การบริหารจัดการบุคลากรในองค์การศึกษาของรัฐ กับการยกระดับคุณภาพทางการศึกษา
คงไม่มีใครปฏิเสธ ว่าในองค์ทางการศึกษาของรัฐที่เราๆเรียกมันว่า "โรงเรียน" จะมีบุคลากรที่ทำงานอย่างเช้าชามเย็นชาม ทำงานไม่คุ้มค่าแรงที่รัฐจัดให้ ครูหลายๆท่านเป็นตัวถ่วงความเจริญของโรงเรียน โดยเฉพาะบุคลากรที่ทำงานนานๆ มีอายุราชการอย่างน้อยที่สุดก็ 25 ปี ขึ้นไปแล้ว ประเด็นปัญหาของคนกลุ่มนี้มีมากมาย บางคนสังขารเริ่มโรยรา หลายๆคนมีอายุที่ประมาณ 55 ขึ้นไป บางคนถือเป็นอาชีพรอง ผมไม่เถียงนะว่า ครั้งหนึ่งพวกนี้ก็เคยเป็น "สุคยอดการสอน" ผมไม่ได้รังเกียจคนที่มีอายุดังกล่าว เพราะผมรู้ดี วันหนึ่งผมคงต้องเดินผ่านห้วงเวลาดังกล่าว เช่นกัน ผมสงสารเด็กนักเรียนที่ไร้เดียงสา วันๆมาโรงเรียนได้ความรู้กลับไปนิดเดียว ในทางการบริหารจัดการบุคลากรในภาพรวมทั้งองค์กรมันไม่ง่ายเลยที่จะพัฒนาบุคลากรกลุ่มดังกล่าว ยิ่งในสังคมไทยที่ระบบอุปถัมภ์ ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ในสังคม ที่สุดปัญหาดังกล่าวก็เป็นอีกตัวฉุดให้ระบบการศึกษาล้มเหลว เรามีปัญหาเกี่ยวกับหลักสูตร เรามีปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณ เรามีปัญหาด้านเทคโนโลยี เรามีปัญหา..........อีกมากมาย ที่สุดเราเคยกลับไปมองตนเองบ้างหรือไม่ว่า เราเองก็เป็นปัญหา เช่นกัน อีกนั้นแหละ ยังมีครูดีอีกหลายๆท่านที่แม้อายุจะย่าง 55 ปีขึ้นไปแล้ว ก็ยังเจ๋งและ แจ๋ว ใครเป็นแบบนี้ เป็นบุญของแผ่นดิน เป็นบุญของเด็กนักเรียน เชียวล่ะ
เป็นไปได้ไหม เราต้องมาทำเรื่องที่ใหญ่มากๆเลยที่เดี่ยว แล้วก็มองไม่เห็นทางเป็นไปได้เลย นั่นก็คือ เราต้องแก้กฏหมายประเด็นเกี่ยวกับการเกษียณอายุราชการของข้าราชการไทย ให้เปิดทางออกไว้2 ทางคือ ข้าราชการใดที่รับราชการครบ 25 ปี ให้ปลดเกษียณ หากจะอยู่ต่อได้ต้องมีมาตรการประเมินเข้มที่ชัดเจน ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการมีการกลั่นกรองอย่างละเอียดพอสมควร(ซึ่งยังต้องเถยงกันอีกนาน) และ/หรือข้าราชการคนใดที่มีอายุครบ55 ปี ต้องปลดเกษียณตัวเอง แล้วแต่เกณฑ์ไหนถึงก่อน แต่ก่อนที่ข้ราชการดังกล่าวจะต้องออกจากถนน"ข้าราชการ" รัฐ จะต้องเตรัยมแผนการรองรับคนเหล่านี้ให้มีอาชีพใหม่รองรับ พร้อมๆกับยังได้รับเบียหวัดบำนาญ ดีไหม ผมทราบเป็นข้อมูล ว่าประเทศมาเลเซีย เขาก็ทำแบบนี้ แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด
ช่วยกันคิดหน่อยดีไหม เพื่อการศึกษา เพื่อคุณภาพเด็กไทย เพื่อประเทศไทยในวันข้างหน้าที่จะต้องต่อสู้ในเวทีสังคมโลก หากเด็กไทยที่จบออกไป มีความรู้ที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เราจะสู้เขาได้ไหม ผมว่าการมองไปที่ครูรุ่นเด็กก็ไม่เลวนะ พวกนี้ไฟแรง ตั้งใจ เพียงแต่อ่อนประสบการณ์เท่านั้น
ขออภัยหากท่านผู้อ่านท่านใดอ่านแล้วไม่สบอารมณ์ ผมอาจมองอะไรแย่ๆเกินไปก็ได้ แต่ยืนยันได้ว่า ผมเต็มเปี่ยมด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศที่เราจะต้องใช้หนี้เพื่อทดแทนคุณของแผ่นดิน อยากเห็นครูไทยที่มีความตั้งใจ อย่างมีความกระตือรือร้น ทุ่มเทแรงกายและสติปัญญาอย่างไม่ยอมแพ้ต่อสังขารของตนเอง ผมเพียงแต่หยิบประเด็นมาให้เกิดการปุจฉา-วัสสัชนาดู ว่าผู้อ่านจะดิดประการใด ในเมืองไทยมีผู้รู้ ...มาก แต่. ทำไม เมืองไทยชักสู้เพื่อนบ้านไม่ได้เสียแล้ว
สิ่งที่เป็นปัญหาในองค์กรที่เป็นปรากฏการณ์หนึ่งก็คือ มีผู้ที่อายุมากแล้วแย่ในหน่วยงาน จะให้พัฒนาตนเอง ก็ไม่เอาแล้ว พื่รอจะเกษียณแล้ว น้องทำเถอะ ความอาวุโสในสังคมไทย เรายังให้ความเคารพอยู่ ครั้นจะพูดมากไปก็อยู่กันอย่างไม่สบายใจ ก็เลยปล่อยให้อยู่กันอย่างนั้น ชนิด ความผิดไม่มี ความดี(เลิศ)ไม่ปรากฏ อะไรทำนองนั้น ในหน่วยงานของท่านมีคนแบบนี้ไหม
สวัสดีค่ะ
แล้วครูอ้อยจะแวะ มาแสดงความคิดเห็นต่อนะคะ
เยี่ยมมากครับขอชมเชยในความคิดของนักวิชาการรุ่นใหม่
ผอ.วัดถ้ำใหญ่