หูด ตอนที่ 3: รักษาหูดกันอย่างไร


การรักษาหูดทำได้หลายวิธี การรักษาหูดด้วยตนเอง หรือ การให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ช่วยรักษา

 

หูดตอนที่ 3: รักษาหูดกันอย่างไร

 

บันทึกในวันนี้มีจุดประสงค์ให้ ผู้อ่านได้รู้และเข้าใจ วิธีการรักษาหูดว่าทำกันอย่างไร เพราะบางคนกลัวไม่กล้าไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาหูด เพราะนึกภาพไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และ เพื่อให้เป็นความรู้พื้นฐานก่อนการรักษา หรือ การปฏิบัติตัวที่เหมาะสมหลังการรักษาครับ

 

เมื่อได้ดูว่าเป็นหูดแน่นอนแล้ว ก่อนทำการรักษา แพทย์หรือเจ้าหน้าที่มักประเมินว่ามีหูดในร่างกายมากน้อยแค่ไหน เป็นที่ไหนบ้างกี่แห่ง บางคนอาย เลยให้แพทย์ดูแลรักษา เฉพาะหูดที่มือเท่านั้น  ปรากฎว่าพอรักษาหูดได้ไม่กี่เดือนก็กลับมาให้แพทย์รักษาอีก เพราะหูดสามารถติดต่อจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกส่วนอื่นของร่างกายได้ครับ

 

การรักษาหูดทำได้หลายวิธี การรักษาหูดด้วยตนเอง หรือ การให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ช่วยรักษาเช่น การจี้ทำลายตัวหูด เฉือนหรือตัดหูดออกโดยตรง

 

รูป หูดที่ข้อศอก

 

  • การจี้ทำลายตัวหูดด้วยวิธีการต่างๆ

วิธีการนี้ ส่วนใหญ่เป็นการ จี้ทำลายตัวหูดด้วยวิธีการต่างๆ

  • การจี้ด้วยไฟฟ้า: ก่อนรักษา จะฉีดยาชาที่ผิวหนังรอบๆ หูด หรือ ที่ผิวหนังบริเวณหูด หลังจากยาชาออกฤทธิ์แล้ว หูดจะโดนจี้ด้วยไฟฟ้าทีละน้อย หูดเมื่อโดนไฟฟ้าจี้ จะเป็นเนื้อไหม้ดำๆ (นึกภาพเราย่างเนื้อแล้วเนื้อไหม้ เป็นเนื้อดำๆ) บริเวณเนื้อที่ดำๆ นี้จะถูกขูดออกเป็นระยะๆ ถ้าหูดยังหลงเหลือ ก็จะถูกจี้ไปเรื่อยๆ จนหมดก้อนหูด ถ้ารักษาได้ครบถ้วน ไม่มีตัวหูดหลงเหลือ หูดบริเวณดังกล่าวก็ไม่กลับมาเป็นอีก ก็ทำให้หายขาดได้  หลังการรักษาอาจมีการเจ็บปวดที่แผลได้บ้างเพราะยาชาหมดฤทธิ์ และ ให้ระวังบริเวณผิวหนังที่จี้หูดออกไปจะมีการติดเชื้อภายหลังได้ คงต้องรักษาความสะอาดบริเวณดังกล่าวด้วยประมาณหนึ่งสัปดาห์ครับ
  • การจี้บริเวณหูดด้วยความเย็น: เป็นการจี้ด้วยไนโตรเจนเหลว ตอนถูกจี้มักเจ็บที่ผิวหนังบริเวณดังกล่าวมากบ้างน้อยบ้าง หลังจากรักษาแล้วสองหรือสามวัน ผิวหนังบริเวณที่เป็นหูดจะหลุดออก ทำให้ตัวหูดหลุดออกไปด้วย
  • การใช้เลเซอร์ยิงทำลายตัวหูด: ก่อนรักษา จะฉีดยาชาที่ผิวหนังรอบๆ หูด หรือ ที่ผิวหนังบริเวณหูด หลังจากยาชาออกฤทธิ์แล้ว หูดจะโดนจี้ด้วยเลเซอร์ กระบวนการคล้ายกับการจี้หูดด้วยไฟฟ้าครับ

 

  • การเฉือนหรือตัดหูดออกโดยตรง

วิธีการนี้ส่วนใหญ่อาศัยแพทย์ช่วยเฉือนหรือตัดตัวหูดออก หลังจากฉีดยาชาแล้ว ถ้าเป็นวิธีเฉือนก็ไม่ต้องเย็บปิด แต่ถ้าเป็นการตัดหูดออกโดยตรง ก็ต้องเย็บปิดและนัดมาตัดไหมภายหลังครับ

 

  • การซื้อยาน้ำกัดหูดมาทา หยอด แต้ม

ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำหลังจากอาบน้ำ อาจจะแช่ส่วนที่เป็นหูดในน้ำ ประมาณสิบห้านาทีก่อนทายา ถ้าแช่น้ำให้ซับบริเวณที่เป็นหูดก่อนทายา ให้หยดหรือทายาที่หูดแล้วทิ้งไว้ประมาณสิบห้านาที โดยทำวันละประมาณสองครั้ง ข้อควรระวังคือไม่ควรหยดหรือทายาเกินตำแหน่งที่เป็นหูด ถ้าเป็นไปได้ให้ทาวาสลินที่บริเวณผิวหนังที่เป็นเนื้อดีรอบๆ ตัวหูดก่อนทาหรือหยดยา พอหยอดหรือทายาครบเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำ แนะนำว่าในครั้งแรกให้ทาทิ้งไว้ไม่นานนัก แล้วค่อยเพิ่มเวลา

ผลของการรักษาหูดด้วยตนเอง ขึ้นอยู่กับความพอเหมาะของการรักษาเป็นสำคัญ  

 

ส่วนการรักษาหูดพื้นบ้านที่ได้ยินกันเนืองๆ เช่น การใช้ธูปจี้ การใช้มีดเฉือนออก หรือ ใช้กรดกัดโดยตรง ยังพอมีได้ยินว่ายังปฏิบัติกันพอประปราย ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะทำให้ผู้ที่เป็นหูดเจ็บปวดไม่มากก็น้อย

 

ห.ม.อ.สุ.ข.

แบ่งปันให้กัน ผ่านมิตรภาพ

 

หมายเลขบันทึก: 260397เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2009 09:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:43 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ถ้าเป็นไม่มาก ซื้อน้ำยา มาทาเอง คงเจ็บน้อยที่สุดนะคะ แต่ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนดีกว่า

ขอบพระคุณอาจารย์ที่แลกเปลี่ยนครับ

ซื้อยามาทาเองก็ประหยัดเวลา ไม่ต้องไปพบแพทย์ อาจจะลองรักษาดูก่อนก็ได้ครับ

ห.ม.อ.สุ.ข.
แบ่งปันให้กัน ผ่านมิตรภาพ

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณค่ะ
  • ที่กรุณาไปทักทายบันทึกของพี่คิม
  • ตามปกติพี่คิมมาติดตามอ่านทุกเรื่องของทุกท่านอยู่แล้วนะคะ
  • เพียงแต่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นค่ะ
  • ความอ่อนด้อย..ที่ติดตัวของครูบ้านนอกค่ะ
  • ตอนเป็นเด็กเคยเห็นพลทหารที่บ้าน..ใช้ปูนแดงสำหรับทานกับหมาก...ทาหูด แล้วค่อย ๆลอกออกค่ะ
  • แต่ไม่ทราบว่า..หายขาดหรือเปล่านะคะ

สวัสดีค่ะ

เคยนำภาพเท้าผู้ป่วยเบาหวานของหมอมาประกอบการบันทึกค่ะ

ดีใจค่ะวันนี้ได้เห็นหน้าชัดขึ้น

ตอนเด็กๆ เคยเป็นหูดที่หัวเข่าค่ะ แม่บอกว่าสกปรก นั่งไม่เลือก และไม่ทำความสะอาดก่อนเข้าบ้าน อิอิ แต่ครูต้อยก็ได้คำแนะนำจากเพื่อน แก้แม่บ่น ว่าให้ไปเอายางมะละกอมาทา...ได้ผลค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเจ็บคัน อย่างไร แล้วพอกสะบู่ บ่อยมากๆ จนเนื้อหูดอ่อนตัวออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ หยาบๆ แล้วก็เอาทิงเจอร์ทาซ้ำ อู้ย แสบมากๆ และหายไปในที่สุดค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ต้องขอขอบพระคุณครูคิมและครูต้อยครับ ที่มาแลกเปลี่ยน

ยิ่งดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องราวที่ครูคิมถ่ายทอด และเรียนรู้ การถ่ายทอดเรื่องราวที่ชัดเจน กินใจ น่าติดตาม กล้าพูดได้ว่า เป็นวิชาที่มหาวิทยาลัยลอนดอนไม่ได้สอน

ประเด็นรักษาด้วยปูนแดง น่าสนใจมากครับ

การใช้ยางมะละกอ ของครูต้อย น่าสนใจและ อาจพัฒนานำเอาปาเปน Papain หรือ ยางมะละกอ มาใช้รักษาในฐานะของกรดตัวหนึ่ง

ห.ม.อ.สุ.ข.

แบ่งปันให้กัน ผ่านมิตรภาพ

เคยได้ฟังคุณแม่เล่าว่าคนโบราณใช้เส้นผมผูกมัดติ่งเนื้อ หรือชาวบ้านทางใต้เรียกว่า "ตุด "หรือ ติ่งเนื้อ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าหูดมาก ไม่ทราบว่าสายพันธุ์เดียวกัน หรือไม่

คำว่า หูด ติ่งเนื้อ หรือตุด ร่วมแสดงความเห็นค่ะ ขอบคุณ

หูด กับ ติ่งเนื้อ (ส่วนใหญ่เป็นติ่งเนื้อที่บริเวณลำคอ) ไม่เหมือนกันครับ  รายละเอียดคงได้แลกเปลี่ยนกัน

ตอนเด็กๆน้องสาวแหม่มเป็นที่ฝ่ามือเยอะมากเลยคะ เค้าจะคัน มองใกล้เหมือนมีสิ่งชีวิตเลย แหม่มเคยได้ยินยายบอกให้เอายางมะละกอทา ก็เลยทำให้น้อง แหม่มเอากรรไกรตัดเล็บตัดออกนิดๆ แล้วเอายางมะละกอใส่ทุกวัน มันหลุดออกมาทั้งรากทั้งโคนจนเป็นรูโบ๋เลย แผลค่อยๆสมานเอง หลังจากนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยคะ ตอนนั้นแหม่มอายุ11ปีน้องอายุ9ปี ตอนนี้น้อง25ปีแล้วก็ไม่เคยเห็นเป็นหูดอีกเลย

เป็นหูดที่หน้านะคะจะใช้อะรัยรักษาดีคะระหว่างผักแว่น ยางมะละกอกะยางของต้นพญาไร้ใบอันไหนดีสุดคะ. และใครเคยขึ้นที่หน้ามั่งคะควรใช้ตัวไหนแนะนำด้วยคะขอบคุณคะ..ลืมบอกคะว่าเม็ดพอๆกะไฝคะไม่ใหญ่มาก..แต่สร้างความรำคานมากๆคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท