จ้างฮิ..จ้างออม...ปายหน้าสบาย


แนวคิดวิถีชีวิตพอเพียง...สร้างทักษะชีวิตสู่อนาคตที่มีภูมิคุ้มกัน

                               

                                   

                                          3

หนังสือถอดบทเรียนเศรษฐกิจพอเพียง เล่มที่ ๙ ของโรงเรียนปรินซ์รอแยลวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ที่สรส.โดยการสนับสนุนของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ ฯ ได้มุ่งเน้นการถ่ายทอดประสบการณ์ ใน การสอดแทรกหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เข้าไปผสมผสานกับแนวทางการศึกษาของโรงเรียนในเรื่อง "การศึกษา คือการพัฒนาบุคลิกและอุปนิสัย " ในแบบฉบับของโรงเรียนใหญ่ในเมือง ที่ไม่มุ่งเน้นกิจกรรมด้านการเกษตรมากนัก เนื่องจากภูมิสังคมแตกต่างกับโรงเรียนในชนบท แต่นำวิธีคิดของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้อย่างเนียนๆกับวิถีชีวิตจริง ซึ่งอยู่ในกระแสของการบริโภคที่ฟุ้งเฟ้อ อาจสุ่มเสี่ยงต่อความเป็นอยู่ประจำวัน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างมาก....

          โครงการ จ้างฮิ..จ้างฮอม...ปายหน้าสบาย (รู้หารายได้ รู้เก็บออม ภายหน้าสบาย) เป็นโครงการที่เกิดจาก การที่นักเรียนได้สังเคราะห์หลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิต โดยมีเป้าหมายให้เด็กฝึกการรู้จักทำมาหากิน วางแผนการจำหน่ายสินค้า การลงทุน การผลิต และการออม เป็นปัจจัยหลัก เช่น ...

 

             - โรงเรียนได้จัดให้มีตลาดนัด หรือกาดโก้งโค้ง ที่มีพ่อค้า แม่ค้าเป็นนักเรียน นั่งขายของนานาชนิด ทั้งของกิน ของใช้ สมุด หนังสือ ฯลฯ มีการต่อรองราคาอย่างสนุกสนาน อีกทั้งมีเทคนิคการลดแลกแจกแถม ซึ่งเป็นการฝึกจากของจริงที่มีเงินเข้ามาเป็นรายได้เป็นกอบเป็นกำพอสมควร...

 

               น้องธนกฤต ตั้งสมบูรณ์กิติ ชั้น ป. ๕ มักนำหนังสือการ์ตูนที่อ่านแล้ว มาขายในราคาถูก เพียงเล่มละ ๑๐ บาท จากราคาจริง เล่มละ ๔๕ บาท.. "อยากเอาของที่มีอยู่ ซึ่งไม่ใช้แล้วมาขาย เพื่อนำเงินมาใส่กระปุกออมสิน ขณะนี้เก็บเงินได้หลายร้อยบาทแล้ว ซึ่งสามารถนำมาใช้จ่ายยามจำเป็น โดยไม่ต้องรบกวนพ่อแม่"

 

             น้องจารุวรรณ ชั้น ป.๕ เป็นแม่ค้าขายไอติมหวานเย็น กำลังขายดิบขายดี เล่าให้ฟังว่า " ที่คิดขายไอติมหวานเย็น เพราะเพื่อนๆชอบกินคลายร้อนจากอากาศที่อบอ้าวมาก ได้เงินมาเก็บออมมากกว่าที่คิด รู้สึกดีใจที่วิเคราะห์การตลาดในส่วนนี้ได้ถูกต้อง.."

 

               คุณยายวาสนา ฐิติจำเริญพร ได้นั่งขายสมุนไพรกับหลานสาวที่เป็นนักเรียนซึ่งโรงเรียนเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมด้วย คุณยายบอกว่า ชอบกิจกรรมนี้ของโรงเรียน เพราะฝึกให้นักเรียนรู้จักคิด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชีวิตในวันข้างหน้าด้วย...

 

               คุณแม่วันทนีย์ สวาสดิ์ญาติ ขายอาหารที่ช่วยกันทำกับลูกมาจากบ้าน สะท้อนความรู้สึกดีๆว่า ลูกมีพัฒนาการที่เข้มแข็งมากขึ้น เริ่มรู้จักวิธีทำมาหากิน รู้คุณค่าของเงิน และรุ้จักการออมเงิน... 

 

         - นักเรียนมีการบันทึกการลงทุน การรับจ่าย และจัดสัปดาห์การออม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดผลทางด้านการเงินของนักเรียนในแต่ละช่วง...

 

       - หนึ่งคน..หนึ่งอาชีพ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกประกอบอาชีพตามที่ตนเลือกตามที่ใฝ่ฝัน โดยทำงานระยะสั้น เพื่อหารายได้และประสบการณ์จากอาชีพนั้นๆในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วย..

 

              น้องพิชญ์สินี นิลพรัตน์ ชั้น ม.๓ เล่าให้ฟังว่า " มีความชอบและสนใจอยากทำงานด้านการใช้ภาษา จึงได้ไปฝึกทำงานกับบริษัททัวร์ที่รู้จักกับพ่อ โดยทำหน้าที่รับจองที่นั่ง ซึ่งเป็นงานที่ไม่ยาก แต่ได้เรียนรู้การทำงาน รู้จักคุณค่าของเงิน เดี๋ยวนี้ ไม่ได้ขอเงินจากพ่อแม่เพิ่มแล้ว แต่กลับมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น.."

โปรดอ่านรายละเอียดได้ที่ :

http://www.scbfoundation.com/news_publish_detail.php?cat_id=6&nid=327

 

                              ----------------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 246730เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2009 16:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ พี่นงนาท

อ่านบันทึกนี้แล้ว ดีใจค่ะ ที่เห็นการนำ วิธีคิดของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้อย่างเนียนๆ กับวิถีชีวิตจริง

ใบไม้คิดว่า  นอกจากจะทำให้หลายๆ คนรู้ค่าของเงิน และ การออม แล้ว   เมื่อมีการใช้วันเวลาในการทำกิจกรรมใหม่ๆ อย่างสนใจ จะทำให้หลายๆ คนได้จดจำ.... รู้ค่าของการทำวันเวลาที่ผ่านไปให้มีประโยชน์ ด้วย  ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว  ใบไม้ ได้จัดความสำคัญของการบริหารเวลาให้มีค่าในการใช้ชีวิต ไว้เป็นอันดับที่ 1  ของหลักการบริหารทั้งหมดค่ะ.....

ขอบคุณน้องใบไม้นะคะที่ให้ข้อคิดดีๆ...เวลาเป็นของมีค่าจริงๆที่ต้องแบ่งให้ลงตัวและเพื่อความสมดุลของชีวิต...เพิ่งมีน้องฝากคติเรื่องนี้มาให้...พี่จึงขอส่งต่อมาให้อ่านค่ะ...

                                          nongnarts

เวลา...สิ่งมีค่าที่ทุกคนมี
 
พระพุทธเจ้าเคยอบรมสั่งสอนมนุษย์ไว้ว่า
ทรัพย์สินที่พึงได้จากการประกอบ กิจการงานต่าง ๆ นั้น ควรแบ่งออกเป็น 4 กองเท่าๆ กัน



กองแรก เก็บสะสมไว้ใช้ยามขัดสน
กองสอง ใช้จ่ายเพื่อทดแทนผู้มีพระคุณ
กองสาม ใช้เพื่อความสุขส่วนตัว
กองสี่ ใช้เพื่อสร้างสรรค์ความดีงามให้แก่สังคม



แล้วการทำงานของมนุษย์ล่ะ
หลายคนยังมัววุ่นแก่การทำงานโดยไม่ ยอมแบ่งเวลาเหลียวหลังมองถึง
บุคคลที่รักและห่วงใยตนเองเลยหรือ???



มนุษย์บางคนทุ่มเวลาทั้งหมดให้แก่หน้าที่การงาน
พร้อมกับคิดว่า
การกระทำดังนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แล้ว
แต่นั่นคือการกระทำที่โง่เขลาเป็น ที่สุด



ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน
แต่ผู้ใดที่ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับ งาน
โดยไม่ยอมแบ่งปันเวลาให้แก่ผู้ใด
แม้กระทั่งตัวเองเป็นมนุษย์ที่เขลา เบาปัญญาที่สุด บริหารไม่ได้แม้กระทั่งเวลา
24 ชั่วโมงของตัวเองในแต่ละวันแล้ว มนุษย์ผู้นั้นจะบริหารอะไรได้



ทำไมมนุษย์ผู้ชาญฉลาดจึงไม่แบ่งปันเวลา
ให้เสมือนหนึ่งการแบ่งปันกองเงิน
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าบ้างเล่า ...



ไม่ต้องแบ่งเวลาให้เป็นสี่กองเท่า ๆ กันหรอก
เพียงแต่แบ่งปันเวลาในแต่ละส่วนให้ เหมาะสมเท่านั้น



8 ชั่วโมงสำหรับการทำงาน เพื่อความก้าวหน้ามั่นคงในชีวิต
8 ชั่วโมงสำหรับการพักผ่อน
เก็บเรี่ยวแรงไว้ต่อสู้กับหน้าที่ การงานและอุปสรรคในวันพรุ่งนี้
5 ชั่วโมงสำหรับการเดินทาง เพื่อประกอบกิจการต่าง ๆ
2 ชั่วโมงสำหรับโลกส่วนตัวของตนเอง
59 นาที สำหรับดูแลและรักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัย และช่วยเหลือสังคม



และ 1 นาทีของคุณ
ที่มอบให้กับคนที่รักและห่วงใยคุณ โดยไม่นำเวลาอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะเพียง 1 นาทีนี้ มันมีค่ามากเกินกว่าคณานับได้ในความรู้สึกของเขาคนนั้น



จงอย่ากล่าวว่า ' ไม่มีเวลา... '
เพราะเวลาเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด ในโลกนี้ที่มีให้แก่มนุษย์
มนุษย์ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน ไม่มีใครมีเวลามากและไม่มีใครมีเวลาน้อยไปกว่านี้



24 ชั่วโมงใน 1 วัน ที่มหาเศรษฐี หรือยาจก
มีเท่าเทียมกันไม่ขาดเกินแม้แต่เศษ เสี้ยวของวินาที



ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ผู้ใดที่กล่าวว่า ' ไม่มีเวลา '
จึงเป็นผู้ล้มเหลวในการบริหารเวลา 24 ชั่วโมง
ในแต่ละวันของตนเองอย่างสิ้นเชิง และใช้คำว่า ' ไม่มีเวลา '
เป็นข้อแก้ตัวเพื่อปกปิด ความล้มเหลวเรื่องเวลาของตนเองอย่างขลาดเขลา



มนุษย์ผู้ฉลาดและประสบความสำเร็จในชีวิต
จึงไม่ใช่ผู้ที่เก่งแต่การทำงาน อย่างเดียว
แต่มนุษย์ผู้ฉลาดและประสบความสำเร็จ ในชีวิต
ต้องเป็นผู้ที่รู้จักแบ่งสัดส่วน เวลาวันละ 24 ชั่วโมงของตนเอง ได้อย่างลงตัว



วันละ 24 ชั่วโมงของตนเอง
ที่มีไว้สำหรับการทำงาน การพักผ่อน การเดินทาง
มิตรภาพ ความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใย ความเอื้ออาทร ฯลฯโดยไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่สิ่งหนึ่ง สิ่งใด ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต



นี่แหละ คือมนุษย์ผู้ชาญฉลาดที่รู้จัก ' ใช้เวลา '
แล้ววันนี้..คุณจะยังอ้างเหตุผลว่า
' ไม่มีเวลา ' อีกหรือ? จงเปลี่ยนความคิดของคุณตั้งแต่บัดนี้นะครับ


 

สวัสดีค่ะ คุณพี่

  • อ่านแล้ว ได้รับความรู้ ที่จะนำไปปฏิบัติ ดีจังเลยค่ะ
  • ครูอ้อย อ้าแขนรับไปปฏิบัติเลยนะคะ
  • รักษาสุขภาพค่ะคุณพี่ มีความสุขกายสบายใจ นะคะ

ขอบคุณ พี่นงนาทค่ะ 

และขอบคุณข้อมูลความรู้ที่ พี่นงนาท นำมามอบให้เพิ่มเติม.. จากของเดิมที่น้องใบไม้มีอยู่ค่ะ.....

ขอบคุณครูอ้อยและน้องใบไม้ที่เห็นประโยชน์เรื่องนี้ค่ะ...

                                 nongnarts

น้องผศ ดร.วิรัตน์

น้องดร.ขจิต

* สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากสำหรับดอกไม้มอบแก่เรื่องเล่าของเยาวชนเศรษฐกิจพอเพียงนี้ค่ะ

* ทุกโรงเรียนที่พวกเราเข้าไปเยี่ยมเยียน สร้างความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังมีความหวังในเชิงคุณธรรมนำชีวิตเป็นสุขจากเยาวชนคนดีเหล่านี้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท