ดิฉันมีประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในแดนกีวี ส่วนมากเป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ อย่างไรก็ตาม มีประสบการณ์เสียความรู้สึกกับการกระทำของกีวีบางคนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เดินๆ อยู่ก็โดนตะโกนด่า ไล่ให้กลับบ้าน ก็เลยไปตั้งกระทู้ไว้ล่อเป้า ปรากฎว่ามีคนเข้ามามากมาย หลากหลายความเห็น ลองเข้าไปอ่านกันดูค่ะ แล้วจะมาสรุปอีกทีว่า สาเหตุใดจึงเกิดความเกลียดชังชาวเอเชียแบบเหมารวมเช่นนี้ ใครจะไปเมืองนอกอย่ามองโลกในแง่ดีนัก
คลิกที่นี่ค่ะ เข้าไปร่วมแจมได้ อิอิ
http://nz.messages.yahoo.com/nz-news/nz-general-discussion/
ตัวอย่าง
Re:Why kiwis hate Asian-looking people? |
|
I dont yell or abuse asian
immigrants but it seems to be the younger generation that have been
comming here for a few years to study maybe that really rark
me. |
lack of manners แปลตรงๆ ว่า ไร้มารยาท
I can't stand
ฉันทนไม่ได้ stand ไม่ได้แปลว่า
ยืน อย่างเดียวนะจ๊ะ
ยกตัวอย่าง I can't stand the garlic smell in Thai
food.
ฉันทนกลิ่นกระเทียมในอาหารไทยไม่ได้
(งั้นก้ออย่ากินเลยแม่คุณ)
มีอีก อันนี้น่าสนใจ
The major problem with
"foreigners" is their lack of
integration. People from over countries come to your country
and immediately seek out their own kind. People who believe what
they believe, speak the same way, have similar thoughts and idea.
They don't adapt to the ways
of the "host"
country.
lack of integration ขาดความกลมกลืน ไม่ทำตัวสอดคล้อง
adapt ปรับตัว
host
country
ประเทศิเจ้าบ้าน
เท่าที่ตามอ่านมาได้ความว่า ชาวผิวขาวที่มีอารยธรรมแบบตะวันตกนั้น ไม่ประทับใจเมื่อเห็นชาวผิวเหลืองบางกลุ่มที่ขาดมารยาทสังคมเช่น การไม่รอคิว เป็นต้น นอกจากนั้นเป็นเรื่องคุยกันไม่รู้เรื่อง การไม่ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรม เป็นความต่างทางวัฒนธรรม เหมือนกับที่เรามองฝรั่งหรือชนกลุ่มน้อยแล้วรู้สึกว่าเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา ความรู้สึกว่า ไม่ใช่พวกเดียวกับเรา นำไปสู่ความรู้สึกในด้านลบได้ง่าย
นอกจากนั้น มีคนให้คำตอบว่า เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี
ก็เลยทำให้เกิดความเครียด เห็นชาวเอเชียตั้งใจทำมาหากิน
เกิดหมั่นไส้ซะงั้น
NZ is facing a huge challenge. Economic times are tight, our people
are suffering and public spending needs to drop. Kiwis used to
be known as a hardworking innovators but the truth is that as a
nation we've become soft, lazy and dependent upon our previous
nanny state governments.
Maybe the real answer to the question in this thread is that some Kiwis can't abide seeing people working harder and smarter than kiwis because it makes us look lazy & overly proud by comparison. Most Asians have no choice but to work - no social welfare culture for them. They're not too proud to squeeze a living out of doing the unglamorous jobs, unlike a lot of our new generation of Kiwis.
abide แปลว่า "to tolerate" ทน เหมือนกัน : I can't abide racist people.
ดังนั้นควรเปิดใจรับความแตกต่าง
"ไปอยู่บ้านไหนเมืองไหนก็ทำตัวให้กลมกลืน
ตามค่านิยมหรือมาตรฐานของสังคมนั้น"
When in Rome, do as the Romans do
ผมว่าเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับความแตกต่างในเรื่องของวัฒนธรรมและคุณค่าที่ยึดถือในสังคม (มากกว่าความไม่ชอบอย่างไม่มีเหตุผล)
ในเนื้อความตัวอย่างที่อาจารย์ให้ เขาไม่ชอบเพราะว่า เขายืนรอคิวขึ้นรถเมล์มานาน อยู่ๆพวกคุณมาถึงก็ตัดหน้าแย่งขึ้นไป
ถ้าทำในบ้านเราก็ดูปกติ แต่เมื่อเราไปอยู่บ้านเมืองเขาที่ผู้คนที่นั่นยึดถือปฏิบัติอย่างไรก็ควรปฏิบัติอยู่ในเกณฑ์เดียวกัน เข้าทำนองเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
เช่นเดียวกันฝรั่งที่มาเที่ยวหรือพักอาศัยในประเทศไทย ก็ปฏิบัติตามค่านิยมของสังคมไทย เช่น การไม่หมิ่นพระมหากษัตริย์ อันเป็นประมุขเหนือหัวของคนไทยทั้งชาติ ไม่ทำให้วัฒนธรรมที่มีอยู่ช้านานต้องเสื่อมไป เป็นต้น
สวัสดีค่ะ อ.อ้อม
จะคอยติดตามอ่านต่อค่ะ
มองอีกมุมคนส่วนใหญ่ในบ้านเราก็มีอคติกับชนกลุ่มน้อยเหมือนกัน เพราะอะไร เนื่องจากการเกิดอาชญากรรมจากแรงงานต่างด้าว ที่นี่ก็เหมือนกัน มาอยู่บ้านเขาแล้วมาทำความเดือดร้อน ก็เกิดกระแสต่อต้านเป็นธรรมดา มองเขามองเรา มองไปมองมา มันก็ใช่อื่นไกล
สวัสดีครับ
ผมว่าการมองแบบเหมารวม (stereotype) เป็นเรื่องที่คู่กับมนุษย์มาช้านานนะครับ การเอาป้ายไปแปะว่าคนเผ่าไหนเป็นอย่างไรช่วยให้อะไรๆ ในชีวิตมันง่ายขึ้น เพราะมีคำอธิบายให้กับสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่คุ้น แต่ยิ่งได้พบความหลากหลายในหมู่คนก็ยิ่งเข้าใจว่าเผ่าพันธุ์นั้นไม่ใช่ตัวกำหนดนิสัยใจคอของคนทั้งกลุ่ม แต่ต้องดูเป็นเฉพาะบุคคลไป ผมเชื่อว่าการศึกษาน่าจะเป็นคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนนะครับ
เมืองที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาประมาณสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคนจากแทบทุกชาติทั่วโลก ความหลากหลายในโซนมหาวิทยาลัยและเขตเมืองมีชัดเจน คนหลายชาติหลายภาษาเดินกันให้เห็น แต่ถ้าออกนอก city limits ไปแล้วละก็แทบไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เลย เพื่อนผมโดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกกลางมีประสบการณ์แย่ๆ จากคนที่อยู่นอกเขตเมืองเยอะ
ยิ่งได้เห็นความหลากหลายก็น่าจะยิ่งมีความอดทนมากขึ้นนะครับ ผมว่า...
หลงผ่านเข้ามาในบล็อกของอาจารย์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