SOPA
นาง โสภา อิสระณรงค์พันธ์

จุดอ่อนการเลี้ยงลูก 3


ความรักมักทำให้เกิดสุขและทุกคนก็อยากหนีจากทุกข์ แต่ทำไมความรักของพ่อแม่กลับทำให้เกิดทุกข์ขึ้นได้

ความสุข

      ทุกคนต้องการเป็นที่รักและแสดงความรักกับคนอื่นได้  ความรักมักทำให้เกิดสุขและทุกคนก็อยากหนีจากทุกข์   แต่ทำไมความรักของพ่อแม่กลับทำให้เกิดทุกข์ขึ้นได้  สาเหตุมักมาจากรักที่มากเกินไป  เป็นเจ้าเข้าเจ้าของมากไป  ให้มากไป  รับผิดชอบแทนเด็กมากไป  อดทนกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกเกินไป  ใช้อุเบกขาน้อยเกินไป

        เราทุกคนมีหน้าที่สร้างความสุขด้วยตนเองโดยที่ความสุขนั้นต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น   อยู่ในกติกาที่วางไว้         พ่อแม่จึงต้องสอนให้ชัดเจนว่า  ตัวลูกเป็นผู้รับผิดชอบในการหาความสุขด้วยตัวเอง  อยากหวังว่าคนอื่นจะมาทำให้ตัวเรามีสุข    สอนให้เข้าใจวิธีการหาความสุขซึ่งมีได้หลายแบบ  และแบบใดเป็นความสุขที่ยาวนาน  แบบใดเป็นความสุขแค่ฉาบฉวย  แบบใดที่อาจมีความสุขในตอนแรกและมีทุกข์ในตอนท้าย  และแบบใดที่ดูเหมือนเป็นทุกข์ในช่วงแรกแต่เกิดสุขในช่วงท้าย

       การฝึกให้เด็กหัดทำสิ่งต่างๆและชวนคิดถึงวิธีการสร้างสุขด้วยตัวเอง เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นกีฬา อาสาสมัคร  ช่วยงานบ้าน ช่วยคนอื่น อ่านหนังสือให้เด็กตาบอดหรือเด็กที่ยังอ่านหนังสือไม่ได้  หุงข้าว  ตักบาตร ให้อภัยตนเองและผู้อื่น  ใจดี  ช่วยสัตว์  ทำขนม  ทำกับข้าว  ช่วยครู  สอนหนังสือเพื่อน  เก็บขยะ  ล้างส้วมให้สะอาดเพื่อคนที่ใช้ต่อไปจะมีความสุข  เป็นต้น

       และฝึกให้หัดคิด  ตัดสินใจว่าจะเลือกวิธีการสร้างสุขแบบไหนดี    จึงเป็นการสร้างสุขที่เป็นแบบ instant คือ ทำทีเดียว  เกิดสุขต่อตนเองและผู้คนรอบข้างไปพร้อมกัน  ถ้าสร้างความสุขด้วยตัวเองเป็น   เมื่อต้องอยู่คนเดียวก็เป็นสุข  อยู่รวมกับคนอื่นก็สุขด้วย   จะช่วยทำให้เด็กเกิดความคิดที่แตกฉาน    ไม่ต้องรอคอยความสุขที่มากจากคนอื่น  ไม่เหงา  ไม่เศร้า  ไม่วิตกกังวลว่าไม่มีคนมาสนใจ

       ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจ  คิดว่าพ่อแม่มีหน้าที่ทำให้ลูกมีความสุข  โดยการตามใจ ทำให้ มอบความสะดวกสบายทุกอย่าง  สุดท้ายจะได้เด็กที่คอยรอรับความสุขจากผู้อื่น  ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น รักสบาย ไม่อดทน  หวังแต่จะได้แต่ช่วยผู้อื่นไม่ได้   ถ้าเลี้ยงแบบนี้ เด็กที่เติบโตขึ้นมาก็มีโอกาสเป็นทุกข์ได้ง่ายๆ

จุดอ่อนในการเลี้ยงดูลูกยุค 2552

 

 ของ ศ.คลินิก พญ.วินัดดา  ปิยะศิลป์

สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

ยังไม่จบเพียงเท่านี้  ติดตามตอนต่อไปนะคะ

 

 

หมายเลขบันทึก: 246373เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2009 22:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

จะนำไปปรับใช้กับคุณลูกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณน้อยหน่า ขอบคุณที่ติดตาม และตามติดสถานการณ์ทันที เลยนะคะ

ผมพยายามฝึกตนเองในการดูแลน้องซอมพออย่างที่คุณหมอแนะนำ ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก

+ สวัสดีค่ะ....

+ เป็นคุณครูลูกสาว 1 คนค่ะ....ขอบคุณมากค่ะสำหรับบันทึกดี ๆ เช่นนี้ค่ะ

+ วันหนึ่งเมื่อแม่กลับจาก ร.ร.ลูกสาว "แอมแปร์" ก็วิ่งมากอดและบ่นกับแม่ว่า.... " ลูกเบื่อทวด...เพราะทวดไม่ค่อยให้ลูกทำอะไร...ลูกทำอะไรทวดก็คอยห้าม...แต่แม่ชอบให้ลูกทำอะไรหลายอย่าง"

+ ลูกสาวอายุ 4 ขวบค่ะ....ช่วงนี้ไม่ได้ไป ร.ร.ค่ะเพราะแม่เพิ่งย้าย ร.ร.จากปัตตานีมาอยู่สงขลา...ลูกซึ่งเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กค่ายอิงคยุทธปัตตานี...ก็เลยไม่ได้ไป ร.ร......ต้องรอตอนเปิดเทอมนะค่ะ...เข้าเรียนชั้นอนุบาล....ก็เลยอยู่กับย่าและทวด...ทวดคิดว่า " มีหน้าที่ทำให้ลูก  หลาน   เหลน มีความสุข  โดยการตามใจ ทำให้ มอบความสะดวกสบายทุกอย่าง"

+ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด....

+ ขออนุญาตปริ้นไปอ่านให้ย่าและทวดฟังค่ะ......

สวัสดีค่ะ คุณพ่อน้องซอมพอ และคุณแม่น้องแอมแปร์ ดีใจค่ะที่บันทึกนี้มีประโยชน์กับท่าน อย่าลืมติดตามตอนอื่นๆ ด้วยนะคะ

สนับสนุนด้วยคนว่า ความรักที่เกินพอดีของพ่อแม่นั้นสามารถทำให้ลูกทุกข์ได้จริงๆค่ะ...เพราะรักมาก ทำให้ทุ่มเทมาก และใส่ใจมาก ช่วยทำอะไรให้แทบทุกอย่าง จนโตขึ้น ทำอะไรไม่เป็น ดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ ก็อาจทุกข์เพราะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ลำบาก ...ในส่วนตัวเองก็พยายามค่ะ ที่จะทำให้เกิดสมดุลย์ในความรักให้ดีที่สุด...เป็นกำลังใจในการเขียนบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ต่อไปนะคะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท