เว็บศูนย์รวม "โยคะสารัตถะ" |
(๑)การปรุงแต่งของจิตในโยคะสูตร (๒)โยคะสูตรว่าด้วย การปรุงแต่งของจิต ๕ ประการ (๓)โยคะสูตรว่าด้วย การปรุงแต่งของจิต ๕ ประการ (๔)โยคะสูตรว่าด้วย การปรุงแต่งของจิต ๕ ประการ (๕)โยคะสูตรว่าด้วย การปรุงแต่งของจิต ๕ ประการ (๖) โยคะสูตรว่าด้วย การปรุงแต่งจิต ๕ ประการ (ตอนจบ) และการบรรลุ ถึงการดับการปรุงแต่งของจิต -(๖.๑)- ; -(๖.๒)- ; -(๖.๓)- |
วีระพงษ์ ไกรวิทย์ (ครูโต้)
และจิรวรรณ ตั้งจิตเมธี (ครูจิ)
(เข้าดูบทความของทั้งสองท่านที่นี่)
โยคะสารัตถะ ฉ.; ก.ย.'๕๑
ในบทที่ ๑ ประโยคที่ ๔ ของโยคะสูตรปรากฏข้อความว่า "วฤตติสารูป ยัมอิตรตระ" โดย"วฤตติ" หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ หรือพฤติกรรม หรือการปรุงแต่งของจิตตะ1"สารูปยะ" หมายถึง รูปเดียวกันหรือสภาพเดียวกัน "อิตรตระ" หมายถึง ที่อื่น หรือในโอกาสหรือเวลาอื่น เมื่อรวมทั้งประโยคแล้วหมายถึง (ในสภาวะ อื่นๆ)ที่อยู่นอกเหนือจากสภาวะเดิมแท้แล้ว การปรุงแต่งของจิตตะย่อมมีรูปอย่างเดียวกัน ใน สภาวะเดิมแท้นั้นเป็นสภาวะที่ปุรุษะและประกฤติแยกกันอยู่ซึ่งโยคีผู้บรรลุ เป้าหมายของโยคะแล้วย่อมมีปัญญาสามารถมองเห็นหรือเข้าถึงสภาวะนี้ได้ การปรุงแต่งต่างๆ ของจิตตะที่ปรากฏขึ้นแก่โยคีผู้นั้นย่อมเป็นการปรุงแต่งชนิดเดียวกันทั้งหมด กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นการปรุงแต่งแบบใดก็ตาม โยคีก็จะรับรู้ว่านั่นเป็นเพียงการปรุงแต่งของจิตตะเหมือนๆ กันซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อโยคีผู้นั้น ในขณะที่คนทั่วไปซึ่งยังมีอวิชชาปกคลุมอยู่ การปรุงแต่งของจิตตะจะยังคงส่งผลต่อคนผู้นั้น เช่นเมื่อจิตปรุงแต่งแล้วเกิดเป็นสุข เป็นทุกข์ขึ้นมา คนผู้นั้นก็จะมีอารมณ์สุข ทุกข์ไปตามสภาวะของการปรุงแต่งนั้นๆ แต่ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ไม่ได้แตกต่างกันเพราะเป็นเพียงอารมณ์ที่จิตปรุง แต่งขึ้นเหมือนกัน หาใช่สิ่งที่ยั่งยืนและเป็นความจริงแท้ไม่ เปรียบดังผู้เบาปัญญาเห็นน้ำในแก้วสีดำ ก็เข้าใจว่าน้ำนั้นเป็นสีดำ ครั้นเห็นน้ำในแก้วสีแดง ก็เข้าใจว่าน้ำนั้นเป็นสีแดง เมื่อเขาหยั่งรู้ความจริงก็จะเข้าใจทันทีว่าน้ำทั้งสองแก้วนั้นไม่มีสีแต่ อย่างใดตามที่เห็นด้วยสายตา หากแต่สีคือสิ่งที่มาปรุงแต่งให้น้ำเกิดเป็นสีต่างๆ แล้วทำให้เขาเข้าใจผิดไปตามนั้น
ดังนั้นการหยั่งรู้ว่าการปรุงแต่งต่างๆ ของจิตตะนั้นล้วนเป็นสิ่งเดียวกันจึงจำเป็นต้องรู้จักประเภทของการปรุงแต่ง และลักษณะของการปรุงแต่งนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ปตัญชลีจึงได้แนะนำเรื่องนี้ในประโยคถัดไป
ในประโยคที่ ๕ กล่าวไว้ว่า "วฤตตยะห์ ปัญจตัยยะห์ กลิษฏากลิษฏาห์" ซึ่ง แปลความหมายอย่างสั้นๆ ว่า การเปลี่ยนแปลงหน้าที่หรือพฤติกรรมของจิตตะมีอยู่ ๕ อย่าง บางอย่างนั้นเป็นเหตุให้เกิดกิเลส ขณะที่บางอย่างไม่ก่อให้เกิดกิเลส
พฤติกรรม(หรือการปรุงแต่ง)ของจิตตะนั้นปตัญชลีได้แบ่งออกเป็น ๕ ประเภทซึ่งจะได้อธิบายละเอียดเป็นข้อๆ ในประโยคถัดไป (I : ๖) บางคนอาจจะรู้สึกว่าการแบ่งแบบนี้ไม่น่าจะเพียงพอหากพิจารณาตามเหตุที่อาจจะ เกิดขึ้น เมื่อเกิดคำถามขึ้นว่าพฤติกรรม(หรือการปรุงแต่ง)ของจิตตะเฉพาะสักอย่างหนึ่ง สามารถจัดเข้าไปอยู่ในอันหนึ่งอันใดของประเภททั้ง ๕ นี้ได้หรือไม่ การแบ่งที่ชัดเจนและถูกต้องมากๆ นั้น ตามปกติแล้วมักจะเป็นการแบ่งประเภททางวิทยาศาสตร์ ซึ่งคงไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของปตัญชลีในที่นี้ ประโยคต่างๆ ในโยคะสูตรของปตัญชลีมีวัตถุประสงค์เพื่อการฝึกปฏิบัติโยคะมากกว่าการนำเสนอ โยคะในฐานะที่เป็นศาสตร์ทางทฤษฎีซึ่งน่าจะเป็นวัตถุประสงค์รองเท่านั้น ส่วนเป้าหมายหลักของการฝึกปฏิบัติในส่วนนี้ก็คือเพื่อที่จะหยุดกระบวนการใน การปรุงแต่งของจิตตะเหล่านั้นให้หมดไปโดยการทำให้การปรุงแต่งที่ก่อเกิดเป็น อารมณ์สุขทุกข์ต่างๆ หยุดลง เมื่อเป้าหมายเป็นเช่นนี้การแบ่งประเภทของการปรุงแต่งของจิตตะที่ชัดเจนถูก ต้องจึงไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นการปรุงแต่งของจิตตะแบบใดก็ตาม จุดมุ่งหมายย่อมเป็นการหยุดกระบวนการทำงานของมันในที่สุด ดังนั้นการแบ่งแบบหยาบๆ เช่นนี้จึงน่าจะเพียงพอต่อการเข้าถึงจุดหมายของการปฏิบัติโยคะ แม้ว่าบางครั้งอาจจะรู้สึกยากที่จะตัดสินใจได้ว่าการปรุงแต่งของจิตตะประเภท ไหนที่มีอำนาจหรือมีความสำคัญมากที่สุด และอาจจะมีการปรุงแต่งของจิตตะบางประเภทที่สัมพันธ์เชื่อมโยงกับประเภทอื่น ก็ตาม
ในอีกแง่หนึ่ง ปตัญชลีได้แบ่งการปรุงแต่งของจิตตะไว้อย่างกว้างๆ เพียงเพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติโยคะได้เข้าใจธรรมชาติของการปรุงแต่งเหล่านี้ ได้พอสังเขป ขณะเดียวกันจำนวนของประเภทของการปรุงแต่งก็ควรจะมีมากพอที่จะสามารถจัด ประเภทของการปรุงแต่งต่างๆ เข้าอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ จำนวนที่เหมาะสมจึงดูเหมือนจะอยู่ประมาณห้า ยิ่งไปกว่านั้นปตัญชลีดูเหมือนจะชอบเลขห้าซึ่งคล้ายคลึงกับแนวคิดของปรัชญา สางขยะ ดังนั้นท่านจึงแบ่งการปรุงแต่งของจิตตะออกเป็นห้าประเภท
คำว่า "กลิษฏะ - klista" เป็นคำคุณศัพท์ของรากศัพท์ "กลิศ - klis" ซึ่งแปลว่า รบกวน ทำให้เจ็บปวด ฯลฯ คำนามคือคำว่า "กเลศะ - klesa" ซึ่งก็มาจากรากศัพท์เดียวกันด้วย กเลศะ(กิเลส)เหล่านี้ เป็นต้นเหตุสำคัญของความ เจ็บปวดหรือความทุกข์ ดังนั้นคำว่า "กลิษฏะ" จึงหมายถึงเหตุแห่งทุกข์หรือความเจ็บปวดในแง่ที่เกี่ยวข้องกับกเลศะหนึ่ง อย่างหรือมากกว่า โดยทั่วไปแล้วกเลศะไม่สามารถถูกกำจัดออกไปได้อย่างสิ้นเชิงทั้งหมด ดังนั้นการปรุงแต่งที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับกเลศะมากจึงกำจัดออกไปได้ยากมากๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม การปรุงแต่งของจิตตะที่กล่าวถึงอย่างกว้างๆ ในประโยคนี้มีทั้งแบบ กลิษฏะ (klista) และอกลิษฏะ (aklista) คำทั้งสองนี้ควรได้รับการพิจารณาในเชิงเปรียบเทียบ คือการปรุงแต่งของจิตตะบางครั้งเป็นเหตุให้เกิดกิเลส แต่บางครั้งไม่ก่อให้เกิดกิเลสก็มี เช่นเมื่อเราคิดถึงอาหารอร่อยอย่างหนึ่ง (เกิดความปรุงแต่งของจิตตะ) ทำให้เราเกิดกิเลสอยากกินอาหารอย่างนั้นขึ้นมา การปรุงแต่งชนิดนี้จึงเป็นแบบกลิษฏะ แต่เมื่อเรานั่งนึกถึงรถไฟแล้วเห็นภาพรถไฟในความทรงจำขบวนหนึ่งเพียงแค่นั้น โดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ (กิเลส) เกิดขึ้นตามมา เหตุการณ์นี้ก็เป็นการปรุงแต่งแบบอกลิษฏะ แต่ถ้าเห็นภาพรถไฟแล้วเกิดความรู้สึกอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดขึ้นมา นั่นย่อมเป็นการปรุงแต่งแบบ กลิษฏะ เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้วอาจจะมีบางคนเกิดคำถาม ขึ้นในใจว่า แล้วเราจะหยุดอารมณ์ความรู้สึกหรือกิเลสที่จิตปรุงแต่งตามขึ้นมานี้ได้อย่างไร...
1 โปรดย้อนกลับไปดูความหมายของคำว่า "จิตตะ" ในบทที่ ๑ ประโยคที่ ๒ ของฉบับก่อน
เอกสารอ้างอิง :
สัตยานันทปุรี , สวามี, (๒๕๑๑). ปรัชญาฝ่ายโยคะ. พระนคร : อาศรมวัฒนธรรม ไทย-ภารต.
Karambelkar, P. V., (1986). PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary. Lonavla : Kaivalyadhama.
ภายใต้มูลนิธิหมอชาวบ้าน
2220/101 ซอยรามคำแหง 36/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทรศัพท์ 02-732-2016 - 17, โทรสาร 02-732-2811 มือถือ 081-401-7744 ;
E-mail: [email protected] ; www.thaiyogainstitute.com
.....
ชอบโยคะ แต่ยังก้าวข้ามความเจ็บ ตึง มาก ๆ ไม่ได้ อยากทำท่าอาสนะแล้วมีความสุข มีเคล็ดลับมั้ยค่ะ
โชคดีจังค่ะ ทางสถาบันกำลังจะจัดอบรม "โยคะในชีวิตประจำวัน เพื่อสุขภาพ"
เชิญคุณ Memi นะคะ จะได้ทราบเคล็ดลับการทำท่าโยคะอาสนะแล้วมีความสุข ไม่ต้องพะวงเรื่องตึงกล้ามเนื้อ
รายละเอียดนะคะ
+++++++++++++++++
โยคะในชีวิตประจำวัน เพื่อสุขภาพ
อบรมหลักสูตรโยคะอาสนะขั้นพื้นฐาน
ในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น.-15.00 น.
ค่าลงทะเบียน 650 บาท
(ไม่รวมอาหารกลางวัน)
รับจำนวนจำกัด
วัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รู้จักโยคะอย่างที่โยคะเป็น
2. เข้าใจศาสตร์แห่งโยคะในระดับเบื้องต้น และสามารถฝึกได้ด้วยตนเอง
เนื้อหา ภาคทฤษฎี
เนื้อหา ภาคปฏิบัติ
การเตรียมตัวก่อนการฝึกโยคะ
1. ควรงดรับประทานอาหารก่อนการฝึกปฎิบัติ ดังนี้
- อาหารมื้อหนัก เช่น อาหารตามมื้ออาหาร อย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- อาหารมื้อเบา เช่น อาหารว่าง (ขนมปัง, แซนด์วิช ฯลฯ) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ร่างกาย เนื่องจากหากท้องอิ่ม อาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวในขณะฝึกปฏิบัติได้
2. แต่งกายสบาย ๆ ผ้ายืด เช่น เสื้อยืด - กางเกงวอร์ม จะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากทำให้เกิดความยืดหยุ่นในขณะฝึก ควรหลีกเลี่ยงการใส่ชุดออกกำลังกายที่รัดรูป เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี
3. ควรจัดเตรียมผ้าห่ม หรือผ้าขนหนูผืนยาวมารองตัวขณะฝึก ขนาดกว้างยาวประมาณตัวผู้ฝึก
(มีเบาะโยคะเตรียมไว้ให้ในวันเรียนแล้วค่ะ)
4. ***เตรียมพื้นที่เล็ก ๆ ไว้ในใจสำหรับเพาะเมล็ดแห่งโยคะให้งอกงามในวิถีตน***
ณ ห้อง 262 ชั้น 6 คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
การโอนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเตาปูน ออมทรัพย์
เลขที่ 141-2-16162-6 ชื่อบัญชี นายกวี คงภักดีพงษ์
(หลังจากโอนเงินแล้วรบกวนแฟ็กซ์กลับมาที่ 02-732-2811)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel.02-732-2016-7,081-401-7744