วราภรณ์
นางสาว วราภรณ์ (ดอกไผ่) ธรรมทิพย์สกุล

วัดที่ไปแล้วโปรดอย่าไปอีก


ไม่แน่ใจว่าศรัทธาหรือกระแสกันแน่… และบอกกับตัวเองว่า มาแล้วคงไม่มาอีก
ช่วงระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ ผู้เขียนมีโอกาสเข้าวัดฝีกวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ครั้งที่ ๒ จึงถือโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เล่าประสบการณ์ชีวิตคนอยู่วัดให้ผู้อ่านได้ทราบค่ะ

บทพิสูจน์คนจริง
ก่อนเดินทางหนึ่งวัน ร่างกายเริ่มมีปัญหาปวดที่ข้อเท้า และไหล่ขวา จิตใจเริ่มลังเลจะไปดีหรือไม่ อย่างไรก็ต้องไปเพราะตั้งใจไว้แล้ว อีกทั้งยังชักชวนญาติมิตรอีก ๔ คน
ถ้าผู้เขียนไม่ไปคนเดียวคนอื่นก็ไปไม่ได้เพราะไม่มีใครขับรถพาไป

วันที่ ๑๖ เม.ย. ตัดสินใจเดินทางทั้ง ๆ ที่ข้อเท้าเริ่มปวดมากขึ้น เดินไม่ถนัด ใช้เวลาขับรถยนต์จากนครปฐม เกือบ ๔ ชั่วโมงไปถึงในเวลา บ่ายสามโมง ลงทะเบียนเข้าที่พัก เห็นบัตรที่พักก็ใจหายเพราะอยู่ที่โรงเรียนปริยัติธรรม ชั้น ๓ แค่เดินชั้นล่างก็แย่แล้ว ต้องขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม...
จะเป็นอย่างไร อาศัยใจสู้ ฝืนเดิน แล้วก็พยายามทายา ใส่ยางยืดรัดข้อเท้าบรรเทาอาการปวด เดินเขย่งขึ้นบันไดด้วย
ความเจ็บปวด เสียวแปลบ แต่ก็ไม่ถอดใจ...

บรรยากาศการปฏิบัติ
ในที่นี้คงไม่เขียนละเอียด เล่าโดยสังเขปละกันค่ะ ประมาณ
ห้าโมงเย็น หลังจากรับประทานอาหารเย็นที่โรงทานแล้วก็ไปปฏิบัติธรรม โดยเจ้าหน้าที่แยกผู้มาใหม่กับผู้ที่เคยมาแล้วออกจากกันเริ่มเดินจงกรม ๒๐ นาที นั่งสมาธิ ๒๐ นาทีในรอบแรก และเดินจงกรม ๔๐ นาที นั่งสมาธิ ๔๐ นาที ในรอบที่สอง ส่วนวันอื่น ๆ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ - ๒๒ เม.ย. จะมีกิจกรรมที่เหมือนกันคือ

รอบแรก พระตีระฆังในเวลา ๐๓. ๓๐ น. ทำภารกิจส่วนตัว
จากนั้นก็ไปพร้อมกันที่ศาลา เริ่มทำวัตรในเวลา ๐๔.๐๐ น จากนั้นก็เดินจงกรม นั่งสมาธิ รวมแล้วประมาณชั่วโมงเศษ ๆ เสร็จแล้วก็ไปรับประทานอาหารเช้าในเวลา ๐๖.๓๐ น.
รอบที่สอง เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. (เดินจงกรม นั่งสมาธิ)
รอบที่สาม เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. (เดินจงกรม นั่งสมาธิ)
รอบที่สี่ เวลา ๑๘.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. (ทำวัตรเย็น เดินจงกรม นั่งสมาธิ)

ความร้อนพิสูจน์ทอง ความทุกข์พิสูจน์คน
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เดิน ๆ นั่ง ๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องเสวยทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส เพราะการฝึกปฏิบัติเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เรื่อย ๆ จากรอบละ ๔๐ นาที เป็น ๔๕ นาที ๑ ชั่วโมง ๑.๑๕ ชั่วโมง และ ๑.๓๐ ชั่วโมง ใครที่ไม่เคยฝึกนั่งคงไม่รู้หรอกว่า อิริยาบถบังทุกขัง อย่างไร (หากเราพิจารณากฎไตรลักษณ์ เราจะพบว่า ร่างกายนี้เป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา แต่ที่เรามองไม่เห็นเพราะมีบางสิ่งบดบังอยู่)
ในระหว่างที่เดินจงกรม นั่งสมาธิ ช่วงเสวยทุกขเวทนา รู้สึก
เบื่อหน่ายในกองขันธ์ทั้ง ๕ เห็นแต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เห็นการเกิดดับของจิตที่ทำงานอย่างรวดเร็ว ต้องคอยกำหนดและตามดูแลใจที่เหมือนลูกลิงที่ซุกซน บางครั้งก็เกิดอาการน้ำตาซึมด้วยความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏ อีกนานเพียงใดจึงจะข้ามพ้นห้วงมหรรณพอันยาวไกล ฝ่า
คลื่นแห่งกิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปดไปได้พ้น…. นึกสงสารและเวทนาตัวเองไม่น้อย

ช่วงที่ปฏิบัติห้ามพูด ห้ามคุย เพราะต้องฝึกสติอยู่ตลอดเวลาในอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน การเดินต้องกุมมือไว้
ข้างหน้า ห้ามแกว่งแขน ห้ามนั่งไขว่ห้าง ห้ามยืนดื่มน้ำ ห้ามถูกเนื้อต้องตัวเพศตรงข้าม ต้องคอยระมัดระวัง
แม้แต่เด็ก ๆ ก็ห้ามแตะต้องเพราะถือพรหมจรรย์อยู่
เพื่อนนักปฏิบัติธรรมบางคน มาอยู่ได้คืนเดียวก็กลับบ้าน
ทั้ง ๆ ที่มาจากต่างจังหวัด บางคนนอนไม่หลับก็ทนไม่ไหว บางคนบอกว่าเวลานั่งเห็นวิญญาณมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้า ( ฟังแล้วก็ขนลุกไม่รู้ว่าของจริงหรืออุปาทานกันแน่)
บางคนมาจาก จ.นครราชสีมา บอกว่าอยู่บ้านเคยนั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นสบาย มาอยู่ที่นี่ ผู้คนมากมาย อึดอัด ร้อนก็ร้อน กลับบ้านดีกว่า…..

เด็กสาวบางคนเล่าให้ฟังว่า พี่ชายมาส่งแล้วกลับไปแล้ว ไม่มีที่พักเพราะคนมากันมากโดยเฉพาะช่วงคืนวันศุกร์
(การมาปฏิบัติธรรมที่นี่จะมีสองช่วงคือ มาวันโกนและกลับวันโกนอาทิตย์ต่อไป และ มาวันศุกร์ กลับวันอาทิตย์ ซึ่งมีคนมากันมาก) ไม่มีที่พักต้องไปพักหน้าอาคารพักซึ่งที่วัดมีสุนัขมาก สุนัขก็มาเลียหน้าตา ยุงก็กัด คนก็คุย
นอนก็นอนไม่หลับ ได้แต่นอนร้องไห้น้ำตาไหล
ด้วยความอดทน…..

ส่วนผู้เขียนก็กัดฟันทน เดินจงกรม ตั้งแต่ปวดขามาก ๆ เดินไปเดินมา อาการเจ็บปวดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อเท้า หรือไหล่ก็ค่อย ๆ หายในที่สุด

ทุกคนที่มาที่วัดแห่งนี้มาด้วยวัตถุประสงค์ต่างกัน บางคนก็บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตนตั้งสัจจะไว้ บางคนก็ท้อแท้สิ้นหวังเพราะลำบากกว่าที่คาดคิด ทั้งหมดคือบทพิสูจน์คน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหากขาดอิทธิบาท ๔ ชีวิตทั้งทางโลก
และทางธรรมย่อมล้มเหลวแน่นอน

มาแล้วไม่ต้องมาอีก
ช่วงที่ปฏิบัติ แม่ชีที่ดูแลจะคอยแนะนำการเดิน
นั่งที่ถูกต้อง และพูดเสมอว่า “มาแล้วไม่ต้องมาอีก” ให้ไปปฏิบัติที่บ้านเพราะคนมากันมาก ทำให้อึดอัดแย่งอากาศกันหายใจ บางคนมาแล้วมาอีกไม่พัฒนา ไม่รู้จักเอาจริงเอาจัง มากี่ครั้ง ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มากัน
ตั้ง สามพันกว่าคน…..

ผู้เขียนฟังแล้วก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ ที่มีไม่กี่คนและทำงานไม่มีวันหยุดวันแล้ววันเล่า ที่ผู้คนหลั่งไหลมาที่วัดอัมพวัน เพราะบารมีหลวงพ่อจรัญ อีกทั้งอิทธิพลของสื่อสารมวลชนในเรื่องการสแกนกรรม ผู้คนยิ่งแห่กันมา
อย่างคับคั่ง…. จนไม่แน่ใจว่าศรัทธาหรือกระแสกันแน่… และบอกกับตัวเองว่า มาแล้วคงไม่มาอีก ไม่ใช่ที่นี่ไม่ดีหากแต่ดีมาก ทางวัดพยายามอำนวยความสะดวก
ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชุดขาว ย่ามใส่ของ รองเท้าแตะ
ขันน้ำพลาสติก มีให้ยืมหมด อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อ

ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงหลั่งไหลกันมา
แต่คนที่เคยมาแล้วก็ควรเปิดโอกาสให้คนอื่นได้มาปฏิบัติอย่างสะดวก สบาย
ไม่อึดอัด ไม่เดือดร้อนเรื่องที่พัก และการบริการ อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าบ้าง…..มาแล้วโปรด
อย่ามาอีกเลยนะคะ
หมายเลขบันทึก: 257675เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2009 13:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ขอบคุณค่ะ  ที่เล่าสู่กันอ่านค่ะ

ขอบคุณความรู้  ข้อมูลดี ๆ นะคะ

...

แวะไป  รักษาสุขภาพด้วยกันที่นี่นะคะ

จะทำสถิติ  กรุ๊ปชาวบล็อก  ค่ะ

ที่นี่นะคะ....

★.• •★ ทานอาหาร...ตามกรุ๊ปเลือด...เพื่อสุขภาพที่ดี★... •★

       ( ภาพ : ดอกแก้วมุกดา )

  • กุศลแห่งการตั้งใจปฏิบัติธรรมคงช่วยให้คุณครูวราภรณ์หายจากการเจ็บป่วยน่ะครับ
  • ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง  มีจิตใจที่เข้มแข็งนะครับ
  • ขอบคุณ คุณก้ามกุ้ง
    สำหรับความปรารถนาดีที่มีให้ค่ะ
  • ดอกแก้วมุกดาสีขาวบริสุทธิ์
    เพิ่งเคยเห็น  ขอบคุณที่ส่งมาให้ชมค่ะ

ธรรมอยู่ที่ใจนะ ปฏิบัติอยู่ที่ไหนก็คงเหมือนกัน
ทำให้พอดีกับตัว ถูกจริตก็แล้วกัน
ถ้าปฏิบัติแล้วไม่สบายใจ ไม่เบิกบานก็คงไม่ใช่แนวทางน้อ
คิดถึงเสมอจ้ะ 

  • สวัสดีค่ะพี่ดอกไม้
  • "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นทุกข์
    ผู้ใดเห็นทุกข์ผู้นั้นเห็นเราตถาคต"
  • ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

 

 

ว่าที่รต.ธานี ชาวสวน

สวัสดีครับครูวราภรณ์ อ่านข้อความแล้วก็คิดถึงความคิดเก่าๆว่าไปเดินจงกลมแล้วได้อะไร ผมจะนั่งทำสมาธิที่บ้านวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้สิ่งที่อยู่ในหัวมาทั้งวัน มันตกตะกอนจะได้นอนหลับเต็มอิ่ม บางครั้งผมคิดว่าหากเราคิดจะทำอะไรแล้วลองคิดถึงผลที่ตามมาว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง มีใครเดือดร้อนเพราะการกระทำของเราไม๊ มีประโยชน์ไม๊แล้วเราก็ลงมือทำหากทางเลือกนั้นเราได้พิจารณาแล้ว ภาษาทางโลกเรียกว่า Freedom to choose แปลว่า อิสระภาพในการเลือก ส่วนทางธรรมเรียก สติ คำพูดของเรา การกระทำของเราล้วนออกมาจากความคิดก่อนทั้งสิ้น สติน่าจะทำให้คนเรามีความสุขได้ใช่ไมครับครู

