ทัวร์อินเดียส่วนใหญ่เป็นทัวร์ “อดีตหลวงพ่อ” หรืออดีตพระที่ผ่านการศึกษาปริญญาโท ณ ประเทศอินเดีย โดยเฉพาะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยบันนาเรส ฮินดู ที่เมืองพาราณสี
ครั้งก่อนผู้เขียนเล่าเรื่องการตรวจก่อนขึ้นเครื่องบินในอินเดีย มีข้อพึงระวังที่ควรกล่าวไว้เพิ่มเติมคือ ทางการอินเดียห้ามนำของมีคม เช่น มีด กรรไกรตัดเล็บ ฯลฯ และถ่านไฟฉายติดตัวขึ้นเครื่องบิน
ถ้าต้องการนำมีด กรรไกรตัดเล็บ กรรไกร หรือถ่านไฟฉายไปอินเดีย แนะนำให้แยกเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง
ผู้เขียนมีประสบการณ์นำถ่านไฟฉายชาร์จไฟได้ใส่ในเครื่องชาร์จ เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง เจ้าหน้าที่ก็บอกให้แยกถ่านไฟฉายออกจากเครื่องชาร์จ นับว่า เขาเข้มงวดกับความปลอดภัยมาก
คนที่ไปแสวงบุญ หรือไปไหว้พระที่สังเวชนียสถานอินเดีย-เนปาลส่วนใหญ่จะซื้อทัวร์ ส่วนน้อยไปเอง หรือไปพักวัด
ทัวร์อินเดียส่วนใหญ่เป็นทัวร์ “อดีตหลวงพ่อ” หรืออดีตพระที่ผ่านการศึกษาปริญญาโท ณ ประเทศอินเดีย โดยเฉพาะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยบันนาเรส ฮินดู ที่เมืองพาราณสี
พระไทยส่วนหนึ่งจะเรียนบาลีให้ได้เปรียญ 3 ประโยค ขั้นแรกนี้จะได้เป็นท่าน “มหาเปรียญ” หรือที่เรียกกันว่า “ท่านมหา”
หลังจากนั้นจะเรียนต่อสายสามัญคล้ายๆ กับโรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา เพียงแต่เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมในวัด
เมื่อเรียนจบมัธยมศึกษาแล้ว จะศึกษาต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยสงฆ์ไทย หลังจากนั้นจะหาทางศึกษาต่อปริญญาโท-เอกที่อินเดีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปริญญาโท
การเรียนในอินเดียนับว่า ยากมากในสายตาของผู้เขียน น่าจะให้ปริญญาพร้อมกันหลายๆ ใบ เช่น ปริญญาโทสาขาที่เรียน บวกสาขาการต่อสู้ชีวิต ฯลฯ
อดีตหลวงพ่อเหล่านี้ต้องเก่งทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี(อินเดีย) และการใช้ชีวิตในอินเดียที่ต้องต่อสู้แทบทุกอย่าง
อาจารย์สำรวยอดีตนักเรียนปริญญาโทอินเดีย ท่านบอกว่า หอพักแขกมีมาเฟีย จะทำร้ายท่าน ต้องใช้วิชาป้องกันตัว เตะผ่าหมากไปเลย โครมเดียว... มาเฟียหน้ามืด นักศึกษาอินเดียเลยเรียกท่านว่า “กาก้า” แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่
ความจริงโชคดีที่ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะกฏหมายอินเดียถือหลัก “อหิงสา” หรือไม่เบียดเบียนทางกาย ใครทำร้ายก่อนเป็นฝ่ายผิด แขกอินเดียจึงชอบเบียดเบียนทางวาจา(เถียงกัน)มากกว่าชอบลงไม้ลงมือ
ประมาณปี 2548 มีข่าวขุนเข่าอินเดีย ไม่ทราบว่า เลียนแบบพี่ไทยหรือไม่ รายนี้ทะเลาะวิวาทกัน ตีเข่าอย่างไรไม่ทราบ ไปโดนอัณฑะอีกฝ่ายถึงตาย ศาลอินเดียตัดสินว่า เป็นการฆ่าคนโดยเจตนา นับว่า กฎหมายอินเดียลงโทษกันหนักทีเดียว
ทีนี้พอจบปริญญาโท นักเรียนนอกส่วนใหญ่จะกลับเมืองไทย ส่วนหนึ่งทำงานเป็นครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสงฆ์ หรือโรงเรียนพระปริยัติธรรม
อีกส่วนหนึ่งลาสิกขาบท(สึก)ไป อดีตนักเรียนเก่าอินเดียหลายท่านได้มาอินเดียฟรีอีกหลายรอบในฐานะผู้จัดการทัวร์อย่างเต็มภาคภูมิ
สังเวชนียสถานในอินเดีย-เนปาลเกือบทุกแห่งมีวัดไทยเป็นที่พึ่งของญาติโยมที่ไปทั้งทางใจและทางกาย วัดไทยที่นั่นมีทั้งโบสถ์ วิหาร กุฏิ ที่พัก และโรงครัวพร้อม
ญาติโยมที่ไปส่วนใหญ่มักจะขอไปพักที่วัด เพราะมีที่พักสะดวกสบาย อาหารวัดรสชาดดีกว่าโรงแรมแบบเทียบกันไม่เห็นฝุ่น
ผู้เขียนไปอินเดียครั้งหลังๆ สะดวกมาก เพียงส่งจดหมายอีเล็คโทรนิคส์ (e-mail) ไปวัดป่าพุทธคยา หลังจากนั้นเตรียมวัดลาพักผ่อน วีซ่า และตั๋วเครื่องบิน... ไปได้เลย
ท่านที่ตั้งใจจะเดินทางไปสังเวชนียสถาน และไม่ทราบว่า วัดในอินเดียมักจะขาดอะไร ขอเสนอให้เตรียมกาแฟกับครีมเทียม(คอฟฟี่เมต)ไปถวาย
ตลาดอินเดียมีชาขายมากมาย ชาอินเดียมีคุณภาพดี กลิ่นหอม และราคาไม่แพง แต่หาซื้อกาแฟยากหน่อย
ครีมเทียม(คอฟฟี่เมต)นี่พระท่านฉันหลังเที่ยงได้ ตลาดอินเดียไม่ค่อยมีครีมเทียมขาย ส่วนใหญ่เขานิยมใช้นมสด หรือนมผงแทน
นมผงอินเดียราคาถูกกว่าไทย ใครไปอินเดียกลัวขาดแคลเซียมน่าจะแวะซื้อนมผงไว้กินเสริมระหว่างเดินทาง
ของแห้งหรืออาหารกระป๋องนี่ก็น่าจะนำไปถวายวัดบ้าง ร้านค้าในพุทธคยามักจะปิดทำการในหน้าร้อน(เมษายน-มิถุนายน) สก๊อตไบรท์ที่ใช้ล้างจานกับฟองน้ำล้างจานนี่ก็ไม่ค่อยมีขายเช่นเดียวกัน ผู้เขียนเป็นคนที่หลับง่ายเวลาฟังบรรยาย ผู้การฐนัสท่านศึกษาธัมมะมามาก ท่านแนะนำให้ไปถวายไฟ(แสงสว่าง) เช่น ถวายหลอดไฟ ฯลฯ ต่อไปเวลาฟังธรรมจะได้ไม่หลับ
ผู้เขียนคิดว่า การถวายกาแฟนี่ก็น่าจะมีส่วนช่วย(ลดอาการง่วงนอนเวลาฟังธรรม)ได้ จึงชอบทำบุญกับไฟ(แสงสว่าง)และกาแฟมากเป็นพิเศษ
ค่าไฟแสงสว่างที่พุทธคยาเมื่อ 3-4 ปีก่อนตกชั่วโมงละ 100 รูป(100 รูปประมาณ 80 บาท) ปี 2547 ขึ้นเป็นชั่วโมงละ 150 รูปี มีคนไทยไปถวายค่าไฟกันหลายท่าน ถ้าถวายค่าไฟทั้งคืนจะได้เปิดสวิทช์ไฟเอง ได้สับคัตเอ๊าต์ (cutout) เอง
วิธีขอไปสับสวิทช์ไม่ยากถ้ามีสารหล่อลื่นเล็กน้อย เพียงเราเตรียมใบเสร็จรับเงินไว้ ไปยืนรอที่ห้องสวิทช์ไฟตอน 6 โมงเย็น และเตรียมสารหล่อลื่นไว้ทิปคนงานประมาณ 10-20 รูปี จะได้สับคัตเอาท์ด้วยมือของเราเอง
ต่อมามีการใช้สวิทช์ไฟแสงสว่างภายในเขตพุทธคยา ทำให้ไม่มีโอกาสสับคัตเอาท์(สวิทช์ไฟแบบโยก)อีก พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ถ้าจะทำบุญอะไร... ให้รีบทำ อย่าช้า เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน พอมีสวิทช์แสงอัตโนมัติ โอกาสในการสับคัตเอาท์ด้วยมือเราจึงหมดไปอย่างน่าเสียดาย
ผู้เขียนมีโอกาสถวายค่าไฟที่พุทธคยามาหลายครั้งแล้ว ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีส่วนแห่งบุญนี้ทั้งหมดครับ...
แหล่งข้อมูล:
- ขอขอบคุณ > ท่านพระอาจารย์เทพพนม วัดท่ามะโอ ลำปาง, คุณนงนุช, คุณอัจฉริยา เกตุ
ทัต (ปุ๊ย), พี่จี๊ด (ทพญ.รัตนาวดี บุปผาเจริญสุข), พี่จ๋อง(ภก.บุญญาพร ยิ่งเสรี).
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๑๗ เมษายน ๒๕๔๙ >
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๔๙.
ภาพที่ 3: รถทัวร์อินเดีย แอร์มีแต่ปิดกับเปิด ควรนำเสื้อกันหนาวกับหมวกไปด้วย และไม่มีห้องน้ำ ผู้หญิงควรนำผ้าถุงหรือร่มไว้บังตาคนอื่นเวลาถ่ายทุกข์
http://www.gotoknow.org/file/wullopporn/Gaya%20Bus.jpg