------------------------------------------------------------------------
ในอดีตชุมชนไทยเมื่อรวมตัวกันเป็นกลุ่มได้ สิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวคนทั้งกลุ่มไว้ คือ การนับถือพระพุทธศาสนา โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางที่ให้ทั้งจริยธรรม การศึกษาและค้ำจุนให้เกิดเป็นประเพณีสืบทอดกันมา เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ กลุ่มชนทั้งหลายเมื่อรวมอยู่กันมาก ๆ ต้องมีหัวหน้า เป็นผู้ปกครองชุมชน ทำหน้าที่สำคัญในการคุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย และอยู่เป็นสุข ในที่สุดคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ความสัมพันธ์ระหว่าง ประชาชน ผู้ปกครองปวงชน และศาสนามีส่วนช่วยยึดเหนี่ยวรวมกันไว้ เสมือนกำลังในการสืบทอดความเป็นชาติ
ด้วยเหตุผลที่วัดเป็นศูนย์รวมทางสังคม จึงต้องมีหน้าที่ เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมไปโดยปริยาย โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางดนตรีไทย เนื่องด้วยดนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมไทย ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ชนทุกระดับต่างมีความผูกพันกับดนตรีมาตลอด และในส่วนของดนตรีเอง เมื่อมีคนเก่งทางดนตรีเกิดขึ้น โอกาสที่จะแสดงให้เป็นที่รู้จักทั่วไปในสังคม จำเป็นต้องพึ่งวัด เพราะกิจกรรมต่าง ๆ มักเกิดขึ้นในวัด วัดและบ้านมีส่วนพึ่งพาอาศัยกันในเรื่องดนตรีอย่างดีเสมอมา ขุนนาง พระมหากษัตริย์เมื่อว่างภาระกิจ ต้องการความสุขจากดนตรี สามารถพึ่งพาทั้งวัดและบ้าน มาช่วยงานการบันเทิง ในอดีตความสัมพันธ์ระหว่าง วังและบ้านมีให้เห็นเด่นชัด เช่น วังบางขุนพรหม ของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับบ้านดนตรีของครูจางวางทั่ว พาทยโกศล วังบูรพาภิรมย์ของสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช กับบ้านครูหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) วัดกับบ้านดนตรีที่มีความสัมพันธ์ ในอดีต เช่น วัดน้อยทองอยู่ ให้การอุปถัมภ์ครูช้อย สุนทรวาทิน เมื่อคราวบ้านท่านถูกไฟไหม้ ได้รับความอุปการะจากสมภารแสงเป็นอย่างดี ทำให้นักดนตรีในวัดน้อยทองอยู่หลายท่านประสบความสำเร็จในด้านดนตรีด้วย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันยังคงมีวัดวาอารามจำนวนมาก ด้วยในอดีตมีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา และเป็นที่ตั้งเมืองหลวงเก่า จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความเจริญทางวัฒนธรรมดนตรีปี่พาทย์ มาตลอด โดยสถานภาพของวัด มีความสัมพันธ์กับปี่พาทย์ ดังนี้
P วัดในสถานภาพ เป็นสถานที่สำหรับการดำเนินกิจกรรมทางดนตรี
ภาพของความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ ปัจจุบันยังคงเป็นความสัมพันธ์ที่ดำเนินอยู่เฉกเช่นในอดีต โดยเฉพาะวงปี่พาทย์มอญ ที่ยังมีหน้าที่บรรเลงประกอบพิธีศพมากที่สุด โดยมีรูปแบบความสัมพันธ์ดังนี้
/ วงปี่พาทย์ทั่วไป
เป็นลักษณะความสัมพันธ์ที่เกิดจาก การว่าจ้างวงปี่พาทย์บรรเลงประกอบพิธีกรรม
วงปี่พาทย์ทั่วไปทั้งในและนอกพื้นที่ สามารถรับจ้างโดยตรงต่อเจ้าภาพ ราคาว่าจ้างจึงขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างเจ้าภาพและโต้โผปี่พาทย์ วงปี่พาทย์ทั่วไปมีอิสระในการรับจ้างบรรเลงได้ตามวัด ทั่วไปทั้งในและนอกพื้นที่ด้วย
/ วงปี่พาทย์ประจำวัด
วัดหลายวัด มีการจัดรูปแบบพิธีศพให้ สะดวก ประหยัดขึ้น ในลักษณะเหมาจ่าย วัดกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตชุมชน เช่น วัดประสาท วัดเสนาสนาราม เป็นต้น การจัดพิธีศพของวัดในลักษณะนี้มีส่วนเอื้อต่ออาชีพดนตรีอีกลักษณะหนึ่ง คุณนิพนธ์ นาคหัวเพชร เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลพิธีศพของวัดเสนาสนาราม เล่าว่า เมื่อมีญาติผู้เสียชีวิตมาติดต่อจัดงาน ทางเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้จัดเตรียมทุกอย่างบริการให้ อาทิ โลงศพ ดอกไม้ และอื่น ๆ รวมทั้งปี่พาทย์ที่ใช้บรรเลงประกอบงาน
วงปี่พาทย์มอญที่ประจำวัดเสนาสนาราม มี ๒ คณะ คือ คณะสุขอุดม และคณะอาจารย์พจน์ พูนสวัสดิ์ ผลัดเปลี่ยนกันบริการในงานแต่ คณะสุขอุดมจะมีโอกาสได้บรรเลงมากกว่าเนื่องจากเป็นวงของนักดนตรีอาชีพ แต่คณะอาจารย์พจน์ พูนสวัสดิ์ เป็นวงดนตรีของสถาบันการศึกษา จึงมีโอกาสน้อยกว่าในเรื่องความพร้อมของนักดนตรี และเวลาในการบรรเลง สนนราคาที่ทางวัดจัดไว้ให้คือ ช่วงเวลา ๑๗.๐๐ น. – ๒๑.๐๐ น. ราคา ๒,๐๐๐ บาท ช่วงเวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๗.๐๐ น. ราคา ๓,๐๐๐ บาท ฉะนั้นหากบรรเลง ๒ เวลา ต่อหนึ่งงานคณะปี่พาทย์จะได้รับเงิน ๕,๐๐๐ บาท รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท เพราะวัดจะมีศพเดือนหนึ่งประมาณ ๑๕ ศพโดยประมาณแต่หากเจ้าภาพจัดหาปี่พาทย์มาเอง ทางวัดก็งดปี่พาทย์ประจำ
วัดที่มีธุรกิจฌาปนกิจศพ ดังเช่นวัดเสนาสนาราม นี้มีส่วนส่งเสริมให้นักดนตรีไทย สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้นักดนตรีไทยมีอาชีพค่อนข้างเป็นงานประจำ แม้ว่าอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ศักยภาพของนักดนตรีที่บรรเลงลดลง ด้วยปัจจัยหลาย ๆ ประการ เช่น เวลาในการบรรเลงลดน้อยลง ทำให้เพลงที่ใช้ในการบรรเลงลดน้อยลงไปด้วย การลดจำนวนนักดนตรีเพื่อให้โต้โผดำรงอยู่ได้ ทำได้โดยการจำกัดจำนวนนักดนตรี และหรือใช้นักดนตรีที่ยังเป็นเด็ก ซึ่งมีผลทำให้อัตราค่าจ้างแรงงานลดลง และปัจจัยที่สำคัญ คือ สังคมมองว่า ปี่พาทย์เป็นเพียงส่วนประกอบของพิธีกรรม จึงไม่มีผู้ใดใส่ใจในอรรถรสของดนตรี แต่ประการใด เสียงดนตรีที่เกิดขึ้น เพียงเพื่อรับกลิ่นอายของพิธีกรรมแห่งความเศร้าโศก เท่านั้น อย่างไรก็ตามยังถือว่าเป็นส่วนดีต่อวงการดนตรีไทยในบ้านเรา ที่ยังส่งเสริมให้นักดนตรีไทยในรูปแบบปี่พาทย์ประจำวัด
P วัดในสถานภาพการอุปถัมภ์วงปี่พาทย์
วัด นอกจากจะเป็นสถานที่สำหรับวงดนตรี ในการดำเนินกิจกรรมการแสดงทางดนตรีแล้ว วัด ยังมีความสัมพันธ์กับวงปี่พาทย์ ในสถานภาพการอุปถัมภ์วงปี่พาทย์ เช่น วัดไก่จ้น (อำเภอท่าเรือ) อุปถัมภ์วงปี่พาทย์คณะศิษย์วัดไก่จ้น วัดจันทาราม (อำเภอบางบาล) อุปถัมภ์วงปี่พาทย์ คณะศรสุวรรณ เป็นต้น
วงปี่พาทย์ ที่ได้รับการอุปถัมภ์จากวัดนั้น มักได้รับประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ การอุปถัมภ์ ด้านเครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์ต่างๆ ด้านงานการแสดงดนตรี ด้านการเงิน หรือแม้แต่การทำให้สถานภาพของความเชื่อถือที่ได้รับจากสังคมมีสูงขึ้น เนื่องจากความเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับนับถือในสังคม ของผู้อุปถัมภ์ดูแล ซึ่งเป็นพระสงฆ์ นั่นเอง แต่ปัจจุบัน พบว่า วงปี่พาทย์ในความดูแลของวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลายวงสูญสิ้นลงเนื่องจากขาดผู้ควบคุมดูแล เช่น การอุปถัมภ์วงปี่พาทย์คณะศรสุวรรณ ของพระครูสุนทรโสตถิคุณ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม(อำเภอบางบาล) เมื่อท่านมรณะภาพแล้วทำให้วงปี่พาทย์คณะศรสุวรรณขาดผู้อุปถัมภ์ไป วงปี่พาทย์อื่น ๆ ที่ได้รับการอุปถัมภ์ก็เช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไป ผู้อุปถัมภ์สิ้นลง การอุปถัมภ์ค้ำชูก็หายไป ตามสภาพความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และสังคม
P วัดในสถานภาพ เจ้าของวงดนตรี
นอกจากวัดจะมีสถานภาพเป็นสถานที่แสดงดนตรีไทย เป็นผู้อุปถัมภ์ดนตรีไทย แล้ว พบว่า วัดหลายวัดยังเป็นแหล่งให้ความรู้ด้านดนตรี และบริการวงปี่พาทย์ในรูปแบบ วงปี่พาทย์ของวัด เช่น วงปี่พาทย์วัดชุมพลนิกายาราม (อำเภอบางปะอิน) วงปี่พาทย์วัดพรมนิวาส (อำเภอพระนครศรีอยุธยา) เป็นต้น
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันมีวัดที่มีวงปี่พาทย์เป็นของวัด คือ วัดบางเพลิง ตั้งอยู่ที่
ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วย วัดบางเพลิง นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนาแล้ว ยังมีกิจกรรมช่วยเหลือสังคม โดยอุปการะเด็กชาวไทยภูเขา เผ่าต่าง ๆ เช่น อาข่า ลีซอ อีก้อ เย้า มูเซอ เป็นต้น จำนวนประมาณ ๑๐๐ คน ทั้งหมดมาจากจังหวัดเชียงราย เป็นชาย ๕๖ คน หญิง ๔๔ คน อายุตั้ง ๔ - ๑๔ ปี โดยส่งเสริมให้ศึกษาในระดับสามัญทั้งระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ในเวลาว่าง วันหยุด วัดได้จัดกิจกรรมโครงการพัฒนาอาชีพเสริม หลาย ๆ อาชีพ รวมทั้งดนตรีไทยที่ส่งเสริมให้เด็กในอุปถัมภ์ของวัด เรียนได้ตามความสมัครใจ พร้อมทั้งตั้งวงปี่พาทย์คณะ “เสียงจากดอย” ขึ้น เพื่อให้เด็กที่เรียนดนตรีได้ใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อแสดงความสามารถทางดนตรีไทย และเป็นการหารายได้ให้ตนเอง และช่วยเหลือวัดในการอุปการะเด็กอื่นด้วยอีกทางหนึ่ง
วงปี่พาทย์คณะ เสียงจากดอย มีเครื่องดนตรีประกอบด้วย วงปี่พาทย์ไทย ๑ ชุด วงปี่พาทย์มอญจำนวน ๑ ชุด (ฆ้องมอญจำนวน ๘ โค้ง) รับบริการงานศพทั่วไป ประกอบด้วยสมาชิก ทั้งเด็กไทยภูเขาและเด็กพื้นราบทั่วไปที่สามารถเล่นปี่พาทย์ได้ในวง จำนวน ๑๑ คนดังนี้
๑. นายสมบัติ เฌอหมื่อ อายุ ๑๕ ปี
๒. นายมู่หยง เฌอหมื่อ อายุ ๑๕ ปี
๓. เด็กชายมู่ยู เฌอหมื่อ อายุ ๑๑ ปี
๔. เด็กหญิงหนีมา ฮีจุง อายุ ๑๑ ปี
๕. เด็กชายปียู ฮีจุง อายุ ๑๑ ปี
๖. เด็กหญิงเพ็ญศรี เฌอหมื่อ อายุ ๑๑ ปี
๗. เด็กหญิงบุษราคัม ขุนไพร อายุ ๑๑ ปี
๘. เด็กชายสายัญ เฌอหมื่อ อายุ ๑๑ ปี
๙. เด็กชายใหม่ พ่อค้าข้าว อายุ ๑๒ ปี
๑๐. นายหนึ่ง พ่อค้าข้าว อายุ ๑๕ ปี
๑๑. เด็กชายเบริด์ พ่อค้าข้าว อายุ ๑๒ ปี
การบริหารจัดการวงปี่พาทย์คณะ เสียงจากดอย อยู่ในความควบคุมดูแลของ พระปลัดแฉล้ม ฐานวโร เจ้าอาวาส ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๔๘๒ มีบรรพบุรุษเป็นนักดนตรีปี่พาทย์ สืบทอดต่อมาตั้งแต่รุ่นปู่เฉื่อย พ่อค่าข้าว พ่อหวาน พ่อค้าข้าว และนายแฉล้ม พ่อค้าข้าว ซึ่งได้รับเครื่องดนตรีปี่พาทย์ไทยและปี่พาทย์มอญ ต่อจากบิดา และประกอบอาชีพปี่พาทย์มาตลอด นอกจากนี้ยังเคยเป็นนักแสดงโขนสด ของคณะวัดหรรสังข์ อำเภอบางปะหันด้วย จนกระทั่งเมื่อท่านอายุได้ ๔๐ ปี จึงทำการอุปสมบทอีกครั้ง และภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางเพลิง ในตำแหน่งพระปลัดแฉล้ม ฐานวโร ด้วยที่ในอดีตเคยเป็นนักดนตรีไทย จึงเป็นแรงจูงใจสำคัญที่สนับสนุนกิจกรรมด้านดนตรีขึ้นในวัด จากเครื่องดนตรีที่มีอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว
การจัดการเรียนการสอนของวงปี่พาทย์คณะ เสียงจากดอย ในระยะแรกทำการสอนโดยพระปลัดแฉล้ม และว่าจ้างครูดนตรีมาสอนด้วย จนเด็กชาวเขารุ่นแรก สามารถปฏิบัติดนตรี แสดงในงานต่าง ๆ ได้ ต่อมาจึงใช้วิธีการสอนแบบพี่สอนน้อง มาตลอด ปัจจุบันยังมีศิษย์ในรุ่นแรก ทำการสอนน้องในรุ่นปัจจุบัน ได้แก่ นางสาวรัญชิดา เฌอหมื่อ เป็นชาวเขาเผ่าอาข่า ที่เข้าร่วมโครงการ มานานหลายปี จนมีความสามารถสอนน้อง และดูแลความเรียบร้อยของวงปี่พาทย์เสียงจากดอยได้อย่างดี
การบริการวงปี่พาทย์คณะเสียงจากดอย จะให้บริการ ทั้งวงปี่พาทย์ไทยและวงปี่พาทย์มอญ กับชุมชนทั่วไปโดยไม่เรียกร้องราคาสุดแต่ผู้ว่าจ้างจะให้ ซึ่งเคยได้รับตั้งแต่ ๗,๐๐๐ - ๒๕,๐๐๐ บาท จ่ายค่าแรงงารนให้กับเด็ก ตั้งแต่ ๑๐๐–๕๐๐ บาท ตามแต่ความสามมารถ ส่วนที่เหลือนำไปเป็นค่าอาหารเลี้ยงเด็กชาวเขาในวัด
วัดบางเพลิง เป็นวัดเดียวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ยังคงให้ความอุปถัมภ์ ดนตรีไทย ในรูปแบบวงปี่พาทย์ของวัด และจัดกิจกรรมทางดนตรีให้เด็กไทยภูเขาและเยาวชนทั่วไปที่สนใจได้ศึกษา ซึมซับวัฒนธรรมด้านดนตรีไทย จนสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเลี้ยงตนเองได้ วงปี่พาทย์ของวัดวงอื่น ๆ ไม่สามารถคงอยู่ได้ด้วยสภาพที่เป็นสถาบันทางศาสนา วงปี่พาทย์ของวัดจึงไม่มีผู้สืบทอด เฉกเช่นวงปี่พาทย์ของชาวบ้านทั่วไป จึงพบว่า วงปี่พาทย์วัดพรมนิวาส เมื่อพระครูพรหมวิหารกิจ มรณะภาพ วงปี่พาทย์ของวัดก็ต้องมีอันต้องยุบวงไป
ความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับปี่พาทย์ ปัจจุบันคลี่คลายลงไปมาก แม้กระทั่งปี่พาทย์มอญที่มีบทบาทอย่างเหนียวแน่นในพิธีศพ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ด้วยสังคมเห็นว่า เป็นการสิ้นเปลือง การใช้แถบบันทึกเสียงปี่พาทย์มอญ ดูจะเป็นการประหยัดกว่า ปี่พาทย์ เป็นเพียงส่วนประกอบของพิธีกรรม ไม่มีผู้ใดใส่ใจในอรรถรสของดนตรี แต่ประการใด เสียงดนตรีที่เกิดขึ้น เพียงเพื่อรับกลิ่นอายของพิธีกรรมแห่งความเศร้าโศก เท่านั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ภาพความสัมพันธ์ของวัดกับปี่พาทย์คลี่คลายลง อย่างเห็นได้ชัด ยากที่จะหาผู้ใดช่วยแก้ไข
ไม่มีความเห็น