ที่คนไทยควรเรียนรู้

เรียน ท่านทูตพลเดช ที่เคารพ

     ใช่ค่ะ ดิฉันชื่นชอบวิธีคิดและการเปลี่ยนแปลงในด้านบวกของชาวอินเดีย เขาคิดเชิงบวกและหาทางแก้ไข ประเทศเราเล็กกว่าเขามาก หากจะเรียนรู้ และพร้อมแก้ไข ปัญหาต่างๆ คงลดไปเยอะค่ะ ดิฉันนำเรื่องนี้มาเสนอ เผื่อว่าคนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการเตรียมการเลือกตั้งจะได้เรียนรู้สิ่งดีๆ จากประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกบ้าง

    เราควรเรียนรู้จากความสำเร็จของผู้อื่นบ้างจะได้ไม่เสียเวลามากนะคะ

ด้วยความเคารพ

โสภนา

 

เรียน ท่านอาจารย์โสภนา

ผมขออนุญาตนำบล็อค indian studies เข้าไว้ในแพลนเน็ต "ว่าด้วยเรื่องอินเดีย" นะครับ แล้วจะคอยติดตามความรู้ที่อาจารย์นำมาฝากนะครับ

อัจฉริยะ ลิ้มสุวรรณ

เรียน คุณอัจฉริยะ ลิ้มสุวรรณ

  ยินดีค่ะ หากจะเป็นความรู้ หรือเป็นประโยชน์ต่อผู้อานท่านอื่นๆ ต่อไปในวงกว้างค่ะ

โสภนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท