การทำให้ตัวเอง “เสียสติ” เป็น “ความสุข” ได้จริงๆหรือ?????


เรื่องนี้ ถ้าเป็นเรื่องของเด็กที่กำลังเรียนรู้ แบบ “พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน” ต้องเรียนด้วยตัวเอง ก็ไม่น่าแปลกอะไร แต่ผมกลับเห็นใน “ผู้ใหญ่” ก็ยังทำเหมือนๆกัน

ในระยะนี้ผมไปที่ไหนก็จะพบคนบริโภคแอลกอฮอล์ ในรูปแบบต่างๆ ด้วยนัยของการฉลอง และ “โอ้อวด” ว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนระดับไหนก็ให้ดูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ข้าพเจ้าบริโภคอยู่ก็แล้วกัน ว่า ราคาขวดละเท่าไหร่

ที่จริงสมัยมีรายได้เองใหม่ๆ ผมก็เคย"เลียนแบบคนอื่น" ทำตัวเป็นแบบนั้น แต่ต่อมาก็เลิก ไม่ทำอีกแล้ว เพราะพอมาเรียนรู้ และพิจารณาแล้ว ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร

จะบริโภคเล่นๆ พอเป็นกระสาย เล็กๆน้อยๆ ตามแต่โอกาส ก็มีบ้างตามสมควร

แต่ไม่คิดที่จะถือว่า นั่นคือความสุข หรือ สนุกสนานอะไร

เพราะ ผมยังไม่เข้าใจว่า

“การทำให้ตัวเองขาดสติ มึนเมา มันทำให้มีความสุขได้อย่างไร”

อย่างมากก็ทำให้ เสียสติ ลืมความทุกข์บางอย่าง ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ ความทุกข์ต่างๆที่เราพยายามลืมมันจะมามากกว่าเดิม และซ้ำเติมด้วยผลจากการบริโภคแอลกอฮอล์อีกหลายประเด็น(ทุกๆครั้งไป)

โดยรวม จึงน่าจะทำให้เราทุกข์มากขึ้น นอกเหนือจากการทำให้ตัวเอง “ขาดสติ”

เรื่องนี้ ถ้าเป็นเรื่องของเด็กที่กำลังเรียนรู้ แบบ “พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน” หรือ "สอนไม่ได้" (อเวไนยสัตว์) ต้องเรียนด้วยตัวเอง ก็ไม่น่าแปลกอะไร

แต่ผมกลับเห็นใน “ผู้ใหญ่” ก็ยังทำเหมือนๆกัน

จะยกเว้นก็มีบางคน จำนวนหนึ่ง ที่ "ดื่มไม่ไหวแล้ว" คือร่างกายทนไม่ได้แล้ว

ผมเลยไม่เข้าใจว่า ทำไมเรายังต้องทำ และเป็นเช่นนั้น

เป็นเพราะอะไร

·        ระบบความเชื่อ

·        ระบบสังคม

·        ระบบการโฆษณา (ที่แกล้งโง่) ว่า ใครจะทุกข์ จะตาย สังคมจะเดือดร้อน อยู่กันอย่างไร้สาระ ช่างปะไร ขอให้ข้ารวยไว้ก่อน

·        หรือ การ “ขาดสติ” เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ จึงทำให้ทุกคนพยายามทำให้ตัวเองขาดสติ ด้วยการลงทุนที่แพงลิบลิ่ว ตามกำลังของตนเอง

"จะเก็บภาษีแพงๆก็ยิ่งดี คนจนๆ จะได้เทียบเทียมข้าฯไม่ได้"

ที่เป็นวิธีการแบ่งแยกชนชั้นทางเศรษฐกิจอีกแบบหนึ่ง

แต่..... ใครรู้ต้นสายปลายเหตุจริงๆ ช่วยบอกหน่อย

เรื่องนี้ แม้ผมจะผ่านมาแล้ว แต่ก็ยัง “โง่” เหมือนเดิม

และไม่เข้าใจจริงๆ ว่า

“การเสียสติ” หรือ “ขาดสติ” ดีกว่า “มีสติ” อย่างไร ใน

  • การแก้ปัญหาของตนเอง หรือ
  • การดำรงชีวิต หรือ
  • การทำงาน หรือ
  • การคบเพื่อน หรือ
  • เรื่องอื่นๆในชีวิต ทุกๆวัน

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำอธิบาย ที่จะทำให้ผมโง่น้อยลงครับ

ขอให้ทุกคนมีสติในการดำรงชีวิต ครับ (ผมยังยืนยัน ว่า น่าจะดีกว่านะครับ)

สวัสดีครับ

หมายเลขบันทึก: 255578เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2009 09:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

บ่นได้เรื่องได้ราวจริงๆ

ขาดสติ มีสติ ได้สติ มันก็วนๆเวียนอยู่รอบๆตัวรอบใจเรานี่แหละ

รัก โลภ โกรธ หลง มีอยู่ในตัวเราทุกคน จะบริหารสิ่งเหล่านี้อย่างไร

มันฟันธงไม่ได้ นึกไปต่างๆนานา

รู้จริงแค่ไหน ทำได้แค่นั้น

ไปทำนาดีกว่า สติจะได้อยู่กับตัว

เกี่ยวหญ้าไปยิ้มไป พักหัวเราะบ้างก็ได้ เอาแบบ เหวยๆฟ้า ..อิ อิ อิ

อ้าว ผมบ่นเพราะขาดสติหรือนี่

แหมย้อนเกล็ดได้สะใจจริงๆ อิอิ

ขอบคุณครับ

โกวเล้งบอกไว้ว่า เค้าไม่ได้ชอบดื่มสุราแต่เค้าชอบบรรยากาศของการดื่มสุรา

แค่เขียนมาสนุกๆ ให้คุณครูแสวงของผมหายเซ็งบ้าง

สวัสดีปีใหม่อาจารย์ด้วยสติค่ะ

สงกรานต์ ภาคโชคดี

อาจารย์ตั้งคำถามได้ดี

สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านอุปมา เปรียบเทียบ "ความไม่มาท" หรือ "สติ" เหมือนรอยเท้าช้าง(สมัยนั้นคนยังไม่รู้มีสัตว์ใดใหญ่กว่าช้างกระมัง) ที่รอยเท้าสัตว์อื่นๆ ย่อมลงไปได้ในรอยเท้าช้าง

อุปมัย เหมือนกุศลใดๆ ย่อมตั้งต้นด้วยสติ(หมวดธรรมสำคัญๆ ไม่พลาดต้องมีสติอยู่ด้วยทั้งนั้น เช่น มรรคมีองค์๘ โพชฌงค์๗ สติปัฏฐาน๔ เป็นต้น) หรือไม่มีสติ กุศลใดๆเกิดไม่ได้ หรือจะพูดว่าความมีสติ เป็นมหากุศล หรือบุญใหญ่ ก็คงไม่ผิด

กลับกันการขาดสติ ทำให้คนทำผิดได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่สัตว์เดรฉานไม่ทำ เช่น ข่มขืนแม้ลูกในไส้ ฯลฯ ก็เป็นข่าวหน้า๑ ให้เห็นบ่อยๆ จึงถือว่าเป็นบาปใหญ่

น้ำเมาคือ น้ำผลาญสติ คือ "อบายมุข" แปลว่า ปากทางแห่งความเสื่อม หรือแปลชัดๆว่า "หัวหน้านรก" มีแต่ทำให้คนเสื่อม ไม่ใช่ และเข้ากันไม่ได้กับวัฒนธรรมอย่างเด็ดขาด(ที่ธุรกิจน้ำเมาชอบอ้างว่า การดื่มเป็นวัฒนธรรมไทย)

อาจารย์ทำให้ผมกลับมาบ้านเก่าที่นี่

ขอบคุณมากครับ

เหล้าเป็นตัวเชื่อม (หลอกสติ)

ระหว่างความฝันกับความจริง

ระหว่างความทุกข์กับความสุข

สรุปว่า การเสียสติทำให้การเชื่องโยงความฝันกับความจริงหรือครับ

ถ้าเรามีสติจะทำไม่ได้หรือครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ

ผมยังคิดว่า การมีสติทำได้ดีกว่าในทุกเรื่องที่พูดมาเยครับ

ช่วยอธิบายชัดๆอีกนิดได้ไหมครับ

 

กราบสวัสดีพระอาจารย์ เนื่องในเทศกาลวันปีใหม่ไทย ๒๕๕๒ ครับ

 

  • อ่านบันทึกพระอาจารย์คราใด ทำให้ได้คิดทุกทีไป บางทีก็คิดได้บางทีก็คิดไม่ได้ขอรับ  บันทึกนี้ก็เหมือนเดิม ขอคิดด้วยคนครับ อิ อิ
  • เห็นด้วยกับโกวเล้งอย่างยิ่งครับว่า ...นักร่ำสุราไม่น้อย ชอบบรรยากาศของการร่ำสุรา มากกว่าชอบสุรา... เมื่อบรรยากาศดีแล้วอะไร ๆ มันก็ดีและง่ายไปหมด จะขออะไรก็ได้ จะทำอะไรก็ได้
  • โลกแปลว่า มืด ผู้ที่เกิดบนโลกก็มาจากหลายภพภูมิ และถ้า  อเวไนยสัตว์ อย่างที่อาจารย์ว่าไว้ มาเกิดเป็นมนุษย์ส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีผู้สั่งสอน หรือสั่งสอนไม่ได้แล้ว ผมว่ายากที่เขาจะเข้าใจคำว่า "สติ" นะครับท่านอาจารย์ ไม่ใช่ใครอื่นล่ะครับ ผมเองก็ด้วย คือ คิดว่า ตนเองเข้าใจคำว่า สติ+ปัญญา ที่ไหนได้ก็เข้าใจผิดหรือเข้าใจไม่หมดมาตั้งนาน ยิ่งจะทำให้หันมาศึกษาและเห็นความสำคัญของการเจริญสติ + วิปัสสนา(ในชีวิตประจำวัน) ด้วยแล้ว ผมว่า บางทีตายไปก็ยังไม่รู้ไม่สนใจนะขอรับ
  • ส่วนไอ้เจ้า "สุรา" นี่ไม่ต้องปริยัติให้ยาก ปฏิบัติเลย โอ้โหปัจจัตตัง ปฏิเวธหัวกลับทันทีทันใดเลยล่ะขอรับ มันง่ายดี

 

  

คำถามที่ควรค่าแก่การใคร่ครวญจริง ๆ ครับ...อาจารย์

ผมเข้าใจว่านี่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกียะปัญญากับโลกุตรปัญญาเทียวครับ...

ไม่สามารถตัดสินและอธิบายด้วยความเข้าใจธรรมดาครับ...

 

ครับ

ขอบพระคุณที่มาให้ข้อคิด ต่อยอดความเข้าใจผมเอง

ผมเห็นด้วยครับ ว่านี่น่าจะเป็นทางแยกไปสู่ โลกุตระ แต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็นทางแยกนี้ ส่วนใหญ่จะมองไม่เห็น แล้วก็หลงไปอีกทางหนึ่ง

ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่แทรกอยู่นวัฒนธรรมทางสังคมหรอกครับ

ยิ่งมอง ยิ่งน่ากลัวครับ

บางคนทุกข์ใจมากจนหาทางออกไม่ได้ ต้องใช้เหล้าช่วยให้ลืมความทุกข์ได้ชั่วครั้งชั่วคราว  ใช่ว่าเค้าจะไม่รู้หรือไม่คิดว่ามันคือวิธีที่ไม่ถูกต้องแต่คนคนนั้นคงทุกข์ใจจริงๆค่ะ  

 

แล้วทุกคนในงานเลี้ยง ทุกข์เหมือนกันเลยหรือครับ

ผมยังไม่ปักใจว่าเป็นเช่นนั้นครับ

ผมอยากเห็นการวิเคราะห์ในเชิงสังคมจิตวิทยา และแนวทางแก้ไข

เรื่องนี้ สสส น่าจะให้ความสำคัญนะครับ (นี่ผมคิดเอาเอง)

ว่า ทางแก้ไขจริงคืออะไร

ถ้าทุกคน "ซึ้ง" ในการทำให้ตัวเองเสียสติ ก็น่าจะเริ่มเข้าใจ และมีทางแก้ไข

แต่ตอนนี้กิเลศ และโฆษณานำทางอยู่ครับ

วันหนึ่งสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)จัดการประชุมเพื่อหาหนทางสกัดการบริโภคน้ำเมาในเทศกาลสงกรานต์(ก็รู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เคยดื่มเหล้าแล้ว...ตั้งใจกันว่าจะหยุดยาวไปฉลองใหญ่ให้สมใจอยาก)

มีข้อคิดจากรองนายกเทศมนตรีเมืองอ่างทองว่า...

1. ไม่เคยเห็นมีใครที่ซื้อเหล้ามาดื่มเองในการดื่มครั้งแรก

2. ไม่เคยเห็นใครบอกว่าการดื่มเหล้าครั้งแรกมันอร่อยหวานหอมชื่นใจ

 

การเห็นวิถีชีวิต...กับภาพความสนุกสนานในการดื่ม...รวมถึงการโฆษณามที่เอิกเกริกแพร่หลาย(แถมสร้างค่านิยมว่า...ดื่มแล้วเป็นผู้นำ...เป็นคนรักเพื่อน...เป็นผู้ให้ ฯลฯ) ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความเชื่อเป็นค่านิยมโดยรวมว่า...ดื่มเถอะ...มีความสุข

 

ความจริงพุทธองค์ทรงเล็งเห็นอยู่ว่าสุรา(น้ำเมา)เป็นตัวการทำลายการครองสติ ทำให้ต่อมความเป็นมนุษย์สูญเสียไประยะหนึ่ง... ความเป็น เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน ก็โผล่ออกมาประจานตน ให้คนที่เป็นมนษย์เขาดูแคลน... แต่ก็ยังมีหน้ามาอ้างว่าปลดปล่อยความทุกข์... ปล่อยไปเท่าไรก็เห็นได้ความทุกข์เพิ่มมาตลอด...ไม่เคยเห็นลดลงสักที...

คนผลิตก็ทำกรรม...คนขายก็สร้างกรรม...

มีวันนึงผมไปบรรยายให้คนขายสุราฟัง...ผมตั้งคำถามตอนท้ายรายการว่า...เราขายเหล้าให้เขาดื่ม...แล้วเขาเมาไปชนคนตาย...คนขายต้องรับกรรมด้วยรึปล่าวเนี่ย... หรือไม่เขาดื่มเหล้าที่เราขาย...แล้วกลับไปเตะลูกเมีย...เราจะมีความสุขอยู่รึ...เล่นเอาแม่ค้าบางคนหน้าเสียเลย...555

ขอใช้พื้นที่อาจารย์ระบายความทางโลกหน่อยนะครับ...

น่าคิดครับ

ผมคิดว่า ถ้า สสส เอาจริง ทำวิจัยให้ถึงแก่น ผมเชื่อว่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ครับ

สำคัญว่าจะ "กล้าทำจริงหรือเปล่า" เท่านั้นครับ

ข้อสำคัญไม่ได้อยู่ที่...การตอบคำถามเลยครับ

แต่อยู่ที่...การตั้งคำถามมากกว่า

ในสังคมทั่วไปมีใครบ้างที่ตั้งคำถามแบบนี้...

ขอเชียรอาจารย์ ตั้งคำถามลักษณะนี้บ่อยๆนะครับ

ขอบคุณครับ

ผมตั้งคำถามแบบนี้ประจำ จนพรรคพวกรำคาญครับ

เป็นครั้งแรกที่มีคนชม เลยรู้สึกตื่นเต้นครับ อิอิ

สวัสดีครับ

  • ตอบยาวไป 1 รอบ แต่พอ Post ก็ได้ข้อความ Gateway Time Out .. หายเกลี้ยงครับ จึงขอสรุปให้รวบรัดว่า ..
  • Education ของเราผิดเพี้ยนครับ เพี้ยนไปทุกระบบ
  • ในครอบครัวเต็มไปด้วยตัวอย่างจากพ่อแม่ พี่น้อง ว่าจะมีความสุขสนุกสนาน เฉลิมฉลองกันเมื่อไหร่ "น้ำเปลี่ยนนิสัย" คือปัจจัยที่ขาดไม่ได้
  • ในวรรณคดีมากมายหลายเรื่องก็ล้วนเต็มไปด้วยตัวอย่างที่จะนำทางไปสู่ ปากเหวเดียวกัน
  • สื่อสารมวลชนนั้น ไม่ต้องพูดถึง ต่างตอกย้ำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างไร้ความละอายว่าจะสนุก สุข เท่ สมชายชาตรี หรือมีระดับ มันต้อง Brand นั้น ยี่ห้อนี้
  • ในโรงเรียน สถานศึกษา หรือองค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต่างก็ทำการสื่อสาร ให้ความรู้กันในระดับ ท่องจำ-บอกต่อ เสียมากกว่าการ เจาะให้ถึงแก่น  หรือถึงขั้น กัดไม่ปล่อย  เรียกว่าท่องเรื่องพิษ-โทษได้ครบข้อ ก็เอาคะแนนไป .. สรุปว่ามีความรู้แล้ว ส่วนจะไปฉลองคะแนนสุขศึกษากันกี่ลังกี่ขวดก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย
  • ฯลฯ
  • ไม่มีอะไรครับ  แค่มาบ่นต่อเฉยๆ ... อิ อิ อิ

     สวัสดีค่ะ...

     หนูคิดว่าสังคมไทยกับน้ำเมาคงเป็นของคู่กันไปแล้ว..ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า..วันไหนๆพี่ไทยก็เมา...จริงมั้ยคะ..

ขอบคุณครับ

การนำเรื่องเก่ามา post ใหม่ ก็ยังได้ผลนะครับ

นำเมามันไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เราเดินไปซื้อมันมาดื่มเอง

เราก็มีความสุข เพราะบางครั้งขนาดคนที่ผิดหวังหรือมีปัญหาชีวิต

พอได้ดื่มน้ำเมาเข้าไป เขายังหัวเราะได้เลย........... จริงๆนะคะ

คำถามลึกกว่านั้นนิดหนึ่งครับ

คือ ทำไมเราจะต้องทำให้ตัวเอง "ขาดสติ" เสียก่อน จึงจะมีความสุขได้

คนที่ทุกข์มาก พอจะยอมรับได้

แต่คนที่ไม่แสดงอาการทุกข์ใดๆ ก็ยังทำ

คำถามคือ ทำไมต้องทำ ไม่เสียสติ หรือไม่ขาดสติได้ไหม

มันเป็นคำถามเชิงจิตวิทยานะครับ

ผมอยากทราบจริงๆครับ

Unexpectedly, I guess I have answer.

It was because everyone including me afraid of lonely.

Everyone including monks want someone to talk.

Even you, that come in here to talk to G2K people.

Me too, I talk to SCT since 1989. I used to talk to "Supat Sorn Loke" for several hundreads hours.

They get drunk because during drunk they have someone to talk or forget that they are lonely.

Regards,

zxc555

ผมยังคิดว่าน่าจะมีคำตอบที่ลึกและชัดกว่านี้ครับ

ที่ใกล้ๆกับ "อวิชชา" ในภาษาธรรมะ

แต่ผมว่าน่าจะเป็น "จิตวิทยาพื้นฐาน" สันดานมนุษย์ ที่ไม่พบในสัตว์ทั่วไป

เราชอบคิดว่าเราสูงในระดับ "ฝึกได้" แต่ความเป็นจริงเรากลับ "ทำลายตัวเองก็ได้ด้วย"

แปลกแต่จริง

ผมยังไม่เข้าใจครับ

หวังว่าจะมีคำตอบที่ชัดและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิตมากกว่านี้ครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ อาจารย์แสวง

เดี๊ยวนี้ "นักเรียน นักศึกษา ขาดสติมากครับ"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท