สมาชิก กบข.ทุกคนถูกหักเงินไปประมาณ 20,000-50,000 บาท


เฉพาะ ปี 2551 คุณถูก กบข. หักเงินไปประมาณ 20,000-50,000 บาท

ผมกำลังจะคำนวณภาษีเงินได้ แตไปดู กบข.หมดอารมณ์ เซ็งทันทีครับ ทุกท่านได้ดูหรือเปล่าว่า ปี 2551 กบข.หักเงินผลประโยชน์ ของเราไป เกือบ สองหมื่นบาท  ผมอยากถาม กบข. ว่าคุณนำเงินสมาชิกไปลงทุนแล้ว เจ๊ง.. แล้วมาเที่ยวหักเงินสมาชิก กบข. ทั่วประเทศ คนละ 20000-50000 บาท มันยุติธรรมแล้วหรือ

คำสำคัญ (Tags): #กบข
หมายเลขบันทึก: 243355เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2009 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 10:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

โดนหักเงินเหมือนกันค่ะ...รู้สึกเหมือนโดนหลอก

ก่อนสมัครก็ศึกษาข้อมูลแล้ว...คิดแล้วคิดอีก ทีแรกจะไม่สมัคร แต่ใคร ๆก็บอกว่าดี ในที่สุด..ฝันเป็นจริง

เราไม่ได้เล่นหุ้นสักหน่อยนะคะ แล้วทำไมเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ไม่ได้ทำ ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ

สมาชิกทุคนต้องดูเปรียบเทียบกัน โดยดูเงินผลปรธโยชน์ ตอนสิ้นปี 2550 กับ ปี 2551

ว่ายอดเงินต่างกันเท่าไร นอกจากจะไม่เพิ่ม แล้วยังลดลง ถ้าหากขาดทุน สัก 10 ปี พวกเราคงโดนหัก สองแสนบาท เฮ้อ..เวรกรรม รัฐบาลเขาออกข่าวคึกโครม แจกเงินคนละ สองพันบาท แต่ กบข. แอบหัก สองหมื่นบาท เงียบกริบ

สวัสดีครับ คุณเสรี สุขโยธิน ผมก็เป็นสมาชิก กบขฯ ก่อนปี 40 ก่อนเข้านั้นผมต้องยอมรับว่าสมัครเพราะเห็นว่าได้เงินออมเป็นล้าน วันนี้ต้องรับเป็นการตัดสินใจผิดพลาด ผมเป็นทหารยศแค่จ่า มีวันทวีคุณ 20 ปี ลาออกตอนนี้ถ้าไม่เป็นสมาชิก กบข.รับบำนาญเต็ม( สมมุติว่าลาออกจากสมาชิก กบข.ได้ จะยกเงินออม เงินประเดิม ทั้งหมดให้ กบขฯ ถือว่ารับข้อมูลด้านเดียวยกผลประโยชย์ให้เลย ) เมือรับใบแจ้งยอดเงินแล้วเศร้าใจมาก - นั้นหมายถึงเงินหายใช้ครับ ตามไปดูใน กบขฯ เขาบอกว่าเงินที่นำไปลงทุนต่างประเทศนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ใครอยากกองทุนเสียหายไม่ต้องรับผิดชอบได ๆ ทั้งสิ้นเศร้า

ขอบคุณ คุณเหรียญชัย เหรียญชัย มาวงษ์ ที่แสดงความคิดเห็นครับ แต่ขอเสริมนิด

ตอนสมัครเราก็โดนหลอกไป ครั้งหนึ่งแล้ว มีการออกมาโฆษณาว่า ถ้าสมัตรกบข.พอปลดเกษียญ จะไดเงินคนละ 2ล้าน- 4 ล้าน เลยสมัครกันใหญ่ พอสมัครกันได้ 1 ปี ก็ไม่เป็นไปตามคำชักกชวน ก็มีสมาชิกหลายคนอยากลาออก กบข.ก็บอกว่าฉันไม่ได้บังคับ คุณมาสมัครกันเอง ห้ามลาออก

ขออนุญาตนำเรื่องราวของคุณมณฑล มาเล่าสู่กันฟังครับ
 ผมชื่อ นายมณฑล จิตเอื้ออารีกุล ตำแหน่งวิศวกรโยธา 8 วช. โทร 0831979123 วันที่ 24 กย. 51 ผมได้ตรวจสอบยอดเงินของผมในฐานะสมาชิก กบข. ทำให้ตกใจมากเพราะปรากฏว่า มีผลดำเนินการขาดทุน คิดเป็นร้อยละ 3.515 (เมื่อเทียบจากเงินต้นรวมผลประโยชน์เมื่อสิ้นปี50) แต่หากคิดจากเงินต้นอย่างเดียวขาดทุนคิดเป็นร้อยละ 5.323 หรือหากพิจารณาจากมูลค่าต่อหุ้นส้นปี 50 เท่ากับ 14.7818 ลดลงเป็น 14.2536 ลดลงมากถึงร้อยละ 3.57 ซึ่งข้าราชการทุกท่านที่เป็นสมาชิก กบข. ก็จะต้องขาดทุนเท่าเทียมกันทั่วหน้า ผมจึงได้เรียนถามในเวป กพ. (เพราะไม่รู้จะถามใคร นึกได้แต่ กพ. ก่อน)ว่าเราข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข. จะสามารถร่วมกันดำเนินการอย่างใดได้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเรา หรือจะต้องก้มหน้ายอมรับผลการขาดทุนที่อาจจะมากขึ้น คิดง่ายๆ ณ วันนี้ ยอดเงินของสมาชิก จะหายไป ประมาณ 3,500 บาท ต่อยอดเงินหนึ่งแสนบาท ซึ่งไม่น้อยเลย หรือหมายความว่าจำนวนเงินผลประโยชน์สิ้นปี 50 ลดลงคิดเป็นร้อยละ 10.35 โดยสรุปในปี 51 เราไม่ได้ผลประโยชน์เพิ่มแถมติดลบอีก ในส่วนของผม ณ วัน 24 กย. 51 ยอดเงินลดลงเป็นจำนวนถึง 17,269 บาท (ถ้าผมสมมุติเป็นค่าเฉลี่ย)ลองเอาไปคูณกับจำนวนสมาชิก 1,178,632 คน(ข้อมูลเดือนมิถุนายน 2551) คิดเป็นการขาดทุน ร่วม 20,000 ล้านบาท ผมไม่ชอบการพนันแต่ก็ถูกกำหนดมาให้ต้องเสี่ยงกับ กบข. ลองคิดว่าถ้าขาดทุนแบบนี้หลายปี พวกเราไม่แย่หรือ ? โดยเฉพาะบำนาญสูตรสมาชิก กบข. ก็น้อยมากอยู่แล้ว ตอนที่ให้สมัคร กบข. ก็ไม่มีข้อมูลรายละเอียดครบถ้วยบอกแต่ส่วนดี ผมขอกำลังแรงความร่วมมือเพื่อนข้าราชการสมาชิก กบข. ที่พอจะมีความรู้ ข้อกฎหมาย เกี่ยวกับ พรบ. กบข. และช่วยแนะนำเราควรจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อผนึกกำลังกันปกป้องผลประโยชน์ เพราะเงินใน กบข. เป็นเงินที่พวกเราคาดหวังให้เป็นเงินก้อนที่จะเพียงพอสำรองใช้ในบั้นปลายของชีวิตหลังเกษียณราชการในสภาพที่เหมาะสมตามสมควรแก่อัตภาพ คณะบุคคลที่ดูแลบริหารกิจการ กบข. ควรแสดงสปิริตแสดงความรับผิดชอบและแถลงข้อเท็จจริงให้ชัดเจนด้วย

ไม่ต้องตกใจ ปีนี้รับรองขาดทุนอีกจ้า ผมดันไปเชื่อ กบข.ไปเล่นแบบทวี ๆ ก็ติดลบ ไปเรื่อย ๆ ขออย่าให้เกิน หมื่นบาทเลย กบข.ก็คงไปโทษเศรษกิจสหรัฐอีก ก็ยาก....นี่ ไปเล่นตามเขา ทีหุ้นทำกำไรอย่างหุ้น ปตท หรือธนาคาร ก็ไม่ไปเล่น หรือไปตั้งธนาคาร กบข.เลยรับรองกำไรอื้อ

ผมมีอะไรมาให้อาน สำหรับคนที่จะเกษียณปีนี้ ต้องคิดให้หนัก(เชื่อหรือไม่)

กบข.เผยสมาชิกเกษียณปีนี้ 1.9 หมื่นคน รับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีหดเหลือ 7% แจงปีนี้เจอ 2 เด้ง ตลาดหุ้น-บอนด์ทั้งในและต่างประเทศผันผวน ยอมรับขาดทุนทางบัญชี 1 หมื่นล้านบาท คาดสถานการณ์ย่ำแย่ยาวถึงปีหน้า เชียร์สมาชิกเกษียณให้ออมเงินตˆอรอจังหวะตลาดดีค่อยถอน นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปีนี้ข้าราชการที่จะครบเกษียณอายุราชการและเกษียณก่อนครบอายุ (เออร์ลี่รีไทร์) ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จำนวน 19,000 คน ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีต่ำกว่าปีก่อน โดยผลตอบแทนตั้งแต่ตั้งกองทุน (มี.ค. 40) ถึงเดือน ส.ค. 54 อยู่ที่เฉลี่ย 7.04% ต่อปี จากปีที่แล้วข้าราชการได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.31% ต่อปี จึงอยากให้ข้าราชการที่ยังไม่รีบร้อนใช้เงินก้อนใหญ่ หรือยังไม่มีแผนจะลงทุนในรูปแบบอื่น ให้คงเงินไว้ในกองทุน กบข. และรอสถานการณ์ตลาดดีขึ้นค่อยถอนเงินออก ซึ่งจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น "เราค่อนข้างแน่ใจว่าผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมในปีนี้จะต่ำกว่า 2 ปีก่อน ตั้งแต่ปีที่แล้ว เราก็มองว่าการลงทุนในปีนี้จะมีความผันผวนมากก็ปรับกลยุทธ์ทั้งขายหุ้นและตราสารหนี้ได้เงินมาแล้ว 1 หมื่นล้านบาทซึ่งก็รอจังหวะที่จะเข้าไปลงทุนใหม่อีกครั้ง" นางสาวโสภาวดีกล่าวถึงสาเหตุที่ผลตอบแทนลดลงในปีนี้ว่า เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเพียง 3.8% ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วที่สูงถึง 45% นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนจากส่วนของการลงทุนในต่างประเทศที่ลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและปัญหาภาระหนี้สินของยุโรป และยังมีแนวโน้มต่อเนื่องยาวถึงปีหน้า จึงทำให้ปีนี้คาดว่าผลตอบแทนจะอยู่ระดับต่ำ โดยล่าสุดไตรมาส 2/54 ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.04% ขณะที่ปี 2553 ผลตอบแทนอยู่ระดับสูง 8.93% "ช่วงที่ผ่านมา กบข.ได้ปรับกลยุทธ์ลงทุนให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ด้วยการลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศ จากเดิม 22.50% เมื่อช่วงต้นปี เหลือราว 15.76% ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยแยกเป็นลงทุนหุ้นไทยสัดส่วนเหลือ 8.14% และหุ้นในตลาดต่างประเทศ 7.62%" นางสาวโสภาวดีกล่าวว่า การลงทุนหุ้นต่างประเทศในช่วงดังกล่าวมีมูลค่า 29,646 ล้านบาท ได้นำไปลงทุนในสหรัฐ 50% คิดเป็นมูลค่าราว 14,823 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ตอนนี้กำลังจะย้ายไปลงทุนกลุ่มประเทศในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น (Asia Ex-japan) มากขึ้น ส่วนการลงทุนตราสารได้มีการเพิ่มสัดส่วนลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้นจาก 69.90% เมื่อช่วงต้นปี มาเป็น 76.14% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 303,986 ล้านบาท และกำลังจะปรับมาถือตราสารหนี้อายุยาวกว่า 3 ปีมากขึ้น เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยเริ่มนิ่งขึ้นแล้ว "อย่างไรก็ตาม หากประเมินราคาสินทรัพย์ที่ลงทุนทั้งหุ้นและตราสารในขณะนี้ ซึ่งบันทึกตามตลาดราคาจะเห็นว่าขาดทุนราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ต้องเข้าใจว่าตราสารพวกนี้ปรับขึ้นลงทุนวัน และถ้ายังไม่ขายก็ยังไม่ถือว่าขาดทุน จริง ๆ" นางสาวโสภาวดีกล่าว สำหรับสถานะการลงทุน กบข. ณ เดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนเงินของสมาชิก กองกลาง และเงินสมาชิกที่พ้นสมาชิกภาพ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 389,062 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ มูลค่า 270,469 ล้านบาท คิดเป็น 67.52% ตราสารหนี้ต่างประเทศ 33,517 ล้านบาท 8.62% ตราสารทุน ไทย มูลค่า 31,663 ล้านบาท 8.14% ตราสารทุนต่างประเทศ 29,646 ล้านบาท 7.62% อสังหาริมทรัพย์ไทย 13,450 ล้านบาท 3.46% นิติบุคคลเอกชนไทย (Private Equity) ซึ่งลงทุนด้วยการถือหุ้นในบริษัทเอกชนต่าง ๆ มูลค่า 10,313 ล้านบาท 2.65%

เชื่อหรือไม่

ตอนปี51 ผมโดนหักช่วยเหลือการขาดทุนของกบข.ไปสองหมื่นบาท ปีนี้จะโดนอีกหรือเปล่าไม่รู้ เวรกรรม

ลงทุนมาก เลยโดนหักมาก ใครอยากลงทุนก็ไปเล่นหุ้นเลยดีกว่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท