สรุปบทเรียน การทดลองปฏิบัติราชการ ณ สำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร (ตอน1)
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มารายงานตัว ณ สำนักงานจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยต้องทดลองปฏิบัติราชการตามที่สำนักงานก.พ.กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับการพัฒนาเพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการและเป็นข้าราชการที่ดีรองรับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 59 โดยทางก.พ.ได้กำหนดมาตรฐานการพัฒนาข้าราชการระหว่างทดลองปฏิบัติราชการเป็น 3 ช่วง ดังนี้ ช่วงที่ 1 การปฐมนิเทศ ช่วงที่ 2 การฝึกอบรม และช่วงที่ 3 การเรียนรู้ด้วยตนเอง นั้น
ซึ่งเมื่อวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาก็ได้เข้าอบรมในช่วงที่ 1 การปฐมนิเทศ ณ กรมส่งเสริมการเกษตรเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนการอบรมช่วงที่ 2 “การเสริมสร้างสมรรถนะและทักษะงานส่งเสริมการเกษตร”(14 วัน โดยประมาณ)และการเข้าฝึกอบรมช่วงที่ 3 หลักสูตร “การเรียนรู้ด้วยตนเองจากเอกสารของสำนักงาน ก.พ.” นั้นจะมีหนังสือแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลังจากได้ทดลองปฏิบัติราชการ 45 วันทำการ
ดังนั้นทางกรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดกรอบการทดลองปฏิบัติราชการ ไว้ดังนี้
หลักการ
1.จัดประสบการณ์ให้เป็นระบบและกระบวนการที่ต่อเนื่อง
2.ให้มีการฝึกสถานการณ์จริงให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
3.สร้างสัมพันธภาพที่ดีให้ระหว่างข้าราชการบรรจุใหม่ ข้าราชการเก่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4.พัฒนาคุณภาพข้าราชการใหม่ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ข้าราชการบรรจุใหม่มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะและประสบการณ์ ตรงตามสมรรถนะตำแหน่งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ระดับปฏิบัติการอย่างแท้จริง
ซึ่งการทดลองปฏิบัติราชการ 45 วันทำการนั้น ต้องปฏิบัติราชการอยู่ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร 35 วันทำการ และสำนักงานเกษตรอำเภอลานกระบืออีก 10 วันทำการก่อนเข้ารับการอบรมช่วงที่ 2 และช่วงที่ 3
โดยการทดลองปฏิบัติราชการที่ผ่านมา ทีมวิทยากรพี่เลี้ยง(คุณเขียวมรกต-ฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ คุณสิงห์ป่าสัก-กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร คุณเสนาะ ทนันชัย-กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต และคุณนิธินนท์ การินทา-ฝ่ายบริหารงานทั่วไป) ได้วางแผนกระบวนการฝึกปฏิบัติในแต่ละกลุ่ม/ฝ่าย ดังนี้
วันที่ 16-20 ก.พ.52 เรียนรู้งานรวม 4 กลุ่ม/ฝ่าย
วันที่ 23-27 ก.พ.52 เรียนรู้งานกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร
วันที่ 2 - 6 มี.ค.52 เรียนรู้งานฝ่ายบริหารงานทั่วไป
วันที่ 9-13 มี.ค.52 เรียนรู้งานกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต
วันที่ 16-20 มี.ค.52 เรียนรู้งานฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ
วันที่ 23-27 มี.ค.52 ประเมินผลแบบมีส่วนร่วม WORK SHOP ย่อย
วันที่ 30 มี.ค.-3เม.ย.52 นำเสนอผลการปฏิบัติงาน,จัดทำรายงาน-สรุป
วันที่ 7-23 เม.ย.52 ลงปฏิบัติงานอำเภอ 10 วันทำการ
ตลอดระยะเวลาของการฝึกปฏิบัติราชการที่ผ่านมา(ประมาณ 30 วันทำการ) ได้ร่วมปฏิบัติงานกับพี่ๆทีมงานของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์,ทักษะ,เทคนิคต่างๆ ได้เรียนรู้งานของแต่ละกลุ่ม/ฝ่าย ได้เรียนรู้งานในภาคสนาม(การปฏิบัติงานในพื้นที่) อีกทั้งยังได้พบเจอพูดคุยกับเกษตรกรในแต่ละอำเภอของจังหวัดกำแพงแพง รู้ถึงพื้นที่ทางการเกษตร,ชนิดของพืชที่ปลูกในแต่ละอำเภอ เห็นปัญหาของเกษตรกรในหลายๆด้าน รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเกษตรกรอีกด้วย ซึ่งพอจะเขียนสรุปรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆที่ได้ปฏิบัติไว้ดังนี้
แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเกษตรกร(มืออาชีพ)
เมื่อวันที่ 23 ก.พ.52 ที่ผ่านมาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการถอดบทเรียนของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง โดยได้เข้าร่วมกับพี่ๆทีมงานของสำนักงานจังหวัดกำแพงเพชรและพี่ๆจากกรมส่งเสริมการเกษตร ถอดบทเรียนการผลิตมันสำปะหลังของคุณวันเพ็ญ สิงห์สร้อย ที่ ต.สักงาม อ.คลองลานโดยเทคนิคของคุณวันเพ็ญจะเป็นการใช้ปุ๋ยชีวภาพเร่งต้น-ใบ(ไม่ว่าจะเป็นสูตรหอย,ฮอร์โมนไข่) การใช้สารซุปเปอร์เทอร์โบแช่ท่อนพันธุ์เพื่อเร่งรากและกันแมลง การปลูกถั่วเขียวบำรุงดิน การเลือกขนาดของท่อนพันธุ์(เท่ากับเหรียญ ห้าบาท) การให้น้ำก่อนปลูกและการให้น้ำเมื่อมันมีอายุได้ 7 เดือน โดยมีรายละเอียดของการถอดองค์ความรู้ ดังนี้
การถอดองค์ความรู้เรื่องประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง
เกษตรกรชื่อ คุณวันเพ็ญ สิงห์สร้อย อายุ 36 ปี ที่อยู่เลขที่ 189 ม. 1 ต.สักงาม อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร สถานภาพทางสังคม สมาชิกอบต.สักงาม ประสบการณ์เกี่ยวกับมัน 8ปี และที่ประสบความสำเร็จได้ผลผลิตมันดีในช่วง 3 ปีหลัง ซึ่งตลอดระยะเวลาการปลูกมัน คุณวันเพ็ญให้ความสำคัญต่อขั้นตอนต่างๆดังนี้(ให้คะแนนเต็มสิบ)โดยจะให้ความสำคัญในด้านของพันธุ์ การดูแล,การจัดการก่อนการเก็บเกี่ยวมากที่สุด(เท่ากับ 10 คะแนน) รองลงมาจะเป็นเรื่องของดินและศัตรูพืช(คะแนนเท่ากับ 8 เท่ากัน) ให้ความสำคัญน้อยที่สุดจะเป็นเรื่องของการกำจัดวัชพืช(เท่ากับ 7 คะแนน)
ลักษณะพื้นที่ปลูก
-ประวัติการใช้ที่ดิน อดีตเคยปลูกกล้วยไข่ แต่เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาได้หันมาปลูกมันสำปะหลังแทน โดยเคยใช้พันธุ์น้องแบม ,ระยอง 7,ห้วยบง 60 มาแล้ว แต่ได้ผลผลิตไม่ดีประมาณ 2 ตัน/ไร่ ปัจจุบันจึงหันมาปลูกพันธุ์ระยอง 5(เพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่เกษตรแนะนำ)ปัจจุบันได้ผลผลิต 8.7 ตัน/ไร่ มีการปลูกถั่วเขียวบำรุงดิน 3 ปี/ครั้ง(ไถกลบตอนออกดอกอายุประมาณ 45วัน)
-พื้นที่ปลูก เป็นที่ราบลุ่ม น้ำไม่ขัง มีการระบายน้ำดี แต่ถ้ามีฝนตกชุกติดต่อกัน 7 วัน อาจทำให้น้ำท่วมขัง ทำให้ผลผลิตเสียหายได้
-ลักษณะดิน เป็นดินร่วนปนทราย มีคุณสมบัติระบายน้ำดี
การเตรียมดิน
การไถ ใช้ผาน 3 โดยจะทำการไถหลังเก็บเกี่ยวมัน ไถลึก 30-40 ซม. และทำการพักดินหลังไถผาน 3 แล้วประมาณ 15 วัน ถ้านานกว่านี้จะมีปัญหาวัชพืช แต่ถ้าปลูกหนีน้ำหรือกรณีรีบปลูก ไม่ต้องพักดินก่อนยกร่องก็ได้ จากนั้นใส่ปุ๋ยอินทรีย์(ของอบจ.)ใส่อัตรา 1 กระสอบ/ไร่ การยกร่องความกว้าง 80 ซม. เป็นการกลบปุ๋ยอินทรีย์ไปด้วย และเกี่ยวกับการให้น้ำ คือช่วยทำให้น้ำไม่ท่วมขัง มีผลต่อการเจริญเติบโตของมัน ซึ่งถ้าร่องใหญ่ หัวมันก็จะมีขนาดใหญ่
การเตรียมพันธุ์
ใช้พันธุ์ระยอง 5 เพราะนำมาปลูกในพื้นที่แล้วได้ผลดี ซึ่งพันธุ์นี้มีเพื่อนบ้านแนะนำ และตัวเกษตรกรเองก็ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมประจำตำบลแล้ว แหล่งที่มาของท่อนพันธุ์ในช่วงแรกซื้อมาและในปีต่อมาเก็บท่อนพันธุ์ไว้ใช้เอง(ซื้อท่อนพันธุ์มา 2,000 บาท ใช้ได้ 6ไร่) โดยการเลือกท่อนพันธุ์ที่ใช้ทำพันธุ์นั้น เลือกต้นพันธุ์ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์ผ่านกลางประมาณ 1 ซม. (เท่ากับนิ้วโบ้หรือเท่ากับเหรียญห้าบาท ) เลือกเฉพาะส่วนที่เป็นสีน้ำตาล ไม่เอาส่วนที่เป็นสีเขียวเลย เพราะมีความเหมาะสมในการใช้เป็นท่อนพันธุ์ ทั้งในเรื่องอายุและความสมบูรณ์ โดยอายุของท่อนพันธุ์จะขึ้นอยู่กับอายุการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะตัดท่อนพันธุ์ก่อนเก็บเกี่ยว 15 วัน ตัดเป็นท่อนยาวๆก่อน (วัดจากยอดประมาณ 50 ซม.จากส่วนที่แตกหน่อขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว แต่ถ้ามีส่วนสีเขียวก็ตัดออก) แล้วนำมารวมกันโดยการตั้งไว้ ซึ่งการเก็บท่อนพันธุ์นั้นจะเก็บไว้ไม่เกิน 15 วัน ต้องนำไปปลูก เพราะถ้าเก็บไว้นานจะส่งผลถึงผลผลิต การตัดท่อนพันธุ์จะใช้เลื่อยวงเดือนซึ่งฉุดด้วยมอเตอร์รถไถเดินตาม ตัดในลักษณะตรงไม่ดูจำนวนตา เพราะจะออกรากรอบบริเวณรอยตัดและจะแตกตา 2-3 ตา แต่ถ้าตัดเฉียงรากจะงอกแค่ข้างเดียวและจะแตกตามากกว่า จะตัดท่อนพันธุ์ยาว 20-25 ซม.ตัดคราวละ 10 ต้น จากนั้นนำท่อนพันธุ์ที่ตัดแล้วมาชุบสารซุบปอร์เทอร์โบ อัตรา 2 กก./น้ำ 200 ลิตร ต่อท่อนพันธุ์ทีใช้ปลูก 24 ไร่ โดยทำการหมักสารไว้ก่อน 1 คืน นำท่อนพันธุ์มาชุบสารที่หมักไว้ แค่ให้เปียกนำไปใส่กระสอบแล้วจึงปลูก ซึ่งสารซุปเปอร์เทอร์โบมีบริษัทเข้ามาแนะนำว่าผลิตจากดินภูเขาไฟ ช่วยให้รากแตกดี และแมลงไม่กิน ไม่มีสารพิษตกค้าง ซึ่งเกษตรกรลองใช้แล้วได้ผลดีมาตลอด สามารถกันมอด,ปลวก และรากก็แตกมาก โดยในช่วงแรกใช้คลุกกับข้าวงอกก่อนนำไปหว่าน เพื่อป้องกันหอยเชอร์รี่ ต่อมาจึงได้ทดลองใช้กับมันสำปะหลัง
วิธีการปลูก
ปลูกต้นฤดูฝน ปลูกเดือน ก.พ. ปักท่อนพันธุ์ในลักษณะตั้งตรง โดยคุณวันเพ็ญบอกว่า ปักลึกลงไปในดิน 1 ใน 3 ของความยาวท่อนพันธุ์ (ประมาณ 10 ซม.) ปักกลางร่อง ระยะปลูกระหว่างต้น 30 ซม. ระหว่างร่อง 80 ซม.
ระบบน้ำ
แหล่งน้ำ อาศัยน้ำฝน แต่ถ้าเกิดฝนแล้งและมันอายุ 7 เดือน จะให้น้ำ 1 ครั้ง โดยสูบจากคลองสวนหมากแล้วปล่อยตามร่องจนเต็มพื้นที่ ทำให้ดินชุ่มชื้น หัวมันจะขยายเร็วขึ้น-มีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะสามารถดูดธาตุอาหารจากดินได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ขุดหัวมันง่ายขึ้น
การกำจัดวัชพืช
ฉีดยาคุมหญ้าหลังปักท่อนพันธุ์ หลังจากนั้นไม่ต้องกำจัดวัชพืชอีก โดยใช้ยาคุมหญ้า 1 ขวดครึ่งต่อ 24 ไร่ ซึ่งสาเหตุที่ทำการกำจัดวัชพืชเพียง 1 ครั้งเพราะมีการให้ปุ๋ยชีวภาพทางใบ(ปุ๋ยน้ำชีวภาพและฮอร์โมนไข่)ทำให้มันแตกใบเร็วและเจริญเติบโตดี คลุมไม่ให้วัชพืชได้รับแสงแดด ทำให้วัชพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แต่ถ้าบริเวณที่มันเจริญเติบโตไม่ดี มีหญ้าขึ้นจะใช้วิธีดายหญ้าโดยใช้แรงงานคนแทน
การให้ปุ๋ย
ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เพราะเคยใช้แล้วดินแข็งแน่น เป็นก้อนใหญ่ จึงหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะช่วยทำให้ดินดี ร่วนซุยและยังใช้ปุ๋ยน้ำเร่งการเจริญเติบโตของต้น อัตราส่วน 250 มล./น้ำ 25 ลิตร ฉีดในพื้นที่ 24 ไร่ ฉีดเมื่อเริ่มแตกใบ 2-3 ยอด หรือใบมีความยาวประมาณ 15 ซม.ทุก 15 วัน หยุดฉีดเมื่อใบเป็นมัน เขียวเข้มและเจริญเติบโตรวดเร็ว(ประมาณ 3 เดือน) แล้วฉีดฮอร์โมนไข่แทน เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของหัวมัน โดยฉีดพ่นทางใบทุก 15 วันอัตราส่วนฮอร์โมนไข่ 50 มล./น้ำ 25 ลิตร จนกระทั่งมันมีอายุ 7 เดือน จึงหยุดการใช้ฮอร์โมนไข่ เพื่อไม่ให้หัวมันได้รับฮอร์โมนมากเกินไป จนหัวมันแตกเสียหายได้ ส่วนแนวคิดของการทำฮอร์โมนไข่มาจากการใช้ฮอร์โมนในการเลี้ยงกบของลุงสุชาติ ซึ่งเป็นบิดา
การเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวเดือน ม.ค. เมื่อมันมีอายุ 11 เดือน 9 วัน แต่ถ้าในกรณีฝนตกชุก จะเก็บเกี่ยวก่อนอายุวิธีการเก็บเกี่ยวนั้นจะใช้รถไถผานหัวหมู
ต้นทุนการผลิต
ค่าจ้างไถ 450 บาท/ไร่(2 ครั้ง)
ค่าจ้างปลูก 200 บาท/ไร่
ค่าจ้างตัดท่อนพันธุ์ 50 บาท/ไร่
ค่าจ้างเก็บเกี่ยว (ขุดหัวมัน+เก็บหัวมัน) 270 บาท/ไร่
ค่าปุ๋ยอินทรีย์ 250 บาท/ไร่
ค่าซุปเปอร์เทอร์โบ 10 บาท/ไร่
ค่ายาคุมหญ้า 16 บาท/ไร่
ข้อมูลโดยคุณวันเพ็ญ สิงห์สร้อย