       "ไม่มีใครทำให้เรารู้สึกโกรธได้ ถ้าเราไม่เลือกที่จะโกรธ"

จากคนไกลวัด

  • สวัสดีค่ะ  พี่ธานี
  • ขอบคุณที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ
  • ถามว่าเดินจงกรมแล้วได้อะไร  ได้อานิสงส์มากมากหลายประการ  มีผลดีต่อสุขภาพ  ทำให้จิตสงบเพราะมีการเคลื่อนไหวค่ะ
  • ในการเจริญสติปัฏฐานจะแนะนำให้เดินจงกรมก่อนเพื่อจิตจะได้สงบนิ่งได้ดีค่ะ  จากนั้นก็นั่งสมาธิในเวลาที่เท่ากันค่ะ
  • เห็นด้วยในการเจริญสติค่ะ  ทำอะไรก็ได้ที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้
    ตนเองและผู้อื่น  แล้วก็พัฒนาจิตวิญญาณไปสู่ภาวะแห่งอิสระ
  • คำสอนของพระพุทธเจ้าถ้าย่อให้สั้นที่สุดก็คือ ทุกข์ และการเจริญสติ
  • "ไม่มีใครทำให้เรารู้สึกโกรธได้ ถ้าเราไม่เลือกที่จะโกรธ"
  • เป็นข้อคิดที่ดีค่ะ ขอนำไปใช้นะคะ
  • "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ค่ะ

 

มาแล้วไม่ต้องมาอีก ท่านคงหมายถึงคนที่มาแล้วแต่ไม่ได้กลับไปทำที่บ้านนะคะ

พวกที่มาแล้วมาอีกก็ยังจะมาคุยกัน ไม่ตั้งใจปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่ได้ทั้งที่มาหลายครั้งแล้ว

คิดว่าท่านมีความหมายอย่างนี้มากกว่า

เพราะคนที่ปฏิบัติดีแล้วมาอีก ไม่พูดไม่คุยกัน เค้าสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนใหม่ๆได้

แต่คนเก่าที่ไม่ตั้งใจ หรือมาคุยกัน เค้าคงไม่อยากให้มาค่ะ

  • สวัสดีค่ะ คุณไม่แสดงตน
  • ขอบพระคุณที่เข้ามาเยี่ยม
    พร้อมขอคิดเห็นดี ๆ มีประโยชน์
  • เห็นด้วยค่ะ  แต่ปัจจุบันวัดแห่งนี้
    แออัดมาก  ผู้ที่เคยไปแล้วก็ควรเปิด
    โอกาสให้ผู้มาใหม่ได้ปฏิบัติธรรมโดยสะดวก
    ย่อมเกิดผลดีต่อทุกฝ่ายค่ะ

 

สวัสดีค่ะ ตอนพอลล่าไปท่านแม่ชีก็บอกว่า เรียนรู้แล้วให้กลับไปปฏิบัติเอง ไม่ต้องมาอีก เพราะคนมากมายเหลือเกินค่ะ จะเกิดทุกข์มากกว่าด้วยค่ะ แต่พอลล่าเรียนรู้ การอดทนได้มากๆ จากวัดนี้ค่ะ

  • สวัสดีค่ะ คุณพอลล่าP
  • ขอบคุณที่มาทักทายค่ะ
  • การเรียนรู้ทุกข์ทำให้เรามีดวงตาเห็นธรรม  โดยเฉพาะ
    การพิจารณาในสติปัฏฐานสี่  จะมองเห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปนะคะ
  • สถานและผู้คนที่มากเกินไปอาจไม่เอื้ออำนวยในการทำจิตให้ตั้งมั่น
    ดังนั้นใครก็ตามที่ทราบแนวทางแล้วก็ควรไปฝึกที่บ้าน  เปิดโอกาสให้ผู้มาใหม่
    ได้ปฏิบัติธรรมอย่างมีความสุขค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท