วิถีวัฒนธรรมปี่พาทย์อยุธยา ๘ : ภูมิปัญญาช่างทำเครื่องดนตรีปี่พาทย์
…………………………………………………..
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดเป็นพื้นที่สำคัญที่มีแหล่งผลิตเครื่องดนตรี ซึ่งเป็นภูมิปัญญาด้านช่างทำเครื่องดนตรีในท้องถิ่นอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นการผลิตในลักษณะงานหัตถกรรมในครัวเรือน โดยมีช่างที่ผลิตเครื่องดนตรีไทยที่มีคุณภาพ หลาย ๆ ด้าน อาทิ
ช่างแกะสลักเครื่องดนตรีปี่พาทย์มอญ
บ้านปิ่นแก้ว เป็นหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นแหล่งผลิตเครื่องดนตรีไทยที่สำคัญ เช่น เปลือกฆ้องมอญ รางระนาดเอก รางระนาดทุ้ม เปิงมาง ซุ้มโหม่ง เป็นต้น ที่หมู่บ้านนี้จะประกอบอาชีพหลักด้านแกะสลักเครื่องดนตรีจำนวน ๑๐–๑๕ หลังคาเรือน ซึ่งช่างแกะสลักแต่ละบ้านมีงานแกะสลักตลอดทั้งปี กลุ่มวงปี่พาทย์ทั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี ชัยนาท นครนายก ปทุมธานี นนทบุรี เป็นต้น เป็นผู้ใช้บริการ นับได้ว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องดนตรีไทย สำหรับวงปี่พาทย์มอญ แหล่งใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุด
|
ภาพ ๑ ช่างแกะสลักเครื่องดนตรีไทย ทองสุข เกิดทรง
วัสดุ ประกอบด้วย
๑. ไม้ นิยมใช้ไม้ก้ามปูมากที่สุด ด้วยเป็นไม้ที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นมีราคาต่ำ ขนาดกว้าง ๖๐ เซนติเมตร ยาว ๑๕๐ เซนติเมตร หนา ๖๐ เซนติเมตร จำนวน ๓ ท่อน
๒. หวาย นำมาใช้ตีกำกับเพื่อกดลูกมะหวด สำหรับร้อยเชือกหรือหนัง ผูกลูกฆ้องเข้ากับวงฆ้อง
๓. ลูกมะหวดกลึง ใช้ไม้สักกลึงลักษณะคล้ายลูกคิดแต่ขนาดเล็กกว่า
๔. ห่วงฆ้อง เป็นห่วงทองเหลืองใช้สำหรับนำไม้สอดหามฆ้อง ในเวลาที่ต้องการเคลื่อนย้าย
วิธีการผลิต ดำเนินการดังนี้
๑. นำไม้ก้ามปู ๓ ท่อน มาต่อกันในรูปโค้ง ตามลักษณะฆ้องมอญ ความสวยงามและขนาดของแบบ ตามต้องการ
๒. เจาะ คว้าน เนื้อไม้ด้านในออก ทำให้เป็นกระพุ้ง เพื่อนำลูกฆ้องมาผูก และเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมเสียงด้วย
๓. เขียนลาย โดยวาดลงบนแบบแล้วจึงนำมาแปะลงบนฆ้องที่เตรียมไว้
๔. แกะสลัก ล่องชาด ลวดลายต่าง ๆ ตามที่กำหนด
๕. ขัดให้ลักษณะเนื้องานมีความคมชัด ลวดลายสวยงาม
๖. เจาะหู ใส่ห่วงที่เตรียมไว้
ช่างทำผืนระนาด
ผืนระนาด เป็นเครื่องดนตรีทีมีความสำคัญในวงปี่พาทย์มาก โดยเฉพาะระนาดเอก เป็นเครื่องดนตรีที่มีหน้าที่บรรเลงนำในวง ผืนระนาดที่มีคุณภาพดี เสียงดังชัดเจน สม่ำเสมอทุกเสียง จะเป็นที่ต้องการของนักดนตรี
|
ภาพ ๒ ช่างทำผืนระนาด สุชิน คล้ายมุข
แหล่งผลิตผืนระนาด ที่เป็นภูมิปัญญาด้านดนตรี ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีหลายท่าน ส่วนใหญ่มักเป็นนักดนตรีไทย และมีวงปี่พาทย์เป็นของตนเองอยู่ด้วย การทำผืนระนาด มักเป็นการผลิตจำหน่ายในลักษณะงานหัตถกรรมในครัวเรือน มากกว่าการทำเป็นธุรกิจ ผู้ใช้บริการมีทั้งวงปี่พาทย์ภายในพื้นที่และวงปี่พาทย์ต่างจังหวัด โดยใช้วัสดุ และมีขั้นตอนการผลิต ดังนี้
วัสดุ ประกอบด้วย
๑. ไม้ ผืนระนาดนิยมใช้ไม้เนื้อแข็ง ด้วยคุณลักษณะที่มีความแข็งแกร่ง เสียงดี แต่ในอดีตนิยมไม้ ๒ ประเภท ดังนี้
ไม้เนื้อแข็ง นิยมใช้ในการผลิตระนาดเอก โดยใช้ไม้ชิงชัน มากที่สุด ซึ่งไม้ชิงชันมีหลายชนิด เช่น ชิงชันดำ ชิงชันลาย ชิงชันเหลือง ชิงชันแดง เป็นต้น ซึ่งเป็นการพิจารณาจากลักษณะของเนื้อไม้ ไม้ที่นิยมใช้มาจากแหล่งที่มีภูมิประเทศที่เป็นเขา ซึ่งจะมีความแข็งแกร่ง มีแก่นมาก และความชื้นของเนื้อไม้มีน้อยกว่า ไม้ในพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง จึงเป็นคุณลักษณะที่เหมาะสมกับการเหลาระนาด ไม้ชิงชันที่เป็นที่นิยมว่ามีคุณภาพดีมักนำมาจาก จังหวัดตราด กาญจนบุรี เป็นต้น นอกจากไม้ชิงชันแล้ว ไม้เนื้อแข็งประเภทอื่น ๆ เช่น ไม้มะหาด ไม้พยุง ก็เป็นที่นิยมด้วย
ไม้ไผ่ ในอดีตนิยมใช้ทำผืนระนาด ด้วยให้เสียงไพเราะ นุ่มนวลดี เหมาะสำหรับผู้มีกำลังน้อย น้ำหนักมือเบา ปัจจุบันไม้ไผ่ที่นิยมนำมาเหลาระนาด ได้แก่ ไผ่ตง มีลักษณะลำต้นใหญ่ หนา เนื้อไม้แก่จัด เสี้ยนจะมีสีดำ นิยมใช้ไม้ไผ่จากภาคตะวันออก เช่น จังหวัดนครนายก จังหวัดตราด เป็นต้น ปัจจุบันนิยมใช้ทำระนาดทุ้มมากกว่าระนาดเอก
๒. ตะกั่วถ่วงเสียง นำมาใช้ในการถ่วงเสียงระนาด ตามระดับเสียงที่ต้องการ ส่วนประกอบของตะกั่วถ่วงเสียง ประกอบด้วย ตะกั่ว ขี้ผึ้งแท้ นำมาตั้งไฟเคี่ยวให้ละลายรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าต้องการให้มีความเหนียวมาก นิยมใช้ชันนางลมผสมด้วยเล็กน้อย ตะกั่วถ่วงเสียง จะเหนียวติดทนดี
๓. เชือกร้อยระนาด นิยมใช้เชือกที่มีลักษณะแข็ง ขนาดพอเหมาะกับรูระนาด ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ระนาด ๑ ผืน ตจะใช้เชือกประมาณ ๓ เมตร โดยทั่วไปช่างเหลาระนาดจะควั่นเชือกสำหรับร้อยระนาดเอง ด้วยเชือกที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปคุณสมบัติไม่ดี
วิธีการเหลาระนาด มีขั้นตอนในการผลิตดังนี้
๑. การเตรียมไม้ นำไม้ชิงชันมาเรื่อยออกเป็นชิ้น ๆ ขนาดกว้าง ๒ นิ้ว ยาว ๑๕ นิ้ว หนา ๑-๒ นิ้ว คัดไม้ที่มีกระพี้ ตา รอยแตก ออก เพราะจะทำให้ระนาดมีตำหนิ การคัดไม้นิยมใช้ไม้ที่มาจากต้นเดียวกัน เพราะจะมีสี ลาย เหมือนกัน นอกจากนี้เสียงของไม้จะเสมอกันด้วย
๒. การคุ่มหลังระนาด นำไม้ที่เตรียมไว้ มาจัดเรียงเป็นผืนจนครบ ๒๒ ลูก ไม้ส่วนที่บางและมีความยาวนำมาใช้ทางต้น (เสียงต่ำ) ส่วนที่หนาและสั้นกว่า นำมาใช้ทางยอด (เสียงสูง) แล้วใช้กบไสหลังไม้ ให้โค้งตามรูปลักษณ์ของลูกระนาดตามต้องการ
๓. การเจาะรู นำกระสวนมากำหนดแนวการเจาะรู ทำการเจาะรูทั้งด้านบนและด้านล่าง เข้าหากัน แล้วนำไปร้อยเชือกเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของหลังระนาด ให้เป็นแนวเดียวกัน
๔. การตัดหัว เมื่อทดลองร้อยเชือกและตรวจสอบว่าเรียบร้อยแล้ว นำกระสวน(ไม้ที่มีลักษณะโค้ง เพื่อกำหนดส่วนโค้งของลักษณะผืนระนาด) วางทาบ ตามที่ต้องการแล้วทำการตัดหัวให้สวยงาม
๕. ปาดท้อง หลังจากตัดหัวแล้ว จึงทำการปาดท้องและเทียบเสียง โดยให้เสียงสูงกว่าเสียงที่เป็นระดับเสียงจริง ๑ เสียง เพื่อเตรียมไว้ติดตะกั่วถ่วงเสียง ซึ่งจะมีผลทำให้เสียงต่ำลง
๖. ขัด ทำการขัดหลังให้เรียบ ด้วยกระดาษทราย
๗. ติดตะกั่วถ่วงเสียง นำตะกั่วที่ผสมพร้อมติด มาติดถ่วงตามระดับเสียง
๘. ทาน้ำมัน ใช้นำมันเคลือบเงา ทาบาง ๆ บนหลังระนาด ปัจจุบันนิยมใช้ยาขัดรองเท้าสีน้ำตาลขัด เนื่องจากไม่เคลือบเนื้อไม้ ทำให้น้ำในเนื้อไม้ระเหยได้ดีกว่าทาน้ำมันเคลือบเงา
ช่างทำผืนระนาดที่สำคัญ เช่น นายจำลอง คหินทพงษ์ บ้านเลขที่ ๑๐ หมู่ ๖ ตำบลบ้านคลัง อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุชิน คล้ายมุข บ้านเลขที่ ๓๓ หมู่ ๕ ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
ช่างทำรางระนาด
ช่างทำรางระนาด ดำเนินการผลิตโดยใช้วัสดุหลัก คือ ไม้ มีขนาดกว้าง ๑๒ นิ้ว ยาว ๘๒ นิ้ว หนา ๒ นิ้ว โดยมีลักษณะการเลือกใช้ตามประโยชน์การใช้สอย ดังนี้
รางระนาดที่ผลิตเพื่อการแกะสลัก มักนำไปใช้ประกอบในวงปี่พาทย์มอญ นิยมใช้ไม้ที่ไม่ต้องมีลวดลายสวยงาม เนื่องจากต้องนำไปแกะสลักปิดทอง อีกครั้ง โดยไม่เห็นลายไม้ จึงนิยมใช้ไม้ก้ามปู ไม้สะเดา ซึ่งเป็นไม้ที่หาได้ในท้องถิ่น มีราคาต่ำ
รางระนาดที่ผลิตโดยไม่แกะสลัก มักนำไปใช้ประกอบในวงปี่พาทย์ไทย นิยมคัดเลือกไม้ที่มีลวดลายสวยงาม เช่น ไม้สัก ไม้ชิงชัน ไม้มะเกลือ ไม้ประดู่ เป็นต้น
นอกจากนี้จะใช้วัสดุประกอบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น ตะปู กาว เป็นต้น
วิธีการผลิต มีขั้นตอนดังนี้
๑. เตรียมไม้ โดยนำไม้ที่เตรียมไว้ แยกออกเป็นเนื้อราง จำนวน ๒ ชิ้น โขนระนาด ๒ ชิ้น ทำการไส ตกแต่งตามรูปลักษณ์ของรางระนาด
๒. เตรียมเท้าระนาด ใช้ไม้อีกส่วนหนึ่งเตรียมทำเท้าระนาด(ระนาดเอกจะมีขนาดใหญ่ ระนาดทุ้มจะมีขนาดเล็ก)
๓. ประกอบราง นำส่วนประกอบที่เตรียมไว้ ประกอบรวมเป็นรางระนาด
ช่างทำรางระนาดที่สำคัญ เช่น นายไสว เสงี่ยมงาม บ้านเลขที่ ๑๘/๑ หมู่ ๕ ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายฉี่ ช่วงอุทัย บ้านเลขที่ ๑๓๒/๑ หมู่ ๗ ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
ช่างทำปี่
ปี่เป็นเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญ ในวงปี่พาทย์ มีส่วนประกอบ ๒ ส่วน คือ ตัวปี่ และลิ้นปี่ ช่างทำปี่มักจะผลิตในส่วนของตัวปี่ ส่วนลิ้นปี่จะผลิตจากแหล่งอื่น ภูมิปัญญาด้านช่างทำปี่ นั้นจะทำทั้งปี่ใน ปี่ชวา และปี่มอญ โดยใช้วัสดุและมีวิธีการผลิตดังนี้
วัสดุ ประกอบด้วย
ไม้ เป็นวัสดุเพียงอย่างเดียวที่ใช้ในการผลิต นิยมใช้ไม้เนื้อแข็ง ได้แก่ ไม้ชิงชันมากที่สุด ไม้เนื้ออ่อน จะมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
วิธีการผลิต มีขั้นตอนดังนี้
๑. นำไม้ขนาดเท่าตัวปี่แต่ละชนิด นำมากลึงให้ได้รูปลักษณ์ตามปี่แต่ละชนิด
๒. กว้านไส้ไม้ออก
๓. เจาะรูตามต้องการ
ช่างทำปี่มีความสัมพันธ์กับวงปี่พาทย์ในระดับหนึ่ง แต่เป็นเพียงส่วนน้อย ด้วย ปี่ เป็นเครื่องดนตรีประจำตัวนักดนตรี ชำรุดยากถ้าได้รับการดูแลอย่างดี แต่อาชีพช่างทำปี่ ยังเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับช่างพอสมควรแม้ว่าจะไม่มากนัก โดยมีช่างที่สำคัญ ได้แก่
|
ภาพ ๓ ช่างทำปี่ นายสง่า จันทร์ตรี
นายสง่า จันทร์ตรี บ้านเลขที่ ๘/๑ หมู่ ๙ ตำบลบ้านโพธิ์ อ. เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จการศึกษาสูงสุดชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ได้สืบทอดดนตรีจากบิดา จากการที่คลุกคลีอยู่กับเครื่องดนตรีไทย ประกอบกับเป็นคนที่สนใจ สังเกต จดจำ และมีความรู้ด้าน ช่างไม้ จึงเกิดแรงบัลดาลใจทดลองทำเครื่องดนตรีไทยโดยเฉพาะปี่ไทย เป็นที่ยอมรับในวงการดนตรีไทยทั่วไปด้วยมีลักษณะสวยงาม เสียงได้มาตรฐาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ นายสง่า จันทร์ตรี เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการช่างศิลปะและการช่างฝีมือ พ.ศ. ๒๕๓๓ ด้วย
นอกจากนี้ยังมีช่างทำปี่ อื่น ๆ เช่น นายเฉลียว มโนรมย์ บ้านเลขที่ ๑๓ หมู่ ๔ ตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
ช่างทำกลอง
กลอง เป็นเครื่องประกอบจังหวะที่สำคัญของวงปี่พาทย์ ลักษณะกลองแต่ละชนิด มีความแตกต่างกันออกไปทั้งรูปลักษณ์ ลักษณะการใช้งาน ในการผลิตกลองมีวัสดุและวิธีการดำเนินงาน ดังนี้
วัสดุ มีดังนี้
๑. หนัง ในการทำกลองนิยมใช้หนัง วัว หรือ หนังควาย แล้วแต่กลอง เช่น กลองทัด นิยมขึงหน้าด้วยหนังควาย ส่วนกลองอื่น ๆ เช่น ตะโพนมอญ ตะโพนไทย เปิงมาง เป็นต้น นิยมขึงหน้าด้วย หนังวัว
แหล่งจำหน่ายหนังสำหรับขึงหน้ากลอง อยู่ที่บ้านเลขที่ ๔๘/๑๒ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายสมเจตน์ สาระธรรม หรือที่ช่างทำกลองทั่วไป มักเรียนว่า “นายต๋อ” เป็นผู้จัดจำหน่ายอยู่เพียงผู้เดียว โดยจะรับซื้อหนังจากโรงฆ่าสัตว์ทั่วไปแล้วนำมาขึงตากแห้ง เพื่อจำหน่าย และเป็นแหล่งทำหนังที่มีคุณภาพดีที่สุด จึงมีผู้นิยมใช้บริการมากที่สุด โดยจะจำหน่ายหนังคุณภาพให้กับลูกค้าประจำ ที่ผลิตกลอง เช่น นายประสิทธิ์ คหินทพงษ์ นายล้วนดนตรี นายสมนึก สุขเวชกิจ เป็นต้น
๒. หุ่นกลอง คือไม้ที่เป็นโครงสร้างของกลอง กลองที่ต้องเน้นความสวยงามของหุ่น ได้แก่ กลองทัด กลองตุ๊ก กลองแขก จะใช้ไม้ที่มีคุณภาพดี ลายสวยงาม เช่น ไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ เป็นต้น ส่วนกลองที่ไม่เน้นความสวยงามของหุ่น ได้แก่ ตะโพนไทย ตะโพนมอญ เปิงมางคอก จะใช้ไม้ที่หาง่ายในท้องถิ่น เช่น ไม้ก้ามปู เป็นต้น ทั้งยังมีราคาต่ำด้วย
๓. น้ำมันเคลือบเงา ใช้ทาหุ่นกลองที่เน้นความสวยงาม
วิธีการผลิต ดำเนินการดังนี้
๑. เตรียมหุ่นกลอง นำไม้มากลึงรูปและคว้านไส้ ขัดให้เรียบ กลองที่เน้นความสวยงามของหุ่น ทาน้ำมันให้สวยงาม กลองที่ไม่เน้นความสวย ไม่ต้องทาน้ำมัน
๒. นำหนังมาตัด ตามขนาดของกลองแต่ละชนิด แล้วแช่น้ำประมาณ ๒๔ ชั่วโมงให้หนังมีความนิ่ม อ่อนตัว เพื่อความสะดวกในการขึงหน้า
๓. นำหนังที่แช่น้ำมาสะดง(วิธีการจัดวางรูปแบบ) กับหุ่น ขึงจนตึง กลองที่ไม่ใช้หนังเลียด (ทำหนังให้เป็นเส้น) ทำการตอกหมุด
๔. ทำไส้ละมาน(หนังบิดเส้นเล็ก ๆ เจาะไว้ที่หนังหน้า) สำหรับกลองประเภทตะโพนไทย ตะโพนมอญ เปิงมาง
๕. ชักเลียดหนัง นำมาร้อยสลับไปมา ขึงกำหนดเสียงตามต้องการ
<
ไม่มีความเห็น