วันนี้แม่ต้อยมาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีคะ มากับพอลล่าและที่ปรึกษาชาวแคนาดาอีกท่านชื่อ Mrs. Marion suski เราทั้งหมดเดินทางมาเพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ในโครงการพัฒนาคุณภาพด้วยรักเช่นเคยคะ มีอีกไม่กี่จังหวัดที่เราก็จะสามารถจบโครงการในปีนี้ได้แล้ว
ที่จังหวัดอุดรธานีนี้ มีคนเข้าร่วมอบรมอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เนื่องจากเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ มีโรงพยาบาลทั้งหมดรวม ๑๘ แห่ง เราก็มีกิจกรรม เพื่อฝึกให้เราได้ทบทวนการรับรู้ของตัวเอง การฟังอย่างลึกซึ้ง และการสนทนากลุ่มอย่างที่เราเคยทำ
แม่ต้อยสังเกตว่าคนที่มาเข้าร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้เป็นกลุ่มคนที่มีความตั้งใจ และมีการทำงานกับคนไข้ และประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน ในระดับจังหวัดมีแพทย์ที่ทำหน้าที่คอยดูแลการพัฒนาคุณภาพในภาพรวม และรวมทั้งการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมการพัฒนาคุณภาพในทุกรูปแบบ
เราได้มีการผลัดเปลี่ยนให้ทุกคนเล่าเรื่องที่ประทับใจในวัยเด็กโดยให้เขาย้อนรำลึกถึงความประทับใจในวัยที่มีอายุประมาณ ๗ ขวบ เราได้ยินเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงมาเป็นระยะๆ
การที่ให้มีโอกาสได้เล่าเรื่องในวัยเยาว์นี้ก็เพื่อให้เรามีโอกาสสัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงหรือวิถีชีวิต รากเหง้าที่มาของคนๆหนึ่งซึ่งจะทำให้เรามีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากที่เราเคยได้รู้จักกันอย่างผิวเผิน จะทำให้เราได้เข้าใจวิธีคิด รวมทั้งแรงบันดาลใจของผู้ที่เราสัมผัสได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราขอให้มีการนำเอาเรื่องราวชีวิตในวัยเยาว์มาเล่าให้ที่ประชุมในกลุ่มใหญ่ฟัง เราก็มีความสุขในการฟังความปราถนาของคนบางคนในวัยเด็ก( ติดตามอ่านได้ในบล้อกของพอลล่าคะ ) ซึ่งก็ไม่มีใครได้รู้เลยว่าเพื่อนที่เราทำงานมานานแสนนาน..จะเคยมีแรงบันดาลใจในด้านใด
เมื่อจบการนำเสนอ แม่ต้อยได้รับการร้องขอจากน้องๆในห้องประชุมว่าอยากฟัง เรื่องราวในวัยเด็กของผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งแม่ต้อยจำชื่อได้ว่า “ชื่อคุณหมอฉัตรชัย” ปัจจุบันท่านเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล นายูงซึ่งเป็นพื้นที่ ที่กันดารที่สุดของจังหวัดอุดรธานี เมื่อท่านอนุญาต จึงได้รับทราบเรื่องราวในวัยเด็กของคุณหมอ โดยมีเพื่อนหมออีกคนเป็นคนเล่า( กิจกรรมนี้จะฝึกให้ฟังด้วยความเข้าใจและทวนเรื่องเล่าอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการเล่าผู้ที่ฟังจะเป็นผู้เล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟัง)ดังนี้
“ในวัย๗ ขวบ ผมเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ เรียนที่โรงเรียนประชาบาลในหมุ่บ้าน เป็นโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้าน หน้าโรงเรียนมีชิงช้าและสนามเด็กเล่น ในสนามเด็กเล่นนั้นบางวันก็จะเห็นทั้งฝูงวัว ฝูงควายเข้ามาเดินเล่น.”..
เมื่อคุณหมอที่เป็นคนเล่า เล่ามาถึงตอนนี้ ก็หยุดชะงักนิดหนึ่ง แล้วพุดว่า” อาจารย์ ครับ พอดีผมเป็นคนกรุงเทพฯและมาทำงานที่จังหวัดอุดร พอฟังพี่เขาเล่า.. ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันเป็นอย่างไร...เสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นมาในทันที
ในตอนหลังแม่ต้อยได้รับทราบจากเพื่อนผุ้ร่วมงานว่าคุณหมอฉัตรชัยนี้เป็นคนที่รักบ้านเกิด รักพ่อแม่ ครอบครัวและปรคนไข้และประชาชน เป็นอย่างยิ่ง และไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเป็นที่รักของผุ้ที่ทำงานร่วมด้วย จนมีการร้องขอให้ทราบแรงบันดาลใจในวัยเยาว์
แม่ต้อยจึงคิดว่า การที่ได้เติบโตมาท่ามกลางความชนบท ได้เห็นความขาดแคลน รวมทั้งได้เห็นความเจ็บป่วยของผู้คนที่อยู่รอบข้าง จึงน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณหมอคนดีคนนี้ ได้กลับมาทำประโยชน์ให้กับบ้านเกิดเมืองนอนอย่างเต็มที่ในปัจจุบัน เรื่องราวแต่หนหลังของคุณหมอนี้จึงทำให้พวกเรามีมีความประทับใจ ได้เห็นความผูกพันและความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดเป็นอย่างยิ่ง
พรุ่งนี้ แม่ต้อยตั้งใจว่าจะขอไปคุยกับคุณหมอคนดี คนนี้ต่ออีกสักนิด
แล้วแม่ต้อยอาจจะมีเรื่องราวดีดี มาเล่าสู่กันฟังอีกในโอกาสต่อไป
และอย่าลืมไปอ่านของพอลล่าด้วยนะคะ เรามีเรื่องมากมายที่มาช่วยกันเล่าคะ ..สวัสดีคะ
สวัสดีค่ะ แม่ต้อย เป็นกิจกรรมที่ดีมากเลยค่ะ
คนทำจะหน้าตาดีขึ้น อิอิ ขอบคุณที่ให้พอลล่าได้มีโอกาสทำเรื่องราวดีๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ชอบมากค่ะ
เรื่องราวลักษระนี้ เป็นแรงบันดาล ใจให้เด็กๆ เป็นกำลังใจที่ผลักดันให้เด็กน้อยมุ่งสู๋ความสำเร็จ และความดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะแม่ต้อย มาติดตามอ่านเรื่องเล่า ยามดึกค่ะ
เมื่อไรเดินทางขึ้นเหนือบ้างคะ เดี๋ยวตามไปบันทึกน้องพอลล่าค่ะ
ครุต้อยคะ แม่ต้อยก็เชื่อว่ามีเรื่องราวที่น่าประทับใจของคุณครูมากมายเลยทีเดียวและเคยได้เล่าไปก่อนหน้านี้คะ
มีคุรครูที่เสียสละให้แก่สังคมอยู่ ที่เราควรยกย่องมากมายเช่นกัน
น้องดาวลูกไก่คะ
แม่ต้อยจะไปแม่ฮ่องสอนคะ ประมาณเดือนมีนาคมนี้นะคะ จะได้เจอกันไหมคะ
สวัสดีครับอาจารย์แม่ น่าจะเป็นคนเดียวกันนะครับ คุณหมอฉัตรชัย เคยอยู่ที่ รพ.ศรีธาตุ ผู้คนที่นั่นชื่นชมท่านมากเลย ครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาซึมซับรับรู้...เรื่องราวดี ๆ และให้ข้อคิดค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
แม่ต้อยคะ
10. phayorm แซ่เฮ
เห็นด้วยมากคะ ประสบการณ์ที่ยากลำบากทำให้มองเห็นโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือผู้คนเสมอคะ
ขอบคุรสำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอมาคะ
สวัสดีค่ะ
หนูอ่านแล้ว รู้สึกประทับใจกับกระบวนการของทีมวิทยากร(แม่ต้อยกับพอลล่า ช่างเก่งจริงๆ) ที่ดึงคุณค่าของผู้เข้าอบรมออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติมากๆๆ
ก็..จากที่อ่าน ผู้เข้าอบรม ไม่มี Voice of fear เลยค่ะ