นิราศซิดนีย์ 27: Jolly George, the bus driver


Jolly George, the bus driver

ช่วงนี้ผมต้องเดินทางเข้า central Sydney ทุกวัน เพราะประเดี๋ยวมาดูงานที่ Sacred Heart Hospice ซึ่งอยู่แถวๆ King Cross บ้าง และตอนนี้ก็ต้องมาดูงานที่ Cavalry Hospital (ซึ่งจะเป็น series ต่อจาก Sacred Heart 5 ตอนจบ ในไม่ช้าไม่นานนี้) มีความรู้สึกเหมือนเป็นนักเรียน ม.ปลายอีกครั้ง สมัยเรียนอยู่เตรียมอุดม ผมออกจากบ้านตีห้าครึ่ง เดินไปนั่งเรือข้ามฟากจากท่าวัดอรุณมาท่าพระอาทิตย์ เพื่อจะขึ้นรถเมล์สาย 47 ไปลงที่ รร.เตรียมอุดม ผมถึงโรงเรียนประมาณก่อนหกโมงนิดหน่อย จะถึงใกล้ๆกับคุณลุงภารโรงที่มาเปิดตึกพอดี นั่งอ่านหนังสือไปจนใครต่อใครเริ่มมาเราก็หยุด

ต่างกันนิดหน่อยที่คราวนี้ไม่โหดปานนั้น แต่ก็ครือๆ (เพราะสังขารไม่ใช่เด็ก teenager หน้าใสอีกต่อไป) ตื่นตีห้าครึ่ง เพื่อเดินไปขึ้นรถเมล์ (ประมาณครึ่งกิโล) ที่จะมารับตรงเวลาเป๊ะ เวลา 6.14 น. เช้่า ไปถึงสถานีรถไฟ Fairfield Station ประมาณ 6.33 น. รถไฟออกเวลา 6.38 มีเวลาเดินสบายๆไปนั่งหลับ (ตา) ฟัง iPod 40 นาที ก็จะถึงสถานี Tower Hall เปลี่ยนสายไปลง King Cross อีกแค่ 2 ป้าย เดินอีก 15 นาทีไป Sacred Heart ส่วนใหญ่ผมจะมานั่งกินอาหารเช้าที่หน้าสถานี KIng Cross ซึ่งคนเริ่มพลุกพล่านตั้งแต่เช้่า ลองมาหลายร้าน สุดท้ายได้ร้านขายพายหน้ายิ้ม (Smiley-face Pie) หน้าสถานี เป็นพายไส้เนื้อร้อนๆราดเกรวี่ กินกับ Double-shot Capuccino เพราะผมจะมีเวลาสำรองประมาณครึ่ง ชม. จึงนั่งอ้อยอิ่งมองดู commutors เดินผ่่่านไปผ่านมาทุกวันได้ ร้านพายร้านนี้บางวันจะมีคนขายเป็นคนไทยมาทำงานด้วย ก็ได้ทักทายกันนิดหน่อยๆ

แต่พอย้ายมา Cavalry Hospital นี่จะซับซ้อนกว่าเดิมเล็กน้อย ทุกอย่างเริ่มต้นเหมือนกัน ยกเว้น แทนที่จะไปลง Tower Hall จะต้องลงก่อน 2 ป้าย ที่ Redfern แล้วนั่งรถไฟต่อไปอีกตั้ง 15 นาที ออกไปทางชายฝั่งตะวันออก เป็นรถเร็วมาก ติดแอร์ทั้งคัน ไม่ค่อยจอด แสดงว่าไกลพอควร เกือบจะไปถึงทางสนามบินนานาชาติ Kingsford Smith อยู่แล้ว ไปลงที่ Kogarah (อ่านว่า "โคการ่่า) station ต้องเดินไปอีกครึ่งชั่วโมงได้ เรียกว่าได้เหงื่อเลยทีเดียวกว่าจะถึง รพ. Cavalry นี่ ย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัย และใกล้สนามบิน ฉะนั้นไม่มีตึกสูงๆเลย รพ. 3 ชั้นนี้เรียกว่าใหญ่ตระหง่านแถวนั้นทีเดียว

รำพึงรำพันพอให้เกิดความเห็นใจที่ต้องเดินทางระหกระเหิน (สมชื่อนิราศไง) แต่ทั้งหมดวันนี้จะเป็นเรื่องของตอนนั่งรถเมล์จากโรงพยาบาลไปสถานีรถไฟ Fairfield

วันแรกที่ผมมาขึ้นรถเมล์เพื่อไปซิดนีย์นั้น ก็มายืนท่ามกลางความมืดแต่เช้า ครั้งแรกสุดยังโง่อยู่ ไม่ได้ค้นเวลารถเมล์ ซึ่งที่ออสเตรเลียนี่ ข้อมูลรถเมล์ รถไฟ ต่างๆหาง่ายมาก เราพิมพ์แบบจะออกจากบ้านเลขที่เท่าไร ไปไหน มันตอบกลับมาตั้งแต่แผนที่เดินจากบ้าน ไปป้ายรถเมล์ เวลาอะไรบ้าง ไปขึ้นต่อรถไฟที่ไหน เปลี่ยนรถที่ไหน ถึงที่สถานีอะไร ต้องต่อรถเมล์ หรือเดินไปทางไหน ละเอียดยิบออกมาเลย สุดยอดจริงๆ การเช็คเวลาควรจะทำอย่างยิ่งเพราะบางพื้่นที่ บางวัน (เช่นเสาร์-อาทิตย์) อาจจะมีแค่ชั่วโมงละคันเท่านั้น (อยู่บ้านนอกก็ยังงี้แหละ)

ยืนๆรอสักพักก็มีคุณป้าพยาบาล (เพราะใส่ชุดพยาบาล) เดินง่อกแง่กๆมาช้าๆเพราะเธอเป็นคนร่างใหญ่มาก ออกมาจากโรงพยาบาลแฟร์ฟิล์ พอเดินมาถึงป้ายปุ๊บ รถเมล์ก็เลี้ยวผ่านหัวถนนมาทันที แสดงว่าป้าแกรู้เวลารถเมล์ ไม่ต้องออกมายืนให้เมื่อยนานแบบผม

ผมหลีกทางให้คุณป้าพยาบาลขึ้่นรถก่อน (เป็นคนแพ้ทางพยาบาลมานานแล้วครับ แหะ แหะ) เสียงคนขับรถ (ชื่อ George จอร์จ) ทักทายดังสนั่นหวั่นไหว (ดังจริงๆครับ อย่างกะตะโกน)

"HELLO MARY, How' Ya, Jolly good day Huh? Not wait for long, right?" อ๊ะ แสดงว่าป้าแกมาขึ้นประจำ คนขับถึงกับชื่อได้นิ

"Do you miss me my dear Mary? I thought I miss you already!" จอร์จเสวนาต่อไปอย่างอารมณ์ดี น้ิวจิ้มไปที่แป้นตั๋ว อย่างไม่ต้องบอกว่าไปไหน เพราะจำได้แน่นอน คุณป้าแมรี่ไม่ได้พูดอะไร ยิ้มหวานส่งให้ แล้วก็ขยับไปนั่ง

"Hello How are you sir, Good Morning sir!" จอร์จหันมาทักทายผมบ้าง ด้วยน้ำเสียงสนิทสนมไม่แพ้ป้าแมรี่ ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก "Where are you going sir? Fairfield Station? That would be 3 dollar 20 sir. Have a good day sir!"

แล้วจอร์จก็ออกรถไป ไปจอดอีกป้ายนึง มีหนุ่มตัวเบ่อเริ่มเดินขึ้นมา แกก็ทักอีก

"HELLO MATE! HOW' Ya? where is your girl friend this morning? She won't come? Bah that's too bad you know. What did you do to her she doesn't come!!!" จอร์จแซวเจ้าหนุ่มอีกสองสามคำ ก่อนออกรถไปอีก

"HELLO JOANNE, How' YA?" จอร์จทักผู้โดยสารป้่ายถัดไปอีก

และป้ายถัดไป

และป้ายถัดไป

และป้ายถัดไป

ปรากฏว่าจอร์จจะทักทายผู้โดยสารที่มาขึ้นรถทุกป้ายและเกือบทุกคน แต่ละคนจะมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่จอร์จจะหยิบมาแซว ทะลึ่งบ้างนิดๆ (ถ้าเป็น Australian blokes) แซวคันๆบ้างถ้าเป็นสุภาพสตรี ผู้โดยสารทุกคนดูจะรู้จักคุ้นเคยจอร์จเป็นอย่างดี เพราะนี่เป็นลักษณะของ commutors คือมักจะต้องเดินทางไปทำงานเวลาเดิมทุกวันๆ มาขึ้่นรถที่เดิม มาลงรถที่เดิม

บรรยากาศในรถดูอบอุ่น ทุกคนเริ่มรู้่จักกันผ่านการทักทายของจอร์จ ผมนั่งอยู่ไม่กี่วันก็รู้จักเพื่อนร่วมเดินทางในรถเมล์ เพราะจอร์จจะทักทายและหาเรื่องมาคุยได้ทุกเช้าเลยทีเดียว พอใกล้จะถึงสถานี (ซึ่งเป็นปลายทาง) จอร์จซึ่งจะพูดวิทยุกับศูนย์เกือบตลอดเวลาในช่วงสุดท้าย (แกเป็นคนหยุดพูดไม่ได้อ่ะ ไม่ได้คุยกับผู้โดยสาร ก็ขอคุยกับศูนย์รถไปเรื่อยๆ) จะบอกศูนย์รถว่า "Give me a minute, will you. I have to do something." แล้วจอร์จก็จะหันมาร่ำลาพวกเราที่ค่อยๆเดินออกจากรถไปทีละคนๆ พร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ที่ "สวัสดี" จริงๆจากอัธยาศัยของจอร์จ

ผมคิดว่าคนเราจะทำให้งานของตนเอง เป็นงานจำเจ หรือมีความหมาย หรือทำแล้วมีความสุขได้อย่างไรนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของเราเองทั้งนั้น จอร์จได้สอนให้ผมทราบว่า เราอยู่กับงานที่ดูจะซ้ำซากจำเจ หรือตื่นเต้นน่าสนใจ และทำให้คนอื่นมีความสุขไปพร้อมๆกับเรา ก็ย่อมได้

ผมจึงเรียกแกว่า

Jolly George, the bus driver ผู้เริ่มต้นเช้าวันใหม่ให้ผมทุกวัน ขอบคุณนะจอร์จ!!

หมายเลขบันทึก: 246104เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2009 19:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 21:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ต้องเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเป็นเนืองนิตย์...จึงจะมีศิลป์ในการทำให้ " ความจำเจ " กลายเป็นความรื่นรมย์ทั้งแก่ตนเอง..และผู้คนรอบข้างนะคะ....

                                  nongnarts

สวัสดีครับ คุณนงนาท P (อีกครั้งสำหรับวันนี้)

จอร์จเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาทำให้โลกนี่รื่นรมย์ รอยยิ้มน้่อยๆของู้โดยสารที่เดินขึ้นรถมาเจอจอร์จ และเดินลงรถไปเมื่อถึงสถานีนั้น อาจจะมี impact อีกมากมายต่อคนเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว และจอร์จก็คงจะไม่ทราบ

แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำทุกวัน

แค่นั้นเอง

สวัสดีค่ะ

แวะมาเรียนรู้ค่ะ

อ่านบันทึกนี้แล้วระลึกถึงความหลังเมื่อ 3 ปีก่อนที่ยังอยู่ที่เพิร์ธค่ะ ตารางการเดินทางที่แสนสะดวก และเวลาที่กะได้ รวมทั้งบรรยากาศที่คนขับรถเมล์ดูมีความสุขกับการทักทายผู้โดยสารนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายที่นั่นเช่นกันค่ะ พี่โอ๋จำได้ไม่ลืมถึงความประทับใจครั้งแรกที่ได้เห็นคนขับรถเมล์ลงจากรถไปช่วยพับ pram ให้คุณแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งเพื่อที่จะได้ขนขึ้นรถได้ แล้วก็เคยได้รับความเมตตาจากคนขับโดยตรง เพราะขึ้นรถผิด พอถามคนขับเขารู้ว่าเราจะไปไหน เขาวิทยุบอกรถตรงชุมทางจุดรวมรถให้รอเราด้วย อวยพรให้โชคดีถึงที่หมายทันเวลาอีกต่างหาก เรียกว่าเจอแต่ความประทับใจในการโดยสารรถสาธารณะของที่นั่นค่ะ

อ้อ...ได้ทราบรายได้ของคนขับรถเมล์ที่เพิร์ธก่อนจะกลับเมืองไทยแล้วไม่แปลกใจนะคะอาจารย์ว่าทำไมเขาถึงดูมีความสุขจัง

คอมพิวเตอร์ค้างค่ะ รบกวนอาจารย์ลบออกครั้งนึงนะคะ ขอบคุณค่ะ

อนุโมทนาครับ

เชิญเข้าไปศึกษาธรรมะในเวปของผมบ้างนะครับ http://www.khunsamatha.com/

เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มีความสุขในงานที่ทำ ความสุขมันแสดงออกมาทางการกระทำ สีหน้า และคำพูด : ) อย่างนี้ดีค่ะ งานอะไรก็ควรทำอย่างมีความสุข ถ้าไม่มีความสุขก็ควรหาอย่างอื่นทำ ไม่งั้นจะได้โรคประสาทหรือความเครียดเป็นของแถม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท