ลักษณะของนักวิจัยที่ดี
การวิจัยเป็นงานที่มีระบบระเบียบเพื่อสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ดังนั้นผู้ที่จะเป็นนักวิจัยได้ดีจะต้องได้รับการฝึกหัดที่ถูกต้อง และมีความรับผิดชอบสูงดัง ได้สรุปลักษณะของนักวิจัยที่ดีไว้ 6 ประการ ดังนี้
1.
กรณีที่นักวิจัยต้องการนำข้อความรู้ความคิดเห็นหรือข้อค้นพบของบุคคล
อื่นมาใช้ประโยชน์
จะต้องอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อความรู้หรือบุคคลที่เป็นผู้ค้นพบข้อความรู้นั้นๆ
2.
นักวิจัยจะต้องวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาจะต้องไม่มีการบิดเบือนปิดบัง
ตกแต่ง หรือกำหนดตัวเลขค่าสถิติ ขึ้นเองโดยไม่มีการเก็บข้อมูลต่างๆ
มาจริง
3
นักวิจัยจะต้องรายงานผลการวิจัยอย่างตรงไปตรงมาใช้ภาษาที่ผู้อ่านเข้าใจความหมายได้ถูกต้องชัดเจน
ไม่ปิดบังซ่อนเร้นหรือเขียนรายงานการวิจัยให้เกิดประโยชน์แก่บุคคลกลุ่มใดๆ
โดยไม่มีผลการวิจัยที่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน
4.
ก่อนที่นักวิจัยจะเก็บข้อมูลจากบุคคล หน่วยงาน หรือสถาบันใด ๆ
จะ ต้องมีการติดต่อขออนุญาตล่วงหน้า
และลงมือเก็บรวบรวมข้อมูลหลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้ว
5.
นักวิจัยจะต้องไม่กระทำการใดๆ ในลักษณะของการบังคับจิตใจหรือ
ฝืนความรู้สึกของผู้ให้ข้อมูล
และทำการวิจัยในลักษณะทดลองจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้เข้ารับการทดลอง
6.
ในการรายงานผลการวิจัย
นักวิจัยจะรายงานผลการวิเคราะห์ในลักษณะของผลรวมทั้งหมด
ไม่นำเอาข้อมูลเฉพาะบุคคลมาเปิดเผยหรือกล่าวอ้างชื่อของบุคคลที่ให้ข้อมูล
คุณสมบัติที่สำคัญ
ๆ ของผู้ที่เป็นนักวิจัย
เนื่องจากงานวิจัยเป็นงานหนัก เป็นการค้นคิดเพื่อแก้ปัญหา
เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ทางปัญญาของมนุษย์ ดังนั้น นักวิจัย
(Researcher)
หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในงานวิจัยจึงมักจะมีบุคลิกภาพ
และความสามารถตามที่รวบรวมได้ดังนี้คือ
1.
ในด้านอารมณ์หรือทัศนคติ
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยนั้นมักจะมีความมุ่งหวัง และแรงขับทางอารมณ์ต่าง
ๆ ดังนี้ คือ
1.1 มีแรงกระตุ้นเตือนภายในตัวเอง
อันเกิดขึ้นจากความอยากรู้อยากเห็นมากเป็นพิเศษ
1.2 เป็นคนที่มีความสุข
เพลิดเพลินต่อการงานคิดสร้างสรรค์ของใหม่
1.3 เป็นบุคคลที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์
(Achievement Motive)
หรือเป็นคนที่มุ่งหวังหรือต้องการจะทำอะไรให้สำเร็จมาก
เพราะคิดว่าผลงานนั้นจะมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
2.
ในทางความรู้ความสามารถ
มักจะมีลักษณะเด่น ๆ ในทางความรู้ที่มีประสิทธิภาพ
คือเป็นความรู้ที่ใช้งานแต่มิใช่ความรู้ที่เก็บสะสมไว้
ได้แก่
2.1 เป็นผู้ที่มีความสามารถในการค้นหา เลือก
และใช้ผลงานการวิจัยของคนอื่นได้อย่างดีและรวดเร็ว
2.2 เป็นคนที่มีความรู้และทักษะในการใช้แบบแผนการวิจัย
(Research Design) วิธีการทางวิทยาศาสตร์
และทักษะในการใช้หลักตรรกวิทยาในการแก้ปัญหา
2.3
เป็นคนที่มีความรู้และทักษะในการใช้เครื่องมือการวิจัยประเภทต่าง
ๆ
2.4 เป็นคนที่มีความรู้และทักษะในวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
วิธีการทางสถิติวิเคราะห์
2.5 เป็นคนที่มีความสามารถในการสรุปความคิดให้เป็นข้อยุติ
แล้วนำไปใช้อ้างอิงได้อย่างกว้างขวาง (Generalization)
2.6 เป็นคนที่มีความสามารถในการตรวจสอบ
วิพากษ์วิจารณ์และคาดคะเนได้
2.7 เป็นคนที่มีระบบในการทำงาน โดยทำงานมีระเบียบ
และสามารถจัดหมวดหมู่ของความคิดสามารถเขียนรายงานการวิจัยได้ดี
3.
ในด้านความสามารถในการตัดสินใจ
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยมักจะมีความสามารถในการเลือกกระทำ
หรือสามารถตัดสินใจดี เช่น
3.1 เป็นคนที่กล้าคิด
3.2 เป็นคนที่อดทน
3.3 เป็นคนใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
3.4 เป็นคนที่ถ่อมตน รอบคอบ สุภาพต่อคนทั่วไป
ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ แต่ใช้ปัญญาที่รอบคอบในการ ตัดสินใจทุก ๆ
อย่าง
3.5 เป็นคนที่มีแรงศรัทธาในปัญญา และมีรสนิยมในทางวิทยาศาสตร์
นั่นคือ เป็นผู้ยึดมั่นในหลักวิชาที่ดีงามและ ยุติธรรม
3.6
เป็นคนที่มีความคิดเป็นอิสระและทำงานไปในทางที่ดีงาม
3.7 เป็นคนที่ประมาณตัวเองได้ คือรู้ฐานะแห่งตน รู้กำลังของตน
รู้ขอบเขตของตน
3.8
เป็นคนที่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองให้เป็นไปตามหลักวิชาที่ดีงามและยุติธรรม
3.9 เป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในกฎเกณฑ์ธรรมชาติ
เชื่อมั่นตามหลักเหตุผล
3.10
เป็นคนที่มีความหวังที่จะเห็นผลงานวิจัยอยู่เสมอ
คุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนี้นับได้ว่าเป็นลักษณะที่เด่น ๆ
โดยเฉพาะของนักวิจัยผู้ที่ประสบความสำเร็จทางการวิจัย
ซึ่งสมาคมการวิจัยแห่งสหรัฐอเมริกาได้รวบรวมไว้
ดังนั้นถ้าท่านต้องการเป็นนักวิจัยที่มีคุณสมบัติ
ิและความสามารถดังกล่าวมาแล้ว ก็ควรจะได้ฝึกฝนตนเองในด้านต่าง ๆ
เท่าที่จะกระทำได้
จรรยาบรรณนักวิจัย
คณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติิ
ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2541
ได้กำหนดจรรยาบรรณนักวิจัยขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวหลักเกณฑ
์ควรประพฤติของนักวิจัยทั่วไป ไม่ว่าสาขาวิชาการใด ๆ
โดยให้มีลักษณะเป็นข้อพึงสังวรณ์คุณธรรม
และจริยธรรมในการทำงานวิจัยของนักวิจัยไทย ดังนี้
(สภาวิจัยแห่งชาติ , 2541)
“นักวิจัย” หมายถึง
ผู้ที่ดำเนินการค้นคว้าหาความรู้อย่างเป็นระบบ
เพื่อตอบประเด็นที่สงสัย
โดยมีระเบียบวิธีอันเป็นที่ยอมรับในแต่ละศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบวิธีดังกล่าวจึงครอบคลุมทั้งแนวคิด มโนทัศน์
และวิธีการที่ใช้ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
“จรรยาบรรณ” หมายถึง หลักความประพฤติอันเหมาะสม แสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ ที่กลุ่มบุคคลแต่ละสาขาวิชาชีพประมวลขึ้นไว้เป็นหลักเพื่อให้สมาชิกในสาขา วิชาชีพนั้น ๆ ยึดถือปฏิบัติเพื่อรักษาชื่อเสียงและส่งเสริมเกียรติคุณของสาขาวิชาชีพของตนจรรยาบรรณในการวิจัย จัดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของระเบียบวิธีวิจัย เนื่องด้วยในกระบวนการค้นคว้าวิจัย นักวิจัยจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับสิ่งที่ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต การวิจัยจึงอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อสิ่งที่ศึกษาได้หากผู้วิจัยขาดความรอบคอบระมัดระวัง การวิจัยเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผน และกำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศทุกด้าน โดยเฉพาะในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของ นักวิจัยในเรื่องที่จะศึกษา และขึ้นอยู่กับคุณธรรมจริยธรรมของนักวิจัยในการทำงานวิจัยด้วย ผลงานวิจัยที่ด้อยคุณภาพด้วยสาเหตุใดก็ตาม หากเผยแพร่ออกไป อาจเป็นผลเสียต่อวงวิชาการและประเทศชาติได้
ด้วยเหตุนี้สภาวิจัยแห่งชาติจึงกำหนด
“จรรยาบรรณนักวิจัย”
ไว้เป็นแนวทางสำหรับนักวิจัยยึดถือปฏิบัติ
เพื่อให้การดำเนินงานวิจัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมและหลักวิชาการที่เหมาะสม ตลอดจนประกันมาตรฐานของการศึกษาค้นคว้า
ให้เป็นไปอย่างสมศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของนักวิจัยไว้ 9
ประการ ดังนี้
1.
นักวิจัยต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการนักวิจัยต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง
ไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน ไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น
ต้องให้เกียรติ และอ้างถึงบุคคลหรือแหล่งที่มา
ของข้อมูลที่นำมาใช้ในวิจัย ต้องซื่อตรงต่อการแสวงหาทุนวิจัย
และมีความเป็นธรรมเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย
2. นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำงานวิจัย
ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับ หน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัย
และต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด นักวิจัยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีและข้อตกลงการวิจัยที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน
อุทิศเวลาทำงานวิจัยให้ได้ผลที่ดีที่สุดและเป็นไปตามกำหนดเวลา
มีความรับผิดชอบ ไม่ละทิ้งงานระหว่างดำเนินการ
3.
นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย
นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัยอย่างเพียงพอ
และมีความรู้ความชำนาญ
หรือมีประสบการณ์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ทำวิจัย
เพื่อนำไปสู่งานวิจัยที่มีคุณภาพ และเพื่อป้องกันปัญหาการวิเคราะห์
การตีความ หรือการสรุปที่ผิดพลาด
อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่องานวิจัย
4.
นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต นักวิจัยต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ
ระมัดระวัง และเที่ยงตรงในการทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคน สัตว์
พืชศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม
มีจิตสำนึกและมีปณิธานที่จะอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรม
ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
5. นักวิจัยต้องเคารพศักดิ์ศรี
และสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัยนักวิจัยต้องไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ทางวิชาการจนละเลยและขาดความเคารพในศักดิ์ศรีของเพื่อนมนุษย์
ต้องถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะอธิบายจุดมุ่งหมายของการวิจัยแก่บุคคลที่เป็นกลุ่ม
ตัวอย่าง โดยไม่หลอกลวงหรือบีบบังคับ
และไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
6. นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด
โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด
ต้องตระหนักว่า อคติส่วนตน หรือความลำเอียงทาง วิชาการ
อาจส่งผลให้มีการบิดเบือนข้อมูลและข้อค้นพบทางวิชาการ
อันเป็นเหตุให้เกิดผลเสียหายต่องานวิจัย
7.
นักวิจัยพึงนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ
นักวิจัยพึงเผยแพร่ผลงานวิจัยเพื่อประโยชน์ทางวิชาการและสังคม
ไม่ขยายผลข้อค้นพบจนเกินความเป็นจริง
และไม่ใช้ผลงานวิจัยไปในทางมิชอบ
8.
นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น นักวิจัยพึงมีใจกว้าง
พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลและขั้นตอนการวิจัย ยอมรับฟังความ
คิดเห็นและเหตุผลทางวิชาการ ของผู้อื่น
และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขงานวิจัยของตนให้ถูกต้อง
9.
นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ นักวิจัยพึงมีจิตสำนึกที่จะอุทิศกำลังสติปัญญาในการทำวิจัย
เพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการ
เพื่อความเจริญและประโยชน์สุขของสังคมและมวลมนุษยชาติ
ไม่มีความเห็น