เมื่อ CEO (Chief Executives Officer) คือ ผู้บริหารที่มีอำนาจการจัดสินใจแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นก็ควรจะที่จะมีการละอายชั่ว กลัวบาป หรือที่เรียกว่า หิริ โอตตัปปะแบบเบ็ดเสร็จอยู่ในตนเองด้วย...
ครั้นที่ผู้บริหารต้องคิด ต้องวางแผน ต้องทำงาน ต้องตัดสินใจ และอำนาจการตัดสินใจอยู่ในตัวของตัวเองนั้น หากสามารถคิดได้ ระลึกได้ ซึ่งการเกรงกลัวต่อบาป ละอายต่อความชั่วได้ด้วยตัวของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องกลัวว่ากฎหมายจะมาลงโทษไหม คนอื่นจะรู้ไหม ใครจะเห็นไหม ถ้านึกและละอายใจด้วยใจของตนเองได้ ย่อมเป็นผู้บริหารที่ดีจริง
ละอายชั่วกลัวต่อการละเมิดกฎ ข้อบังคับ กติกาของสังคม
กลัวบาป กลัวกรรมต่อการคอรัปชั่น การโกงประเทศ
การเป็น CEO ที่มีอำนาจที่จะรับผิดชอบต่อการกลัวสิ่งที่ผิดนี้จะพาองค์กรให้ก้าวไกลอย่างมั่นคง...
เมื่อผู้บริหารสูงสุด มีจริยธรรมนำชีวิตอย่างสูงสุด องค์กรนั้นย่อมเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตามไปด้วย
ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม
นอกจากองค์กรที่ก้าวอย่างและมีกำไรแล้ว
จิตใจของผู้บริหารย่อมแจ่มใส ร่าเริง เบิกบาน สำราญใจ เพราะไม่มีสิ่งที่เคยทำผิด เคยทำชั่ว มีคอยติดติงใจ มาคอยทำให้ใจต้องรู้สึกละอายอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน
หากผู้บริหารสูงสุดดี มีจริยธรรม เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณให้กับลูกน้องได้
“หัวไม่ส่าย หางย่อมไม่กระดิก...”
ลูกน้องก็จะเดินตรง ก้าวตามเป็นทิวแถว
เมื่อ CEO ละอายชั่ว กลัวบาป
ลูกน้องก็ย่อมละอายชั่ว กลัวบาป ตามไปด้วย
ผู้นำ ต้องเป็นผู้นำทั้งกายและใจ หากเป็น CEO ที่ละอายชั่วกลัวบาปได้ ย่อมก้าวสู่ด้วยความมั่นคง...
ยกนิ้วให้ เรื่องนี้