ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมบทบาทสมมุติ ผมได้ พี่โต..คุณอุไรวรรณ พัฒนสัตยวงศ์ พยาบาลจิตเวชในทีม palliative care เป็นผู้ช่วย
ผมให้น้องทุกคนจับคู่กันเพื่อผลัดกันเล่นบทบาทสมมุติ ๒ กรณี ซึ่งเป็นกรณีจริงๆที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ตอนที่ให้บทบาท เราแบ่งกันเป็น ๒ กลุ่ม ขอให้อ่านบทแล้วเก็บบททิ้งไปเลย ไม่ให้เอาขึ้นมาดูตอนสวมบท โดยให้จินตนาการ วางบทเพิ่มเติมด้วยตนเองระหว่างแสดง
กรณีที่ ๑ : คนไข้ไม่มาตามนัด
คนไข้เป็นมะเร็งบริเวณลำคอที่โรคลุกลาม ปวดจำเป็นต้องใช้มอร์ฟีน แพทย์สั่งยาให้ไปกินที่บ้านแล้วนัดมาตรวจเป็นประจำ แต่คนไข้ไม่เคยมาตามนัด พอมีอาการที ก็มาขอฉีดยาที่ห้องฉุกเฉินเป็นครั้งคราว
กรณีนี้ผมสร้างสถานการณ์ให้แพทย์เกิดความรู้สึกหงุดหงิด เพื่อจะได้ตามความรู้สึกของตนเองได้ และต้องการให้น้องหมอสอบถามสาเหตุที่คนไข้ไม่มาตามนัด ก่อนที่จะตัดสินอะไรคนไข้
กรณีที่ ๒ : ญาติไม่พอใจ
เป็น คนไข้ มะเร็งระยะลุกลาม แล้วนักศึกษาแพทย์เข้าไปสัมภาษณ์เพื่อเตรียมการเรียนการสอนข้างเตียงเกี่ยวกับคนไข้ระยะสุดท้าย แล้วถูกญาติต่อว่า ว่าพูดจาไม่เหมาะสม ญาติคนนี้โกรธมากและขอพบแพทย์เจ้าของ
กรณี นี้ผมสร้างสถานการณ์ให้ญาติโกรธจัด และแพทย์จะต้องเข้าไปคุยด้วย โดยที่ก็รู้อยู่ในใจว่า นักศึกษาแพทย์ไม่ผิด เพราะคนไข้รู้ตัวดีว่าใกล้เสียชีวิตและพูดคุยเรื่องนี้ได้ จึงมอบหมายให้ไปสัมภาษณ์ เพียงแต่ญาติคนนี้ไม่รู้เบื้องหลังนี้เท่านั้น
ครับ ทั้ง ๒ กรณีเป็นเรื่องความรู้สึก ความโกรธ ของแพทย์และคนไข้ ซึ่งมีผลต่อรูปแบบการสื่อสารและสัมพันธภาพระหว่างกัน สอดคล้องกับกิจกรรมในช่วงเข้าทั้งหมด
สวัสดีครับ อ.หมอเต็มศักดิ์
อยากเห็นบรรยากาศตอนเล่นบทบาทสมมติที่อาจารย์นำมาฝากจริงๆ น่าจะสนุกและมีสีสันดีนะครับ นักศึกษาจะได้เข้าใจและ (อาจจะถึงระดับ) รู้สึกถึงความรู้สึกของทุกฝ่ายได้ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน เวลา "ออกรบ" (เจอของจริง) จะได้ตัดสินใจอย่างสุขุมและมีเมตตา
ผมเองก็ชอบใช้ การเล่นบทบาทสมมติ (Role Playing) ในการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์เหมือนกันครับ จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อตัววิทยาศาสตร์เอง แต่เพื่อให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์เป็นแง่มุมหนึ่งของสังคม
ตอนไปสอนนิสิตจุฬาช่วงที่มีการถกเถียงกันเรื่อง GMOs นี่ ก็ถามเด็กๆ ว่า ในสังคมไทยมีใครมีส่วนได้ส่วนเสียบ้าง เด็กๆ ก็ว่า เกษตรกร ผู้บริโภค ผู้ผลิต ผู้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ เช่น กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
รอบแรก : ผมเอาเอกสารให้ไปอ่านก่อน 1 สัปดาห์ เช่น บทความเกี่ยวกับ GMOs แล้วให้เด็กๆ ไปหาข่าวที่เกี่ยวข้อง
รอบสอง : ให้เล่นบทบาทสมมติ อันนี้สนุก คือ กลุ่มผู้บริโภคก็ต่อต้าน ผู้ผลิตสินค้าก็ชี้แจงไป กลุ่ม "เกษตรกร" มาก่อม็อบด้วยนะครับ ;-) ส่วนรัฐบาลนี่ มีคนเล่นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ที่บ้าอำนาจหน่อย ;-) ก็เล่นเป็นนายกฯ
จบรอบนี้จะพบว่า มีบางอย่างได้ข้อสรุปร่วมกัน แต่อีกหลายอย่าง (ซึ่งมากกว่า) ไม่ได้ข้อสรุปร่วม ตกลงกันไม่ได้ (เช่น ข้อมูลไม่พอ ทัศนคติไม่ตรงกัน ผลประโยชน์ไม่ลงตัว)
รอบสุดท้าย : ผมเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน GMOs จาก BIOTEC ไปบรรยายประมาณ 1 ชั่วโมง (โดยแจ้งผู้เชี่ยวชาญว่าเด็กๆ ได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว)
ส่วนอีกชั่วโมงที่เหลือ ก็ให้ผู้เชี่ยวชาญตอบคำถามที่ค้างคาใจเด็กๆ ตั้งแต่รอบแรก (เช่น อ่านแล้วไม่เข้าใจ อ่านแล้วไม่เห็นด้วย) และรอบสอง (อันที่เถียงกันไม่จบ เช่น ตกลง GMOs เป็นอันตรายต่อสุขภาพไหม)
แต่แน่นอนว่า เด็กๆ (รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ และผมด้วย) ก็ยังมีประเด็นกลับไปให้ครุ่นคิดต่อในเรื่องนี้....
โดยสรุปก็คือ ใช้เวลามาก แต่ลงให้ลึก (พอสมควร) ไปเลยครับ
เดี๋ยวจะตามไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Palliative Care ของอาจารย์ต่อ....วันหนึ่งข้างหน้า ผมอาจจะกลายเป็นคนไข้ของลูกศิษย์อาจารย์ก็เป็นได้ (แหะ..แหะ)
สวัสดีครับอาจารย์ หมอเต็มศักดิ์ กิจกรรมสมมุติที่น่าสนใจครับ ตอนอบรมทนายความก็มีกิจกรรมแบบนี้ แต่พอมาฝึกหัดทนายความมันไม่ใช่ จึงไม่ได้เป็นทนายตั้งแต่นั้นมาครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