อาจารย์แหวว : ต้นแบบการทำงานแบบมนุษย์นิยม
กฤษฎา ยาสมุทร
ตั้งแต่เริ่มทำงานด้านสถานะบุคคล “อาจารย์แหวว”เป็นคนหนึ่งอยากจะพบเพราะว่าได้ยินแต่ชื่อและกิตติศัพท์เล่าลือว่า “เก่งมากแต่ก็ดุมาก” เมื่อได้เจอครั้งแรกพบว่าเป็นจริงเหมือนที่คนอื่นเล่าลือคือ ดุจริงๆ แต่ภายใต้ความดุ พบว่าสิ่งหนึ่งที่ได้เห็นจากอาจารย์คือการทำงานที่ยึดเอามนุษย์เป็นเป้าหลักในการทำงาน อาจารย์พบคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติพันธุ์ใด อาศัยอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย อาจารย์จะต้องกังวลว่าเขาเหล่านั้นจะมีความเป็นมนุษย์เท่ากับคนอื่นไหม มีสิทธิเท่ากับคนอื่นไหม ได้รับการยอมรับจากรัฐหรือยัง มีทางออกของชีวิตไหม
จากการทำงานที่เน้นความเท่าเทียมของมนุษย์ ทำให้อาจารย์ต้องปะทะกับคนที่ไม่เข้าใจหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นอาจารย์ท้อสักที กลับพยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย ค้นหาทางออกให้กับชีวิตคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ถ้ามีกลุ่มไหนมีช่องทางอยู่แล้ว ก็ทำให้ทางเดินนั้นเปิดกว้างหรือเดินได้สะดวกมากขึ้น บางกลุ่มบางพวกที่ไม่มีทางเดิน ก็เร่งสร้างทาง ทั้งทางเดินตามข้อกฎหมายหรือทางเดินตามนโยบายของรัฐ
เมื่อทำงานด้วยนานขึ้นก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมอาจารย์ดุ ก็เพราะว่าอาจารย์กังวลถึงความเป็นมนุษย์หรือความเดือดร้อนของคน บางครั้งที่ตัวเองถูกดุก็เพราะว่ามีกฎหมาย มีนโยบายอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่คนเหล่านั้น ทำให้พวกเขาถูกลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ลง หรือบางกลุ่มที่ไม่มีช่องทางออก เราเองก็ละเลยที่จะสื่อสารให้สังคมได้รับทราบเพื่อที่จะหาทางช่วยเหลือ
ที่ผ่านมา การทำงานด้านสถานะบุคคลของตัวเองได้เอาแนวคิดการทำงานที่ยึดเอามนุษย์เป็นศูนย์กลางของอาจารย์มาเป็นต้นแบบ ทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้นเพราะจะมีเป้าหมายในการทำงานเพียงอย่างเดียว คือทำอย่างไรให้เกิดความเท่าเทียมด้านสิทธิ สถานะบุคคลของคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ส่งผลให้เราต้องมองเห็นช่องทางทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมาย นโยบายที่จะช่วยเหลือและต้องทำให้ช่องทางเหล่านั้นสามารถใช้ได้จริง แต่เมื่อหากเมื่อใดเราหาทางไม่เจออาจารย์ก็ยังช่วยเหลือแนะนำทางออกให้เสมอ แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นอาจารย์แหววเพราะ “ ยังคงรักษาความดุไว้อย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม”
บทความเพื่อวันเกิดอ.แหวว ปี ๒๕๕๑
แล้วฉันจะจุดธุปเพื่อดุเธอ คอยดูนะ
แวะมาเยี่ยมค่ะ สงสัยต้องให้อ. แหวว ทำบุญถวาย PDA พี่ใหญ่จะได้ใช้เช็คเมล์และอ่านข้อความของพวกเรานะ