การจัดการความรู้ 5 เทคนิควิธีสู่...ความสำเร็จของการบริหารสถานศึกษา ดังนี้
· การส่งเสริมให้ครูจัดการเรียนรู้ตามแนวปฎิรูปการศึกษา
· การใช้ ICTส่งเสริมการบริหารและการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษา
· หลากหลายเทคนิควิธีดึงชุมชนสู่สถานศึกษา
· การส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา
· การดำเนินงานระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน
การส่งเสริมให้ครูจัดการเรียนรู้ตามแนวปฎิรูปการศึกษาในยุคที่
กระทรวงศึกษาธิการได้มีการปฏิรูปการศึกษา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงื่อนไขความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการปฏิรูปการเรียนรู้อยู่ที่ “ผู้บริหาร ครูอาจารย์และบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง” เป็นสำคัญ ฉะนั้นโรงเรียนจึงกำหนดกลยุทธ์ให้มี “การปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน”
- จากเดิมที่ครูทำหน้าที่เป็นผู้สอน ปรับเปลี่ยนเป็น ผู้อำนวยการจัดการความรู้
- จากเดิมที่สอนในห้องเรียน ปรับเปลี่ยนเป็น จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียน
- จากเดิมที่สอนเป็นรายวิชา ปรับเปลี่ยนเป็น การบูรณาการหลากหลายกลุ่มสาระการเรียนรู้
- จากเดิมที่เคยวัดผลประเมินผลจากการสอบ ปรับเปลี่ยนเป็น การวัดผลประเมินผลตามสภาพจริงและหลากหลายวิธีเพื่อค้นหาและพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
จะเห็นแล้วว่ากว่าจะปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้ ผู้บริหารจะต้องอดทดและใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้โดยอาศัยวิธีการ “สร้างความเข้าใจ ให้ความสำคัญ และผลักดันคุณภาพ” อย่างต่อเนื่อง จึงจะบังเกิดผลตามที่ต้องการ
สำหรับผลการดำเนินงานจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ได้ดำเนินการมา โรงเรียนได้จัดให้มีการนำเสนอผลงานในเวทีศักยภาพนักเรียน (Child Show) และเวทีศักยภาพครู (Teachers Show) เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพ รวมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งจัดขึ้นในช่วงปลายภาคเรียนที่ 1 ของทุกปี
การใช้ ICTส่งเสริมการบริหารและการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษา ในยุคปัจจุบันเชื่อมั่นว่าหน่วยงานสถานศึกษาหลายแห่งได้นำสื่อเทคโนโลยีและ นวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการและนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนบ้านแสรออ ได้จัดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ สู่โลกกว้างผ่านระบบ ICT และ การใช้เว็บจัดการความรู้ของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคมหรือที่รู้จักกันดีในนามเว็บ saraeor.org นับได้ว่าเป็นคลังความรู้อันทรงพลังที่ผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องสามารถจะเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ผลงานและได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ความรู้อย่างกว้างขวาง
หลากหลายเทคนิควิธีดึงชุมชนสู่สถานศึกษา การจัดการสมัยใหม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) และลูกค้า (Customer) เป็นสำคัญ ในที่นี้หมายถึงชุมชนคือกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ที่จะผลักดันสนับสนุนส่งเสริมช่วยเหลือให้การดำเนินงานของโรงเรียนประสบความสำเร็จฉะนั้นแนวดำเนินการในการดึงศักยภาพของชุมชนเข้ามาสู่สถานศึกษา จึงสามารถดำเนินการได้ดังนี้
ประการแรก โรงเรียนมีการสื่อสารถึงผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอผ่านทางจดหมายข่าว วารสาร “ แสรออสัมพันธ์” ของโรงเรียน เว็บไซต์ www.saraeor.org การจัดประชุมผู้ปกครอง การออกพบปะเยี่ยมนักเรียน เป็นต้น
