"อุปนัย" (Induction)เป็นภาษาตรรกศาสตร์ ผมขอยืมมาใช้เป็นชื่อ "ประเภทการวิจัย" ว่า "การวิจัยเชิงอุปนัย" ใช้ภาษาอังกฤษว่า "Inductive Research" ลักษณะการวิจัยประเภทนี้มีดังนี้ ตัวอย่าง
ใช้กลุ่มตัวอย่าง(ที่เรารู้) ลงความเห็นไปยังประชากร (ที่เราไม่รู้) เช่น การวิจัยที่เลือกตัวอย่างมาแล้วใช้ Mean ของตัวอย่างนั้น ลงความเห็นว่า เป็น Mean ของประชากร (Population Mean )
ใช้ข้อเท็จจริง (ความจริงเฉพาะ)( Facts) ลงความเห็นไปสู่หลัก ( ความทั่วไป )( Principle ) เช่น เห็นนกตัวนี้ นกตัวนั้น นกตัวโน้น มีปีก บินได้ (ข้อเท็จจริง) จึงลงความเห็นเป็นข้อความทั่วไป หรือหลักว่า สัตว์ปีกทุกชนิดบินได้
ลงความ่ห็นจากส่วนย่อย(ที่เรารู้) ไปสู่ส่วนใหญ่ (ที่เรายังไม่รู้) เช่น เราตกเบ็ด ๕ ครั้ง ได้ปลาดุก ๕ ตัว(ข้อเท็จจริงส่วนน้อยที่เรารู้) จึงลงความเห็นสันนิษฐานว่า ปลาในบ่อนั้นทั้งหมดเป็นปลาดุก (ปลาส่วนใหญ่ ที่เรายังไม่รู้ )
เห็นลูกผมสีทอง จมูกโด่ง แต่ผิวค่อนข้างสีชานิดหน่อย (ข้อเท็จจริงที่เรารู้) ก็สันนิษฐานว่า ไม่พ่อก็แม่จะต้องเป็นฝรั่ง ( ที่เรายังไม่รู้ )
ฯลฯ
การวิจัยที่เราทำกันเป็นส่วนใหญ่ เป็นประเภท "จากที่รู้" ไปยัง "สิ่งที่ไม่รู้"
ที่แท้ การวิจัยประเภทนี้เป็นการวิจัยเชิงอุปนัยนั่นเอง
ดังนั้น ผมจึงเสนอว่า การวิจัยเช่นนี้เป็น "การวิจัยเชิงอุปนัย" ( Inductive Research ) และให้ถือเป็น "การวิจัยประเภทหนึ่ง"