หลายคนอ่านหัวข้อ อาจจะแย้งในใจ ว่าเป็นไปไม่ได้!!
แต่ผมขอเถียงครับ ว่าคนที่ดังและมีชื่อเสียงในวงสังคมนั้น
เขาไม่ได้เก่งกาจมากกว่าพวกเราสักเท่าไหร่หรอกครับ
ความสามารถพื้นๆ เราก็มีเหมือนกันทุกคน
แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างและทำให้เขาเหล่านั้น
ก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิตนั่นคือ
การกล้าคิด กล้าแสดงออกต่อที่สาธารณชน
ผมจะขอใช้คำว่า “กระหายใคร่อยาก”
อยากที่จะแสดงความสามารถสู่สายตาประชาชน
ดังนั้นแนวทางอะไรก็ตาม ที่สามารถผลักดันให้ความอยากนั้น
ประสบความสำเร็จได้ ก็ลงมือทำทุกกระบวนการครับ
พอเริ่มมีช่องทางที่จะแสดงความสามารถ
ก็จะเกิดความกดดันและต้องพัฒนาความรู้ความสามารถที่มีอยู่
โดยอัตโนมัติครับ
ในแนวความคิดของผมนั้น
ผมเห็นว่า ความระหายใคร่อยาก ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
ตามด้วยความเก่งกล้าสามารถ
ซึ่งเมื่อเราถูกกดดันด้วยชื่อเสียงที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็ต้องรักษาคุณภาพของตนเอง คงไม่อยู่เฉยหรืออยู่นิ่งๆ
เพื่อให้สิ่งที่ลงมือทำ เสียเวลาเปล่า
จะเห็นได้ว่า ต่างประเทศนั้น จะมีผู้จัดการส่วนตัวหรือมีที่ปรึกษาส่วนตัว
หรือเป็นโค้ช และเขายินดีที่จะฟังโค้ชอย่างดี
เพราะไม่ว่าจะเก่งเพีรยงใด หากไร้ซึ่งการฟังแล้ว
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปครับ
แม้ว่าเราจะไม่มีโค้ช เราก็สามารถที่จะพัฒนาสู่จุดนั้นได้
เราสามารถพัฒนาให้เรากลายเป็นคนดัง คนมีชื่อเสียงได้ไม่ยาก
ขอใช้แนวทาง 4Ps ของการตลาดมาแนะนำครับ
รู้หรือไม่ว่าตัวเองมีเป้าหมายในชีวิตอย่างไร
ข้อแรกนี่สำคัญที่สุด ต้องรู้ว่าตัวตนคืออะไร
ชอบงานแบบไหน และแบบไหนคือตัวเรา
หากยังควานหา ผลิตภัณฑ์ ไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำต่อแล้วครับ
ดังนั้น ต้องทราบว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต
นั่นล่ะครับจุดแข็งของตัวเอง อาจจะใช้ SWOT Analysis
มาช่วยด้วยก็จะทำให้ชัดเจนขึ้น
เขียนผลงานหรือนำเสนอด้วย Portfolio ก็ไม่เลวครับ
แล้วนำจุดแข็งมาเป็น Brand ของเรา เมื่อพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2
อยู่ใน Rate ไหน ขอแนะนำว่า อย่าโก่งค่าตัวครับ!!
เพราะเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เรายัง No name อยู่
อย่าเพิ่งคิดค่าตัวแพง เป็นค่าตัวที่กลางๆ พร้อมกับเหตุผลที่ว่า
ทำไมต้องจ้างเราด้วยราคานี้ เราจะช่วยให้องค์การเขาพัฒนา
ได้อย่างไรบ้าง ข้อนี้ต้องละเอียดเหมือนกัน โดยนำข้อ 1 มาโยง
ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ การเปิดตลาด การเปิดความคิด
อาจจะใช้เวลานานหน่อยหนึ่ง แต่หากไอเดียที่เขียน
ไปเข้าตาลูกค้าก็หวานหมูครับ “งานเข้า” เห็นๆ
มีหลายท่านที่ได้ดีเพราะงานเขียน Blog นี่ล่ะครับ
ผมต้องขอขอบพระคุณ
“อาจารย์ไชยยศ ปั้นสกุลไชย”
วิทยากรนอกกรอบที่สุดยอดจริงๆ
ติดตามเนื้อหาได้ที่
www.oknation.net/blog/chaiyospun
มา ณ ที่นี้ด้วย เพราะอาจารย์ เป็นคนที่แนะนำให้ผมรู้จัก
กับการเขียน Weblog จนตอนนี้ต้องหาเรื่องมาเขียนให้ได้
อีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์พอสมควรครับ
คือ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองเลย
ทุ่มเทงานสร้างเสียหน่อย เริ่มจากการเขียนหนังสือ
และขยับเข้าสู่งานในวงการบันเทิง ก็ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
เพราะนัก PR จะจัดการให้เสร็จสรรพ
การ Promotion ในความหมายนี้ คือ
การคืนกำไรสู่สังคมหรือกับองค์การที่เราทำงานอยู่
เช่น อาจจะรวมกลุ่มกันสมทบทุนมูลนิธิต่างๆ
หรือออกบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
ประมาณว่าเป็นเรื่องของ CSR ครับ แม้ว่าเราไม่ใช่องค์การ
แต่เราก็ทำเรื่องพวกนี้ได้ง่ายๆ
อีกทั้งเป็นการสร้างความมีน้ำใจให้เกิดขึ้นอีกด้วยครับ
ความดังอยู่ที่ความกล้าด้วย ถึงจะดึงเอาความเก่งออกมาได้สำเร็จ
ที่สำคัญอยากจะดัง ต้องทำตัวให้โดดเด่น และมีความแตกต่าง
เป็นบุคลิกเฉพาะ ที่ไม่เหมือนใคร
แล้วเราจะกลายเป็น Idol ของสังคมในไม่ช้า...
"เราจะกลายเป็น Idol ของสังคมในไม่ช้า..."
พิ๊งก์คิดว่าคุณมรกตสินธุ์น่าจะเป็น IDOL ของใครหลายคนแล้วนะคะ
p'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pinkp'pink
เห็นด้วยค่ะ ว่าคนดังไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง
แวะมาอ่านเรียนรู้
ขอบคุณค่ะ
มีความสุขในการทำงานนะคะ