ประการที่สอง โรงเรียนได้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามาใช้บริเวณอาคารสถานที่ของโรงเรียนในการจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ประชุม อบรม สัมมนา หรือสาธิต กิจกรรม OTOP โดยสถานศึกษาคิดค่าใช้จ่ายในราคาถูกหรือเป็นการให้เปล่า ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองและชุมชนได้รับความสะดวกและเกิดความพึงพอใจในการให้บริการของสถานศึกษาและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนโรงเรียนในโอกาสอันควร นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าเยี่ยมชม ศึกษา-ดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณะผู้บริหารครู อาจารย์ บุคลากรและนักเรียนโรงเรียนบ้านแสรออ เป็นประจำทุกปี
ประการสุดท้าย การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในวันสำคัญ เกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่หน่วยราชการหรือหน่วยงานเอกชนจัดขึ้น โรงเรียนต้องให้ความสำคัญโดยการนำคณะครู บุคลากรและนักเรียนเข้าร่วมงานอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็น สัญลักษณ์ขององค์กร ดังคำกล่าวที่ว่า... “ ถ้างานใดไม่มีแสรอองานนั้นจะกร่อย” หรือคำกล่าวที่ว่า... “พร้อมเพรียง เกรียงไกร ไฉไล ต้องแสรออ ” เป็นต้น
นอกจากจะเป็นความร่วมมือกับชุมชนแล้วยังเป็นการประชาสัมพันธ์โรงเรียนทางอ้อมที่ไม่ต้องลงทุนโฆษณาประชาสัมพันธ์มากมายนัก
การส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา ด้วยข้อจำกัดของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง คงไม่มีสถานศึกษาใดที่สามารถนำทุกสิ่งทุกอย่างมาไว้ที่โรงเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา เรียนรู้ ฉะนั้นสิ่งที่ครูและผู้บริหาร
ได้วางแผนร่วมกันคือ การสำรวจแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และจัดพิมพ์เป็นทำเนียบ เพื่อให้ง่ายต่อการสืบค้นหรือประสานงานในการสนับสนุนส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะบูรณาการ ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นจะมีแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลาย โดยเฉพาะจังหวัดสุรินทร์ นับว่าโชคดีที่มีสินทรัพย์ทางปัญญาและมรดกอันล้ำค่า เป็น “มรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม” ดังนั้นการจะจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือการนำนักเรียนไปสัมผัส ศึกษา เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจึงไม่มีปัญหาอุปสรรคแต่อย่างใด
กรณีตัวอย่างของการจัดกิจกรรมร่วมกับแหล่งเรียนรู้/ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น
- ศูนย์ศึกษาโบราณสถานต่างๆ
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดสุรินทร์
- หมู่บ้านช้างตำบลกระโพ
- แหล่งผลิตทอผ้าไหมพื้นบ้านอำเภอเขวาสินรินทร์ และตำบลท่าสว่าง
- ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติ สนองแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นต้น
แนวทางการดำเนินงานที่ครูหรือผู้เกี่ยวข้องควรทราบ มีดังนี้
1) ควรมีการประสานงานและวางแผนร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับแหล่งเรียนรู้/ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นการล่วงหน้า
2) ควรให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะบูรณาการร่วมกับครูผู้สอน
3) ในระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการกลุ่ม ช่วยกันสืบค้นข้อมูล ความรู้ โดยมีครูและภูมิปัญญาท้องถิ่นทำหน้าที่ให้คำปรึกษา
4) หลังจากเสร็จกิจกรรมควรมีการนำเสนอผลงานกลุ่มของนักเรียน และให้นักเรียนมีการประเมินผลงานของตนเอง ประเมินโดยครู และประเมินโดยผู้เกี่ยวข้อง เช่นภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น
5) ข้อควรปฏิบัติในการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงบทบาทของคุณกิจ คุณลิขิต และมีครูหรือผู้บริหารทำหน้าที่เป็นคุณเอื้อ คุณอำนวยอย่างแท้จริง
การดำเนินงานระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน ครูหรือผู้บริหารย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า จิตวิทยา การจัดการเรียนรู้ต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และต้องเชื่อว่าผู้เรียนทุกคนสามารถพัฒนาได้ ดังนั้นในการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนจึงมีความจำเป็นและควรให้ความสำคัญไม่แพ้การดำเนินงานด้านการเรียนการสอนและอื่นๆ
ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่โรงเรียนนำมาใช้ มีดังนี้
1) ระบบครูคู่มิตร เป็นการจัดครูประจำชั้นหรือครูที่ปรึกษา ที่มีห้องใกล้กันช่วยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมการเรียน การเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียน เพื่อเป็นการป้องปราม หรือป้องกันปัญหาไว้เป็นการล่วงหน้าการจัดกิจกรรมลักษณะนี้จะมีการเตือน มีการออกใบเตือนนักเรียนโดยให้ ใบเหลือง, ใบแดง ตามควร แก่กรณี เช่น กรณีความผิดเล็กน้อยอาจมีการตักเตือนแล้วให้ใบเหลือง ส่วนการให้ใบแดงมักจะไม่พบ ทั้งนี้เพราะนักเรียนที่เคยได้ใบเหลืองจะระมัดระวัง หรือนักเรียนจะเกรงกลัวความผิดและไม่อยากถูกลงโทษโดยการให้ใบแดง นั่นหมายถึงตัวเองและผู้ปกครองจะเดือดร้อนด้วย
2) ระบบเพื่อนช่วยเพื่อนและพี่ช่วยน้อง เป็นการปลูกฝังจิตสำนึก ให้นักเรียนดูแลช่วยเหลือกันเอง ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการสภานักเรียน ซึ่งจะทำหน้าที่แนะนำช่วยเหลือ สอดส่องดูแล รายงานพฤติกรรมนักเรียนที่ไม่พึงประสงค์ให้ครูทราบ
3) ระบบผู้ปกครองเครือข่าย เป็นการขอความร่วมมือจากตัวแทน ผู้ปกครองนักเรียนแต่ละระดับ แต่ละช่วงชั้น ซึ่งมีจำนวน 234 คน ทำหน้าที่สอดส่องดูแลพฤติกรรมนักเรียนนอกโรงเรียน และรายงานให้ครูหรือผู้บริหารทราบ พร้อมทั้งในคำแนะนำ ปรึกษา ในการสนับสนุนส่งเสริมการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนด้วย
4) ระบบเยี่ยมยามถามข่าว เป็นการจัดครูประจำชั้น หรือครูที่ปรึกษาร่วมกับผู้บริหารและกรรมการฝ่ายสัมพันธ์กับชุมชนออกพบปะ เยี่ยมเยียนผู้ปกครองและนักเรียนในชุมชน หมู่บ้านที่นักเรียนอาศัยอยู่ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ทำให้ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร สภาพปัญหา ความต้องการของผู้ปกครองและนักเรียนอย่างแท้จริง และนำไปสู่ความร่วมมือในการแก้ปัญหาและพัฒนานักเรียนอย่างต่อเนื่อง การจัดการความรู้ร่วมกันของผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา จากวันนั้นถึงวันนี้แม้จะมีความสำเร็จไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สภาพที่เห็นเด่นชัดหลังจากที่มีการจัดกิจกรรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบว่า สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนคงจะไม่พ้นความรู้สึกดีดีในไมตรีจิตมิตรภาพ การรู้จักยอมรับความคิดเห็น รู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีม วันเวลาแห่งการจัดการความรู้ได้ดำเนินการควบคู่กับกิจวัตรประจำวันของสถานศึกษา จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ ซึ่งยังคงดำเนินการอยู่และจะต้องปรับปรุงพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่ หยุดยั้ง ภายใต้พลังขับเลื่อนของภาคี เครือข่ายการจัดการความรู้ที่กระจายอยู่ทุกภาคส่วน ความสำเร็จและความก้าวหน้าทั้งหลายจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับความอนุเคราะห์สนับสนุน ส่งเสริมเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือ ด้วยดีมาโดยตลอดจาก องค์การบริหารส่วนตำบลปราสาททอง ซึ่งจะดำรงคงอยู่คู่วงการจัดการความรู้ของไทยตลอดไป และผมมีความเชื่อมั่นว่า “การจัดการความรู้ จะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้เลย หากหน่วยงาน สถานศึกษายังไม่ได้ลงมือปฏิบัติจัดการความรู้ ” ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะมาร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายความสำเร็จท่ามกลางระบบเศรษฐกิจ สังคมฐานความรู้ (Economic Knowledge Based Society) โดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้เป็นเครื่องมืออันทรงพลานุภาพ
ไม่มีความเห็น