ในหัวข้อความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว และบทบาทของแพทย์ภายหลังคนไข้เสียชีวิต กิจกรรมต่อเนื่องกัน เพราะเป็นประเด็น grief & bereavement ความเศร้าโศกและการเยียวยา
กิจกรรมเริ่มจากให้พี่ฟ่ง..คุณกานดาวศรี ตุลาธรรมกิจ พยาบาลที่มีประสบการณ์ให้ความช่วยเหลือคนไข้ระยะสุดท้ายและครอบครัวอย่างยาวนาน เล่าเรื่องครอบครัวคนไข้ภายหลังเสียชีวิตและการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งมีทั้งครอบครัวที่ประสบปัญหาและประสบความสำเร็จ
บทบาทของแพทย์คือ ต้องวินิจฉัยให้ได้ว่า ครอบครัวใดเป็นครอบครัวที่มีแนวโน้มจะมีปัญหา หรือมีโอกาสจะโศกเศร้าผิดปกติ (complicated/pathologic grief) ที่ต้องได้รับการดูแลรักษา ต้องแยกให้ออกจากครอบครัวที่มีความเศร้าปกติ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของคนเราเมื่อต้องสูญเสียระดับนี้
หลังจากนั้น ผมก็ให้เล่นเกมส์ ที่เป็นการจำลองให้ได้สัมผัส เสี้ยวหนึ่งของความสูญเสีย
ผมแจกกระดาษสี ๔ สีๆละ ๔ แผ่นให้น้องหมอทุกคน เกมส์นี้มีอาจารย์ขอร่วมเล่นด้วย โดยให้แต่ละคนเขียนสิ่งต่อไปนี้ในกระดาษแต่ละสี สีละประเด็น
หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ผมสมมุติว่า ถ้าแต่ละคนไม่สบายแล้วจำเป็นต้องทิ้งของสำคัญเหล่านี้ อย่างละ ๑ สิ่งเพื่อแลกกับสุขภาพที่ดีขึ้น โดยขอให้แต่ละคนเลือกทิ้งกระดาษสีละหนึ่งใบ ให้เลือกเอง
แล้วผมก็สมมุติต่อว่า ถ้าโรคที่เราเป็นกลับไม่ดีขึ้น แถมทรุดลงจนต้องทิ้งสิ่งสำคัญเหล่านี้ไปอีก แต่คราวนี้เราไม่มีโอกาสเลือก ผมให้จับคู่กันแล้วให้เพื่อนข้างๆ เลืิอกดึงกระดาษที่เหลืออยู่ ๑๒ ใบออกครึ่งหนึ่งคือ ๖ ใบ จะสีอะไรก็ได้
แล้วผมก็ให้แต่ละคนดูกระดาษ ๖ ใบที่เหลืออยู่ แล้วเล่าความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างเล่นเกมส์นี้
ประเด็นที่เกิดขึ้น
ครับ แม้แต่เป็นเหตุการณ์สมมุติ เราก็มีความรู้สึกและอารมณ์กับความสูญเสียกันแล้ว
น่าสนใจนะคะ เกมส์นี้
พี่แก้วลองเอาไปเล่นดูก็ได้ครับ ผมพยายามอธิบายวิธีการอย่างละเอียด เพื่อคนอ่านสามารถนำไปปรับใช้เองได้เลยครับ ปรับแก้อย่างไรก็เขียนมาเล่าเป็นการต่อยอดด้วยครับพี่
เกมนี้เล่นได้หลายมิติดี
ผมเล่นครั้งแรกตอนไป intensive ที่สิงคโปร์ (palliative care) ตอนที่ "ไพ่เด็ด" เราถูกดึงออกไปนั้น เป็น "ความรู้สึกสะเทือนใจที่อับจนปัญญา" อย่างบอกไม่ถูก (ฉะนั้น ถ้าจะเล่นเกมนี้ให้ดี ตอนให้ทุกคนเขียนการ์ด อาจจะต้องมีสมาธิดีๆหน่อย หรือทางที่ดี ไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเล่นเรื่องการสูญเสีย จะได้ไม่มีใคร "กั๊ก" ของรักตัวเองไว้)
นอกเหนือจากเรียนรู้เรื่องความรู้สึกสูญเสียแล้ว ถ้ามีเวลา เรายังสามารถให้คนลองพยายาม "cope" หรือ "เผชิญ" กับความสูญเสียนั้นว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตรงนี้ ให้ลองอธิบายเป็น strategy ที่จับต้องได้ และ practical จะเห็นและเข้าใจเหตุการณ์จริงได้มากย่ิงขึ้น เช่น ชอบออกกำลังกาย แต่ตอนนี้เป็นมะเร็ง ต้องตัดขาไปแล้ว weak มาก จะทำอย่างไร
ต่อเมื่อเรา "รู้จัก" ความสูญเสียและความเจ็บปวด เราจึงจะสามารถรู้สึกในน้ำหนักของงานของเรา ความอยากที่จะช่วย และเกินไปกว่านั้น อาจจะถึงขั้น "อุเบกขา" ได้ เมื่อไพ่ในมือเราเหลืออะไรก็ตาม สิ่งสุดท้ายที่เรามีก็คือ "ปัญญา" เท่านั้น
คิดต่อได้อีกนิดนึง
ถ้าหลังจากที่เขียนไพ่ครบสำรับ ที่ที่แต่ละคนถืออยู่ น่าจะเรียกได้ว่าเป็น "สุขภาวะกำเนิด (salutogenesis)" หรือ "ต้นทุนความสุข" ของแต่ละคน อาจจะลองให้นำเอาทั้งหมดมาเขียนเป็น "ชีวิตจำลอง" คือสร้างชีวิตที่มีพื้นฐานจากไพ่เหล่านี้ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น หลังจากนั้น พอไพ่หลุดไปแต่ละใบ ก็ลองเขียน script ให้ชีวิตนี้ใหม่ โดยสาเหตุของไพ่หลุดให้เกิดจากความเจ็บป่วย โรคแทรกซ้อน และส่ิงที่เกิดขึ้นกับบริบทรอบข้าง (สูญเสียงาน ลูก ภรรยา อวัยวะ ฯลฯ) ลองเขียนความคิด ความรู้สึกของ "ตัวเอก" ในละครสั้นนี้ลง สุดท้าย แต่ละท่าน อาจจะได้เรื่องราว palliative care ที่สมบูรณ์ แต่คนละ mechanisms ในการ cope ลงหลากหลายเรื่องราว แล้วนำมา share กัน (ถ้าเป็น workshop หลายวัน อาจจะให้ทำข้ามคืน ข้ามวัน แล้วลองนำประเด็นหลักมาสะท้อนวันรุ่งขึ้น หรือวันสุดท้าย)
อิ อิ คิดถึงพี่เหมือนกัน เวลาได้ยินว่างานเข้าครับ!
อาจจะเอาชุดใหญ่ไปใช้ ตอน workshop ของกสพท. (dialogue) เพื่อให้อาจารย์แพทย์ empathy ลงไปในเรื่องราวมากขึ้น ทำเป็นสามคืน (อาจจะช่วงกลางคืน คืนละ 1/2 ชม.)
เดี๋ยวจะ tag บทความทั้งหมดด้วย ms-pcare ครับ (ขอเบิกเบี้ยเลี้ยงค่าแฮมเบอเกอร์เนื้อจิงโจ้ด้วยได้ไหมเนี่ย)
PS: ผม tag บทความก่อนหน้านี้ ที่เราจะเริ่ม project ที่เกี่ยวกับ palliative care ด้วย MS-PCARE ได้รึเปล่าครับ? ดูๆแล้วเราจะได้มีบทความ palliative care เป็นผลงานของ project นี้ในปริมาณพอสมควร
พี่เขี้ยวครับ
อ่านแล้วรู้สึกอยากเรียนรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์จริงๆครับ