สวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่าน
หายไปนานกับบันทึกในบล็อกนี้ค่ะ เพราะช่วงที่ผ่านมาวุ่นวายกับการทำหนังสือ "บล็อก: เครื่องมือเพื่อการจัดการความรู้" วันนี้หนังสือเล่มนี้คลอดออกมาเรียบร้อยแล้วค่ะ
หนักหนาสาหัสพอสมควรกับการเขียนหนังสือหนึ่งเล่มจากเรื่องที่ไม่เคยรู้เลยทั้งสองเรื่องค่ะ แต่ก็ผ่านไปแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและโหดพอสมควร
เอาละค่ะเลิกบ่นดีกว่า
วันนี้มาเพื่อชวนสมาชิกทุกท่านร่วมสุนทรียสนทนาผ่านบันทึกฉบับนี้กันค่ะ โดยมีหัวข้อให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน 2 หัวข้อ ดังต่อไปนี้ค่ะ
ทั้งสองประเด็นนี้แลกเปลี่ยนกันแบบสบายๆ ค่ะ ไม่เครียด
จะแลกเปลี่ยกันเพียงประเด็นเดียวหรือทั้งสองประเด็นก็ได้ค่ะ
มาร่วมสุนทรียสนทนาผ่านบล็อกกันนะค่ะ
แล้วเจอกันที่ช่องแสดงความคิดเห็นนะค่ะ
^__^
ปล.ขออนุญาตตัดคำถามข้อสองออกก่อนะค่ะ
สำหรับตัวสี่เองนั้น
ในฐานะคนเขียนข่าวสุขภาพนั้น การนำข่าวต่างประเทศมานำเสนอไว้ใน Healthy.in.th ถือว่าได้ช่วยให้คนไทยอีกหลายๆ คนได้รู้ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพใหม่ๆ ช่วยให้คนอื่นรวมทั้งตัวเองมีข้อมูลในการดูแลสุขภาพมากขึ้นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ทำได้อย่างไรในข้อ ๑ ซ้ำซ้อนกับ เคยทำกิจกรรมใดบ้าง ในข้อ ๒ หรือเปล่าครับ ... ประมาณว่า คือ คือ กัน
หากประกอบอาชีพครูมหาวิทยาลัย ... คำตอบเดียวกันได้เลย
แต่อยากให้กำลังใจนะน้อง ... ปล่อยวาง ลดเครียดด่วน !
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตอนแรกคิดว่าไม่เหมือนค่ะ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ
อย่างเช่น สี่เคยเป็นพยาบาลต้องให้ความรู้กับคนไข้ เพื่อให้คนไข้กลับไปใช้ยาและดูแลตัวเองเพื่อให้หายไวๆ นี่เป็นคำตอบข้อหนึ่งนะค่ะ
แต่ข้อสองนี่อาจจะเป็นคำตอบว่าสี่เคยไปช่วยออกค่ายอาสาและสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียน
อย่างนี้นะค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะไม่เหมือนกันค่ะ หรืออาจารย์เห็นว่าอย่างไรค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ลองดู ...
ข้อ ๑ ... ครู ... ให้ความรู้ ... นักศึกษา ... ในห้องเรียน แบบ Learning by Doing
ข้อ ๒ ... ครู ... ช่วยให้ความรู้ ... กับนักศึกษา ... ในห้องเรียน แบบ Learning by Doing
*+* ... เปี๊ยบ
สวัสดีค่ะอาจารย์
555 โอเคค่ะ ยอมเลยค่ะ สี่ตัดข้อสองให้แล้วนะค่ะ แต่สี่คิดอะไรออกรู้ไหมค่ะ
ข้อ 1 ครู ... ให้ความรู้ ... นักศึกษา ... ในห้องเรียน แบบ Learning by Doing
ข้อ 2 ครูที่ชื่อWasawat Deemarn ให้ความรู้....กับเด็กขาดโอกาส.....โดยการบริจาคหนังสือ
เป้าหมายของคำถามอยากได้คำตอบแบบนี้ค่ะ ต้องลองปรับคำถามใหม่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
น้อง สี่ซี่ ครับ ... ไม่มีเจตนาจะมาเอาชนะคะคานหรอกนะครับ :)
มีเหตุผล ๒ ข้อที่คิดได้ตอนนี้
๑. แค่ลองคิดตามคำถามทั้ง ๒ ข้อดู แล้วปรากฎว่า ทำไมคำตอบเหมือนกัน แต่ .. ท่านอื่น ๆ อาจไม่ได้คิดแบบนี้นะครับ คิดเหมือนน้อง สี่ซี่ เองก็ได้ ... คำตอบปลายเปิด ... มันหลากหลาย แล้วใจคนคิด ครับ ... คิดแปลก ก็คิดนอกกรอบคิดไป ... น้อง สี่ซี่ มิได้ทำอะไรผิดหรอก ... ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องขีดฆ่าออกก็ได้ครับ ... เกรงใจท่านอื่น ๆ
๒. แวะมาคุยเป็นเพื่อนยามดึกอ่ะดิ ... นอนได้แล้วมั้ง ... เลยหาเรื่องมาคิดช่วยคนตั้งโจทย์ดู แต่ดันแปลกว่า เหมือนกัน
ขอบคุณคร้าบ ;)
สวัสดีค่ะอาจารย์
มิมีใครผิดค่ะ สบายใจได้ ^__^
แต่เพราะอาจารย์มาทำให้สี่คิดว่าหากอยากได้คำตอบอย่างที่คิด น่าจะต้องตั้งคำถามที่ชัดเจนกว่านี้ค่ะ เพราะฉะนั้นขีดฆ่าเพื่อให้ตนเองทบทวนคำถามอีกครั้งค่ะ
อย่างที่เคยแวะไปคุยถ้าเราไม่ฟังเสียงใดเลย เราจะไม่เกิดสุนทรียสนทนา เพราะความจริงแล้วความคิดอาจารย์ก็ไม่ได้ผิด ของสี่ก็มิผิด
สิ่งที่ถอดบทเรียนได้ คือถ้าไม่อยากให้เกิดอย่างนี้เราต้องทำให้คำถามชัดเจนขึ้นกว่านี้อีกค่ะ
ขอบคุณนะค่ะที่แวะมา ตั้งโจทย์ยามดึกนะค่ะ เป็นเจ้าหนูจำไมยามค่ำคืนนี่เหนื่อยชะมัดค่ะ แต่พอเป็นอิคิวซังกลับเหนื่อยกว่า
รู้แล้วสี่กลายเป็นจอมยุ่งได้ยังงัย^__^
แบบนี้ต้องร้องเพลงของลุงเจ เจตรินแล้วล่ะ
"เพิ่งเข้าใจนะ เพิ่งเข้าใจ..."
;)
สวัสดีค่ะ
อย่าซ้ำเติมสิค่ะอาจารย์Wasawat Deemarn
ขอบคุณค่ะคุณครูคิม แล้วเจอกันค่ะ
ในส่วนของอาชีพลูกจ้างบริษัทเอกชน...
การแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานในตำแหน่งเดียวกันเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะของตัวเราเองและเพื่อนร่วมงาน ช่วยเหลือกันในการทำงานแทนการแข่งขันกันทำงานครับ...
สอนงานให้น้อง ๆ ที่เข้ามาใหม่ หรือน้อง ๆ ที่ทำงานในตำแหน่งที่รับผิดชอบน้อยกว่าเรา เพื่อกระตุ้นให้เขาอยากเรียนรู้และพัฒนาตัวเองมากขึ้นครับ...
การทำงานที่ผู้ร่วมงานแบ่งปันความรู้ในการทำงานกัน ย่อมทำให้บริษัทพัฒนาไปสู่เป้าหมายที่บริษัทวางไว้ได้ง่ายขึ้นครับผม...
ในส่วนของคนเป็นครูแล้ว องค์ความรู้ คือบทเรียนสู่เรื่องราวมากมายในการพัฒนาห้วงเวลาครับ ตามมาขอบคุณและเป็นกำลังใจเช่นกันครับพี่สาวที่แสนดี
สวัสดีค่ะคุณสี่ซี่
กอเรียนจบบัญชี และเสริมสวยมาค่ะ
เคยสอนบัญชีครัวเรือนให้กับเกษตรกร
และเคยสอนเสริมสวยน้องตูนที่ร้าน
ตอนนี้ชอบการวาดภาพ แต่ไม่มีใครสอน
เลยฝึกฝนบ่อย ๆ ค่ะ
<h3><span style="color: #0000ff;"><strong>ท่านคิดว่าในสาขาวิชาชีพของท่านเองนั้นสามารถแบ่งปันหรือเติมเต็มความรู้ให้กับใครได้บ้าง และทำได้อย่างไร</strong></span></h3>
<h3><span style="color: #0000ff;"> 1. กับเจ้านาย ผ่านการเสนองาน</span></h3>
<h3><span style="color: #0000ff;"> 2. กับผู้บริหารโรงเรียน ผ่านการจัดทำโครงการ</span></h3>
<h3><span style="color: #0000ff;"> 3. กับคุณครูผู้สอน ผ่านสุนทรียสนทนา</span></h3>
ผมเปลี่ยนพฤติกรรมจาก ให้คำแนะนำคนไข้ทีละคนแบบ one way เป็นเข้าห้องประชุม คนไข้หลายคน ญาติหลายคน ผมเป็นคนตอบคำถามที่เขาสงสัยแบบ two way
ข้อดี
- เอาประเด็นปัญหา ความสงสัยของคนไข้เป็นหลัก
- เวลาคนไข้คนหนึ่งถาม คนอื่นได้ฟังไปด้วย คนที่ไม่ค่อยกล้าถาม จะได้ข้อมูลไปในตัว
- ใช้เวลารวมน้อยลง แทนการพูนแบบวิธีแรกซ้ำกัน
ข้อจำกัด
- ต้องเป็นคนไข้กลุ่มเดียวกัน รักษาคล้ายๆกัน
- ต้องระวังการเปิดเผยความลับของคนไข้ เช่น ข้อมูลเรื่องโรคที่คนไข้แต่ละคนเป็น ไม่ควรพูดในห้องประชุม
สวัสดีค่ะ
ผมไม่ได้มีโอกาสเป็นครู แต่ผมก็คลุกคลีอยู่กับงานฝึกอบรมของบริษัทเอกชนเคยเป็นทั้งผู้สอน และเป็นโปรโมเตอร์จัดอบรม การอบรมก็ใช้วิธีการทั้งที่เคยเรียนมา (MIAP) และก็หาจากประสบการณ์ข้างนอก หลังๆ ได้รู้จัก Managerroom.com และ Gotoknow ก็เลยลองนำความรู้ ที่เกี่ยวกับ LOKM นั้นมาใช้บ้าง เช่น สอนแบบไม่สอน ทำห้องอบรมเป็นโรงหนัง เป็นต้น มาระยะหลังเริ่มเป็นหัวหน้าคนก็ต้องมีสอนงานลูกน้องทางอ้อม โดยมอบหมายโครงการที่ยังไม่เคยให้ทำ พยายามนำทฤษฎี 5 ข้อ ของ Peter Senge มาใช้กับทีมงานครับ ขอเชิญชวนเข้าเยี่ยมชมบันทึก "เรียนรู้" ด้วยครับ เช่น
http://gotoknow.org/blog/attawutc/216929
http://gotoknow.org/blog/attawutc/218301
สวัสดีค่ะคุณสี่ซี่
มาอีกรอบนึงค่ะ
พอดีว่า ผอ.ของกอท่านเรียนต่อของมหาดไทยนี่แหละค่ะ
กอก็เลยได้มีโอกาส แบ่งปันความรู้จากผอ.ด้วย
ด้วยการค้นหาเอกสารเตรียมพร้อมก่อนเรียนให้ผอ.
การได้ค้นหาเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาในการใช้ชีวิต
มันก็เป็นการแบ่งปันความรู้ให้กันทางอ้อมด้วยน่ะค่ะ
ขอบคุณคุณสี่ซี่มาก ๆ เลย
ขอบคุณทุกๆ ท่านมากค่ะ
ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตอบทีละท่านนะค่ะ กำลังเตรียมงาน GotoKnow Forum ค่ะ
สวัสดีค่ะ
ตามหาจนเจอ....
ขอบคุณในน้ำใจไมตรี...ที่น้องสี่
ส่งกล่องแห่งความสุขมาให้...เด็กๆ
แทนความรักของพวกเรานะคะ
ขอร่วมสนุกด้วย
คำถามข้อ 1 ท่านคิดว่าในสาขาวิชาชีพของท่านเองนั้นสามารถแบ่งปันหรือเติมเต็มความรู้ให้กับใครได้บ้าง และทำได้อย่างไร
คำถามข้อนี้ ขอตีความ "ใคร" ว่าเป็นคนหนึ่งคนในขณะแบ่งปันความรู้แบบ F2F ในต่างเวลาและสถานที่อาจมีอีกหลายคนแต่ไม่พร้อมกัน ความรู้ที่เคยให้เป็นความรู้ที่ไม่ได้อยู่ในตำราที่เคยเรียนมา แต่เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะทำงาน เป็นกระบวนการเล็ก ๆ หรืออาจเรียกว่าวิธีการก็ไม่แน่ และได้ถ่ายทอดแบ่งปันออกไปให้เพื่อน ๆ ร่วมงานได้รู้กระบวนการ ขอยกเอาเรื่องหนึ่งนะครับ คือการเรียนรู้การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทางลัดในงานส่งเสริมการเกษตร คือประเด็นปัญหามีอยู่ว่า ในสมัยที่ผมเรียนนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อมาทำงานมาระยะหนึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้เพื่อน ๆ ก็เลยรู้สึกว่ากลัวที่จะเรียนรู้เพราะดูมันยิ่งใหญ่เกินไป ก็เลยก็ให้เพื่อน ๆ วิเคราะห์งานที่ใช้คอมพิวเตอร์ใช้ตรงส่วนใดของงานเพื่ออะไร และดูที่เทคนิคของคอมพิวเตอร์ทำอย่างไรในส่วนนั้น เรียนเฉพาะเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องฝึกโปรแกรมทั้งหมด โดยเรียนแบบแยกส่วนเฉพาะที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยเขาให้หายกังวลกับการใช้งานคอมพิวเตอร์และใช้งานได้ในที่สุด
ส่วนในข้อ 2 ถามถึงกิจกรรม และระบุคนเป็นกลุ่ม
ที่เคยทำกิจกรรมมา ก็คือการทำกิจกรรมเวทีชุมชนให้เขาเรียนรู้ตนเอง เรียนรู้สิ่งที่เขามีปัจจุบัน เรียนรู้สิ่งที่เคยมีในอดีตแต่ปัจจุบันหายไป เรียนรู้การวางแผนอนาคต เขาได้รับความรู้เพิ่มในส่วนของวิธีการวิเคราะห์ชุมชน การวิเคราะห์ตนเอง จุดแข็ง จุดอ่อน และจัดทำเป็นแผนชุมชนพึ่งตนเอง และนำแผนชุมชนสู่การปฏิบัติ ปัจจุบัน กลุ่มชุมชนที่ว่านี้ ชื่อ "กลุ่มส่งเสริมการเกษตรบ้านไสใหญ่" ตั้งอยู่หมู่ที่ 12 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช มีเงินออมหมุนเวียนในกลุ่มเพื่อประกอบอาชีพ เมื่อปี 2551 ปิดบัญชีอยู่ที่ 6 ล้านบาทเศษ โดยค่อย ๆ เติบโตมาตั้งแต่ปี 2543 ครับ