สิวสยองและ9ร่วมใจคนไทยไม่ทิ้งกัน


สิว ที่มีอาการรุนแรงที่สุด เป็นสิวที่ร้ายแรงกว่า สิวหัวช้าง

สิวสยอง (Acne fulminans) และ 9ร่วมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน

               

เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  ผมได้ไปออกรายการทีวีช่อง 9 ช่วงระหว่างเวลา 10.00-11.00น. โดยมีพิธีกรดัง 2 ท่านเป็นผู้ดำเนินรายการคือ คุณแอ๊ด ไชยวัฒน์ อนุตระกูลชัย และคุณหนึ่ง นีรชา หลิมสมบูรณ์ทางรายการติดต่อมาว่า มีครอบครัวหนึ่งจากอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เขียนจดหมายมาในรายการว่า เป็นครอบครัวยากจน มีลูก 5 คน ขณะนี้ได้รับความทุกข์ทรมาน จากการที่ลูกชายคนโต อายุ 15 ปี ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย มีลักษณะคล้ายอีสุกอีใส แล้วก็แตกออก แล้วก็พุออกเป็นหนอง เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ไปพบแพทย์ ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร  ช่วงที่ได้รับการติดต่อให้ไปออกรายการ ผมคิดอยู่ในใจว่า แพทย์คนอื่นไม่รู้แล้วเราจะไปรู้เหรอ มันมีโรคหลายโรคที่ไม่เจอบ่อย เป็นพันเป็นหมื่น อาจจะเป็น syndrome ที่ทางแพทย์เราเคยรายงานเอาไว้ว่า ประกอบไปด้วยอาการดังต่อไปนี้ หนึ่งสองสามสี่ห้า จดจำกันไม่หวาดไม่ไหว แต่คิดในแง่บวกว่าถ้าไม่รู้ก็โทรถามพรรคพวก หรือครูบาอาจารย์ แล้วค่อยไปตรวจเพิ่มเติมยืนยันเอาอีกที หรือไม่ก็อาจจะเป็นหญ้าปากคอก ก็คือโรคที่สื่อชอบเอามาทำข่าวกันบ่อยๆ เช่น โรคในกลุ่มเด็กดักแด้ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 28 ชนิด ถ้าเป็นชนิดที่เล่ามาก็น่าจะเป็นชนิดที่ไม่รุนแรงนัก   เมื่อเทียบกับ harlequin fetus ที่เป็นแล้วอยู่ได้ไม่นาน แต่จะดูน่าตกใจมากสำหรับคนที่ไม่เคยเห็น โรคที่หมอคิดถึงมากที่สุดสำหรับรายการนึ้เท่าที่เล่าประวัติมา ยังไม่เห็นคนไข้ก็คือ โรคที่เรียกว่า Epidermolysis bullosa

                เช้าก่อนออกรายการครึ่งชั่วโมง ผมก็ได้เจอน้องต้น  วัฒนพงศ์ เรืองกระจาย พร้อมกับคุณแม่ คุณยาย และน้องเล็ก อายุประมาณ 4 ขวบหนึ่งคน 5 ขวบอีกหนึ่งคน  ได้เห็นหน้าน้องต้น เป็นตุ่มหนองเม็ดใหญ่อยู่ที่หัวตาซ้าย และตุ่มหนองขนาดย่อมลงมาอยู่ทั่วใบหน้า  ให้ถอดเสื้อออกมาดู เห็นแผลเป็นยักษ์ที่เรียกว่า คีลอยด์อยู่เต็มหน้าอก พร้อมตุ่มเม็ดเล็กๆเป็นร้อยที่หน้าอก รวมทั้งรอยแผลเป็นที่แผ่นหลังด้านบนดังภาพ

 

น้องต้นเล่าให้ฟังว่า มีอาการอย่างนี้มาประมาณ 2 ปีแล้ว คือมีตุ่มหนองขึ้นที่หน้าก่อน แล้วลามไปที่คอและหลัง เวลาเป็นจะมีไข้สูง และก็ปวดตามเนื้อตามตัว ไปทั้งตัว  ตุ่มหนองนี้ทิ้งไว้สักช่วงหนึ่งมันจะแตกออกมาเอง  ช่วงที่แตกจะมีน้ำหนองน้ำเหลืองไหลออกมา เปรอะเปื้อนเสื้อผ้า และที่นอน  และเป็นสะเก็ดติดเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ทำให้เจ็บปวดทรมานมาก บางครั้งต้องเอาใบตองมาปูนอนตรงบริเวณที่หนองแตก  โดยเฉพาะที่บริเวณหลัง  แล้วตุ่มหนองที่เป็นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง  ไปหาหมอก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร  เพื่อนที่โรงเรียนหลายคนก็แสดงอาการรังเกียจ  แต่ยังโชคดีที่เพื่อนหลายคนเข้าใจ น้องต้นบอกว่าไปไหนมาไหนต้องเดินก้มหน้าตลอด คุณแม่น้องต้นได้เล่าเสริมว่า สงสารลูกมากจนบางครั้งกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้  โดยเฉพาะเวลาที่น้องต้นเจ็บปวดทรมาน  เพราะอาการปวดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ ตุ่มหนองหรือรอยแผลเป็น แต่ปวดตามข้อต่างๆทั่วทั้งร่างกาย  ที่ปวดมากที่สุดก็คือที่บริเวณหน้าอก ได้พยายามพาลูกไปพบแพทย์หลายแห่ง ได้รับยามาแต่โรคที่เป็นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย  ครอบครัวมีอาชีพเก็บขวดขาย  ฐานะยากจน และมีลูกทั้งหมด 5 คน น้องต้นเป็นคนโต   โชคดีที่ลูกคนอื่นไม่มีอาการแบบน้องต้นเลย

เล่ามาถึงตอนนี้ ผมรู้สึกเห็นใจน้องต้นจริงๆ เพราะโรคที่เขาเป็นเป็นโรคที่เจอได้น้อยมาก  บางคนอาจจะไม่เคยเห็นในชีวิตที่ตรวจคนไข้จริงๆเลย มีแต่เขาเอามาแสดงให้ดูเวลามีการประชุมแพทย์  ขนาดในสถาบันโรคผิวหนัง  เรียนถามท่านอาจารย์ พ.ญ. ปรียา กุลละวณิชย์  อาจารย์ก็ยังบอกว่าเจอไม่บ่อย  เรียนถามอาจารย์ นพ. สมศักดิ์ ตันรัตนากร จากหน่วยโรคผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็บอกว่าเจอน้อยมาก  โชคดีที่ผมเคยรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเช่นนี้มาก่อน  โรคนี้ชื่อไม่เพราะเอาเสียเลยครับเพราะแพทย์ผิวหนังเขาตั้งชื่อให้ว่า โรคสิวสยอง  ฝรั่งเขาเรียกว่า Acne fulminans ใครสนใจรายละเอียดลองพิมพ์เข้าไปใน google อ่านดูได้ 

ถือได้ว่าเป็นโรคที่เกิดความผิดปรกติของต่อมไขมันคือสิว ที่มีอาการรุนแรงที่สุด  เป็นสิวที่ร้ายแรงกว่า สิวหัวช้าง  อาการทางผิวหนังในระยะที่ยังไม่รุนแรงนัก ดูผ่านๆจะนึกว่าเป็นสิวหัวช้าง ถ้าดูจากภาพแทบจะไม่แตกต่างจากสิวหัวช้างเลย  แต่อาการที่เป็นทั่วร่างกายนี่สิครับ ที่สิวหัวช้างทั่วๆไปไม่มีกัน  ช่วงที่กำเริบจะมีไข้ ร้อนๆหนาวๆ  โดยเฉพาะอาการปวดกระดูกนั้นถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ บางรายเห็นในเอ็กซเรย์ตรงตำแหน่งที่ปวดกระดูก ตัวกระดูกกร่อนไปบางส่วน(aseptic osteolysis) เรียกได้ว่าเป็นสิวที่อาจกินไปถึงกระดูก บางคนตรวจพบว่าม้ามโต แล้วทำให้เกิดอาการปวดที่บริเวณม้าม  บางรายแสดงความผิดปรกติของระบบอิมมูนของร่างกาย คือมีก้อนใต้ผิวหนัง แดงๆ กดเจ็บที่หมอเราเรียกว่า erythema nodosum อยู่ที่บริเวณหน้าแข้งทั้งสองข้าง บางคนแม้แต่เวลาเดินยังเจ็บเนื่องจากอาการไขข้ออักเสบทำให้ต้องเดินก้มไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา  อาการอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากสิวหัวช้างก็คือ ตุ่มหนองที่เป็นทั้งใบหน้า หน้าอก  คอ และหลัง พอถึงเวลาจะแตกออกเป็นหนองไหลเยิ้ม อย่างที่น้องต้นเล่าให้ฟังว่า ต้องเอาใบตองมารองนอน  แถมอาการของโรคนี้จะดำเนินไปเป็นปี บางคนหลายปีต่อเนื่องกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 13-16 ปี  ตอนที่กำเริบแต่ละครั้งจะทิ้งร่อยรอยเป็นแผลเป็นชนิดรุนแรงที่เราเรียกว่า คีลอยด์ เอาไว้ แผลเป็นชนิดนี้จะอยู่ติดตัวคนไข้ไปตลอดชีวิต  ดังจะเห็นในภาพของคนที่เป็นสิวชนิดนี้ที่บางรายบนใบหน้าแทบจะไม่มีพื้นที่ของผิวปรกติเลยมีแต่รอยแผลเป็นเต็มไปหมด 

ถ้าดูจากใบหน้าน้องต้น หลังจากที่เป็นมา 2 ปี นับได้ว่าน้องต้นยังโชคดี  เพราะคุณแม่ และครอบครัวยังให้การดูแลเอาใจใส่ พาไปพบหมอหลายท่าน และถ้าผลการรักษาได้ขนาดนี้ก็แสดงว่า ได้รับการดูแลมาอย่างดีทีเดียว  ปัญหาของน้องต้นก็คือ เป็นมากว่า 2 ปีแล้ว แต่อาการของโรคยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลย  วันที่เห็นก็ยังมีตุ่มหนองกระจายอยู่ทั่วใบหน้า และมีตุ่มหนองใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. อยู่ที่หัวตาด้านซ้าย ซึ่งต้องถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีอันตรายมาก  จะดูดจะเจาะเอาหนองออกก็ต้องระมัดระวังจะไปโดนตาเข้า  ฝีที่ตำแหน่งหัวตา หรือกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว  เคยมีคนไข้กล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆว่า เป็นแล้วถึงตายก็มี  คนไข้ Acne fulminans ที่เสียชีวิตก็มีคนกล่าวถึง บางรายถึงกับฆ่าตัวตายไปก็มี   เพราะเป็นแล้วบางคนอายเพื่อนไม่กล้าไปเรียนหนังสือ   ไปไหนพอมีคนแสดงความรังเกียจบ่อยเข้า สภาพจิตใจก็ย่ำแย่

การรักษา Acne fulminans ก็ไม่ง่ายเลย  ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรรักษาสิวโดยทั่วไปนั้นใช้ไม่ได้ผล หรืออาจจะกล่าวได้ว่ารักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างเดียวนั้นไม่ได้ผล   ยาที่มีบทบาทอย่างมากในการรักษาโรคนี้ให้อาการของโรคสงบลงโดยเร็ว  มีแผลเป็นน้อยที่สุดคือยา Isotretinoin  หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Roaccutane, Acnotin, Sortrate, Isotane   ยากลุ่มนี้เป็นยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก และมีราคาค่อนข้างแพง  สิทธิข้าราชการ ประกันสังคม และประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรทอง 30 บาท ไม่ครอบคลุม หมายความว่าคนไข้ต้องจ่ายเงินเองสถานเดียว คุณแม่น้องต้นมีอาชีพเก็บขวดขาย มีลูกปาเข้าไป 5 คน ค่ายาวันละกว่า 120 บาท เพราะส่วนใหญ่ต้องกินในขนาดสูง เท่าที่ผมเคยรักษามาก็คือ กินขนาด 20 มิลลิกรัมวันละ 2 เม็ด ถึงจะเอาอยู่  นอกจากนี้ยังต้องใช้ยา

สเตียรอยด์ ชนิดกิน ในขนาดไม่น้อยกว่า 30 มิลลิกรัมต่อวัน กินก่อนที่จะเริ่มให้ยา Isotretinoin อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์  ผมเคยลองให้คนไข้กินยาทั้งสอง พร้อมกันตอนเริ่มต้น โดยไม่ให้ยาสเตียรอยด์ก่อน  ปรากฏว่าสิวเห่อมากกว่าเดิมอีก คนไข้มีไข้ ปวดตามตัวทรมานมากขึ้น  ต้องงดยา Isotretinoin  ให้แต่สเตียรอยด์ไปสักพัก แล้วค่อยเริ่มให้ยา Isotretinoin ในขนาดน้อยๆ เช่น 10 มิลลิกรัมต่อวัน แล้วค่อยๆเพิ่มขนาดไปจนถึง 40 มิลลิกรัมต่อวัน คือต้องกินยาขนาด 20 มิลลิกรัม วันละ 2 เม็ด  หรือจนกระทั่งคนไข้ทนอาการข้างเคียงของยา Isotretinoin  ไม่ไหว  คือกินจนปากฉีก  ปากแห้งจนแตกเป็นแผล เหมือนผิวหนังถูกฉีกออกจากกัน  ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆลดยาสเตียรอยด์ลง และเลิกใช้ยาสเตียรอยด์ไปในที่สุด  แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ โรคนี้ถอนยาสเตียรอยด์ยากมาก  พอลดยาตุ่มหนองก็โผล่  เพิ่มยาขึ้นไปดีขึ้น  ลดยาอีกเห่ออีก  บางรายได้ยาสเตียรอยด์คนไข้กลับมีตุ่มสิวขึ้นที่หน้าอก และใบหน้าเป็นร้อยเม็ด เป็นสิวที่เกิดจากยาสเตียรอยด์เสียเอง  คนไข้ก็บ่นว่า  หมอครับเม็ดใหญ่ไม่เห่อ แต่เม็ดเล็กขึ้นเป็นร้อยเม็ด ทำไงดี

 เมื่อสุดหนทางก็ต้องใช้ยาที่มีอันตรายยิ่งไปกว่านั้นอีกคือ ยา dapsone ปกติยานี้เอาไว้รักษาโรคเรื้อน แต่เอามารักษาสิวได้ผลดีทีเดียว แม้จะสู้ยา Isotretinoin ไม่ได้ แต่เป็นยาราคาถูก   อย่างไรก็ตามแพทย์ผิวหนังไม่แนะนำให้เอายานี้มารักษาสิวถ้าไม่สิ้นหนทางจริงๆ  ถ้าจะใช้ก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก  ต้องเจาะเลือดก่อนการรักษา ถ้ามีเอ็นไซม์บางอย่างขาดเช่น G6PD ห้ามให้ เพราะจะไปทำให้เม็ดเลือดแดงแตก คนไข้ซีดและได้รับอันตรายได้  ยาทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถทำหน้าที่นำออกซิเจนไปสู่เซลต่างๆของร่างกายได้  คนไข้จะซีด เพลีย ไม่มีแรง ฉะนั้นต้องเจาะเลือดบ่อยมากตลอดระยะเวลาที่รักษา  และที่สำคัญคือก่อให้เกิดอาการแพ้ถึงขั้นเสียชีวิต ที่เรียกว่า dapsone hypersensitivity syndrome มานักต่อนัก แต่ถึงเสี่ยงก็อาจจะต้องใช้  ถ้ายาอื่นเอาไม่อยู่  โดยเฉพาะรายที่มีก้อนใต้ผิวหนัง แดง กดเจ็บ ที่เรียกว่า erythema nodosum

มาถึงรายน้องต้น  จะรักษากันอย่างไร  ผู้ป่วยฐานะยากจน  บ้านอยู่ต่างจังหวัด  จะสั่งยาให้ไปกินทีละเดือน แล้วเป็นยาที่มีผลข้างเคียงมากขนาดนี้คงจะไม่เหมาะ  ก็คงต้องรักษากันที่โรงพยาบาลเลิดสิน ในกรุงเทพฯตรวจเลือด  ตรวจร่างกายโดยละเอียด  เอ็กซเรย์ดูว่ามีความผิดปรกติที่ส่วนไหนของร่างกาย  ที่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ภาวะ สิวกำเริบเป็นตุ่มหนองรุนแรง ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง  ทั้งๆที่เป็นมากว่า 2 ปี   จนกระทั่งแน่ใจว่า ได้รับการตรวจรักษาและได้ยาที่น่าจะดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่แม้จะมีฐานะ ยากจน  แต่คนไทยเราไม่ทิ้งกัน  เหมือนกับชื่อรายการทีวีที่จัดรายการดีๆอย่างนี้ให้กับสังคมไทย   ขอขอบพระคุณรายการ  9 ร่วมใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ครับ

 

หมายเลขบันทึก: 244485เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2009 23:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ลูกผมอายุ 4 ปี เป็นตุ่มน้ำที่โคนเล็บนิ้วโป้ง ไปโรงเรียนแตกออกแล้วก็หายไป อีกห้าวันเป็นอีกนิ้วนึงพาไปตรวจหมอบอกว่า เป็น Epidermolysis Bullosa (EBA)ให้ยามาทาตอนนี้ยุบลงแล้ว หมอบอกว่าต้องตรวจชิ้นเนื้อถึงจะรู้ว่าเป็นชนิดใหนแต่เป็นที่นิ้วตรวจไม่ได้ ผมก็ยังไม่เข้าใจ ต้องไปตรวจยังไงถึงจะรู้ว่าเป็นโรคนี้แน่นอน ตอนนี้ลูกผมก็ยังไม่มีผิวหนังพองน้ำอีกเลย หรือต้องดูแลสุขภาพยังไงครับ ผมค่อนข้างวิตกกังวลพอสมควร หาข้อมูลดูในเว็บฯแล้วดูแล้วโรคพวกนี้น่ากลัวมาก

นายแพทย์ สุทัศน์ ดวงดีเด่น

หวังว่าคงไม่ใช่ EBA อย่างที่คุณหมอท่านว่าจริงๆ ต้องรอให้มันขึ้นที่อื่นครับ แล้วพาไปที่สถาบันโรคผิวหนังหรือโรงพยาบาลเด็กแผนกผิวหนังเด็ก ให้เขาตัดชิ้นเนื้อตรงที่เป็นตุ่มไปตรวจ immunofluorescence  แต่ถ้าไม่ใช่ชนิดที่รุนแรงรักษาต่อเนื่อง ผลการรักษาก็อาจจะไม่น่ากลัวเหมือนใน net ครับ

ชื่อนี้ Roaccutane กลัวเหลือเกินค่ะ เพราะเคยมีอาการมาแล้ว ปวดกระดูกมากเหมือนจะเป็นคนเป็นไข้ ปากแห้ง อ่อนเพลียเหมือนอยากจะหลับอย่างเดียว


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท