หลายเดือนมานี่ ผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็ไปทำงานนะครับ (มิได้ไป ตะลอนทัวร์ โชว์ความว่างเหมือนสมัยก่อน) ทุกครั้งที่เดินทางโดยรถยนต์ ขณะที่นั่งรถทางไกลจะเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกมีความสุขน้อยๆภายในใจ อธิบายยากเหมือนกันครับว่ามันคืออะไรแต่พอจะบอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ปราศจากความคิดเคร่งเครียด วกวนสับสน สายตามองไปข้างหน้าอย่างผ่อนคลายไร้จุดหมาย ดูทุ่งข้าวเขียวขจีข้างทางบ้าง นกกระยางในทุ่งกว้างบ้าง บางทีก็สังเกตป้ายบอกสถานที่สำคัญไปตลอดเส้นทาง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันครับขณะกำลังเพลิดเพลินกับการมองทิวทัศน์ข้างทางบนถนนสายเอเชีย สายตาก็สะดุดกับป้ายชี้บอกทางไป วัดพนัญเชิง วัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ผมว่าพวกเราที่เคยเรียนประวัติศาสตร์ตอนเด็กๆคงเคยได้ยินชื่อวัดนี้มาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
วัดพนัญเชิง เป็นวัด สมัยอโยธยา สร้างโดย พระเจ้าสายน้ำผึ้งสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักให้กับพระนางสร้อยดอกหมาก ใครจำประวัติศาสตร์ช่วงนี้ได้ก็ลองนึกทบทวนดูนะครับว่าโรแมนติคขนาดไหน วัดนี้ถูกสร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรฐ พระองค์ได้สร้างพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทององค์ใหญ่ ปางมารวิชัย ความสูงจากรัตนบัลลังก์จนถึงพระเมาลี 19.2 เมตร คือจะบอกว่าสูงมากน่ะครับ ทรงสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พระเจ้าสายน้ำผึ้งผู้เป็นพระอัยกา พระราชทานนามว่า พระเจ้าพะแนงเชิง ต่อมาภายหลังในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “พระพุทธไตรรัตนนายก” แต่ชาวบ้านก็ยังคงเรียกว่า “หลวงพ่อโต” มาจนเท่าทุกวันนี้
ทางเข้าวิหารที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" วัดพนัญเชิง
ยักษ์สองตนนี้ ยืนเฝ้าทางขึ้นวิหารอยู่ครับ ดูสง่างามน่าเกรงขาม
ก่อนถึงองค์หลวงพ่อโต ทางซ้ายมือเป็นพระอุโบสถที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปทองคำและนาก
สมัยสุโขทัย
พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็อยู่ในอุโบสถด้านซ้ายนี้ครับ
อุโบสถด้านขวามือ มีพระพุทธรูปทองคำสมัยสุโขทัยประดิษฐานอยู่อีกหนึ่งองค์ พร้อมทั้งเหล่าทวยเทพ โพธิสัตว์ของจีนตั้งเรียงรายเป็นทิวแถวให้พุทธศาสนิกชนทั้งไทยจีน กราบไหว้บูชา
หลังจากแวะซ้ายแวะขวาแล้ว คราวนี้ก็เดินตรงไปนะครับ จะพบแท่นบูชาพระพุทธรูปทั้งไทย จีนรายเรียงอยู่มากมาย มีผู้คนกราบไหว้บูชาอย่างคับคั่ง สมกับเป็นวัดที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งไทย จีนมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี บริเวณนี้จะเป็นที่ให้ประชาชน จุดธูปเทียน ถวายดอกไม้ ปิดทอง บูชาพระครับ ถ้าเข้าไปภายในวิหารของหลวงพ่อโต เค้าจะห้ามจุดธูปเทียนแล้วครับ เมื่อเดินตรงไปพ้นจากบริเวณนี้ เราก็จะพบกับ "หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง" สูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ถ้าจะมองพระพักตร์ของพระองค์ให้ชัดๆก็ต้องแหงนคอตั้งบ่าเชียวครับ
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง
ภาพอีกมุมหนึ่งของหลวงพ่อครับ
ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์หลวงพ่อ ผมรู้สึกสงบร่มเย็น สัมผัสได้ถึงกระแสเมตตาที่ไหลผ่านเข้ามาในใจอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย อยากจะนั่งอยู่ตรงนั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หลวงพ่ออยู่ตรงนี้ดูแลคนไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน ถ้าพวกเราคนไทยด้วยกัน ต่างดูแลกันและกันด้วยใจเมตตาและปรารถนาดี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นพวกใคร ฝ่ายไหน ผมเชื่อแน่ว่า "หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง" คงจะส่งกระแสเมตตาให้พวกเราชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุขไปจนตราบนานเท่านาน ........ สวัสดีมีสุขทั้งกายใจนะครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน
ช่างแปลกประหลาดจริงๆกาลเวลาช่วยทำให้จิตใจได้ปล่อยวางอะไรหลายๆอย่าง ไม่ทุกข์ไม่ร้อนจนเกินเหตุ ไม่อยากได้หรือไขว่คว้า แถมตอนนี้กลายเป็นคนไม่มีสี....ไม่ว่าจะแดงจะเหลือง...เพียงแต่ขอให้บ้านเมืองและชาวไทยสงบสุข...ดังกระแสความเมตตาที่ "หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง" ได้โปรยปรายมาให้พวกเราชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุขไปจนตราบนานเท่านาน ........
นานแล้วเหมือนกัน ที่อาจารย์ไม่ได้บันทึกตะลอนทัวร์ โชว์ความว่างนะคะ เดินทางบ่อยๆ แบบนี้ แต่เวลาเดินทาง แล้วมีความสุข ปราศจากความเคร่งเครียด แบบนี้ต้องไปบ่อยๆแล้วแหละค่ะ แต่ระวังสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ที่บันทึกมาฝากค่ะ
การไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตครั้งนี้ อาจารย์คงอิ่มใจน่าดูเลยนะคะ เพราะเท่าที่เห็นด้วยภาพนั้นองค์หลวงพ่อโตชั่งสวยงาม แสงเหลืองทองอร่ามขององค์ท่านช่างงามยิ่งนักเชียวคะ...ขอบคุณคะอาจราย์สำหรับของฝากอันศักดิ์สิทธิ์ อีกสถานที่หนึ่งที่อาจารย์ไม่น่าพลาดอีกแห่งคือวัดระฆังคะ ..สมเด็จพระพุฒจารย์โต ดีนักแล
คุฯผู้อ่านมีความสุขกายสุขใจดีตามคำอวยพรจ้า ขอคุณหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงดลบลดาลให้ผู้เขียน มีความสุขกายสุขใจ ขอให้บ้านเมืองเรามีความสงบสุข ร่มเย็นด้วยจ้า
อ่านบล็อกหัวหน้าแล้วเหมือนไปกราบหลวงพ่อโตด้วยเลยค่ะ สาธุ
งามมากครับ ทำให้อยากไปกราบอีกครั้งครับ แต่ไปมาที่ไรก็มีการปรับปรุงองค์พระทุกครั้งเลย