เก็บดอกไม้ริมทาง...สู่บ้านผู้หว่าน..(1)


ดอกไม้ดอกแรก..."ผิดเป็นครู"

  วันที่ 16 เม.ย. 49 ตั้งแต่เช้าตรู่ พี่เม่ยเดินทางโดยเครื่องบินสายการบินนกแอร์เที่ยวแรกจากหาดใหญ่ไปถึงกรุงเทพฯ เวลา 9.20 น. โดยมีกำหนดนัดหมายการเดินทางต่อไป บ้านผู้หว่าน จ.นครปฐมพร้อมกับทีมงานของ สคส. ในเวลา 16.00 น.

เวลาที่ทิ้งช่วงห่างกันนานถึง 7 ชั่วโมง ทำให้พี่เม่ยวางแผนว่าจะไปเยี่ยมหลานสาวคนดี ที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ออกจากสนามบินดอนเมือง พี่เม่ยจึงนั่งรถแท๊กซี่ไปยังที่พักของหลานทันที
นั่งอยู่ในรถ ลุงคนขับอารมณ์ดีชวนคุยเรื่องราวทั่วๆไป จนวกมาถึงเรื่องการเลี้ยงลูก...ลุงเล่าว่า สมัยลูกชายยังเด็กตามแม่ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า กลับมาถึงบ้านพบว่าลูกชายไปหยิบกระดุมเม็ดสวยๆหลากสีติดกระเป๋ามาด้วยจำนวนมาก!
  •    พี่เม่ยถาม... "แล้วลุงทำยังไง?"
  •    ลุงตอบโดยไม่หันหน้ามามอง (ถ้าหันมามองคงลำบากแน่ๆค่ะ เพราะรถกำลังวิ่งอยู่บนถนนต่างระดับด้วยความเร็วสูง)..ว่า "ผมก็บอกเขาว่า ลูกลองคิดดูว่า ถ้าลูกเป็นคนขายของ ลงทุนซื้อกระดุมมาขาย แล้ววันนึงกระดุมก็ถูกคนขโมยไป ลูกจะรู้สึกอย่างไร? ลูกผมก็เข้าใจนะ เขาเสียใจ.."
  •    พี่เม่ยถามต่อว่า... "แล้วเอากระดุมไปคืนเขาไหม?" (ใจคิดว่าคงรีบเอาไปคืนแน่ๆเลย)
  •    ลุงตอบว่า... "ตอนนี้..กระดุมยังใส่ถุงเก็บอยู่ที่บ้านผมเลย...(อ้าว! ไม่คืนเหรอ?)..ผมคิดแล้วว่าถ้าเอาไปคืนเสีย ทุกอย่างก็จบ นานไปเขาก็อาจจะทำอีก ไม่ใช่อยากได้ของนะ..ผมบอกเขาว่า ทำผิดครั้งนี้ยกโทษให้ และไม่ต้องเอาไปคืน แต่เก็บไว้เป็นครู เพื่อให้เห็น..และเตือนใจตัวเองไปตลอดชีวิต....หลังจากนั้นมาลูกผมไม่เคยขโมยของใครอีกเลย"
   รถแล่นมาถึงแมนชั่นที่พักของหลานสาวพอดี พี่เม่ยจ่ายค่ารถตามมิเตอร์และแถมเพิ่มไปอีกยี่สิบบาท ค่าที่ลุงมอบดอกไม้ริมทางดอกแรกให้ในระหว่างการเดินทางสู่บ้านผู้หว่านในครั้งนี้
   ดอกไม้ริมทางดอกนี้ สีสรรแม้ไม่สวยงามนัก แต่กลิ่นหอมจรุงติดอยู่ในความทรงจำพี่เม่ยค่ะ...
  
หมายเลขบันทึก: 24479เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2006 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 09:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะพี่เม่ย

ดอกไม้มีอยู่ทุกหนแห่ง...
หากเพียงเราเหลือบมอง
หากแต่บางครั้ง..
มัวเพลินไป..กับดอกไม้นั้น
ก็อาจถึงที่หมาย "ช้า"..เพราะมัวเพลินกับ"ดอกไม้"นั้น

 

Dr.Ka-poom คะ!
ชอบบรรทัดสุดท้ายมากเลยค่ะ...
ดังนั้น..เราจึงควรที่จะ เพลิน แบบพอดีและมีสติ..นะคะ..

เคยอ่านกันหรือยังคะ

ทำดีเพื่อ ความดี นั่นแหละดี
ทำดีเพื่อ เอาดี หาดีไม่
ทำดีเพื่อ ความดี แล้วดีใจ
ทำเพื่อเอา ดีไซร้ ใช่ดีแท้

เหตุฉะนี้ สาธุชนทั้งหลายในโลก พึงกระทำความดีนั้น อันเป็นสิ่งประเสริฐ นับเป็นความดีสุดยอด

ทำยาก แต่มีผลเป็นความสุข โดยสม่ำเสมอตลอดกาล

จากหนังสือ 'จักรวรรดิสาร' วัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร 2544 แต่งโดย พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตติ)

หาอ่านเรื่องดีๆ เหล่านี้ได้ ที่ http://advisor.anamai.moph.go.th/healthteen ค่ะ

(แอบโค-สะ-นา หน่อยค่ะ)

    เยี่ยมครับ .. ชอบ และเชื่อว่าถ้าเจ้าของร้านขายกระดุมรู้เรื่องราวทั้งหมด  คงรู้สึกยินดีที่ของเล็กน้อยด้อยค่าที่สูญเสียไป กลับทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าวนั้นได้ ...
     คุณลุงท่านยอมแลกความไม่สบายใจ (ค้างใจ) ในตนเอง เพื่อให้บทเรียนแก่ลูก
     ประเด็นที่ 1 พ่อยอมทำได้เพื่อลูก การที่ลุงเล่าให้พี่เม่ยฟัง ก็เหมือนยังค้างคาในใจอยู่ครับ
     ประเด็นที่ 2 คุณลุงภูมิใจมากที่การตัดสินใจของคุณลุง ให้ผลตามที่คาดหวัง
     ประเด็นที่ 3 พี่เม่ยได้ดอกไม้มาบอกมาเล่า เพื่อใช้เป็นทุนแก่การเป็นคุณอำนวยของผม นี่ก็สุดยอดเลยครับ ขอยืมเรื่องเล่าเรื่องนี้ไปใช้ด้วยนะครับ
  • คุณหมอนนท์คะ..ขอบคุณที่แนะนำเรื่องดีๆค่ะ
  • คุณ "Handy"คะ (ซึ่งความจริงกำลังลังเลว่าจะเรียกว่า "อาจารย์" หรือ "คุณ" ดีหนอ..บังเอิญได้อ่าน คห.ท่านในบันทึกของคุณโอ๋ จึงไม่ลังเลแล้วค่ะ)...กระดุมได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ และยืนยงด้วยค่ะ
  • และ คุณชายขอบคะ..ประเด็นที่ 3 นั้น..ให้เลยค่ะ! ไม่ต้องยืม....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท