ใบความรู้ที่ 2
ลักษณะและกระบวนการทำวิจัยในชั้นเรียน
ใคร ครูผู้สอน
ทำอะไร เก็บข้อมูลเพื่อสะท้อนผลและหาวิธีการแก้ไข
ที่ไหน ตามสภาพที่เกิดขึ้นจริงในชั้นเรียน
เมื่อไร ในขณะจัดการเรียนการสอน
อย่างไร ด้วยกระบวนการวิจัยที่เชื่อถือได้
เพื่ออะไร เพื่อแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา
เกี่ยวกับอะไร การจัดการเรียนการสอน
การพัฒนาหลักสูตร
การบริหารจัดการเรียนการสอน
โดยการวิจัยในชั้นเรียนมีลักษณะและกระบวนการทำวิจัยในชั้นเรียน ดังนี้
ลักษณะการวิจัยในชั้นเรียน
ขอบเขตการวิจัยในชั้นเรียน จะให้ความสำคัญกับการคิดค้นนวัตกรรม
เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนการสอน แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ
1. สื่อการเรียนการสอนที่เป็นสิ่งประดิษฐ์
2. กิจกรรมการพัฒนาหรือเทคนิคการสอน
ลักษณะการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนนั้น เริ่มต้น
จากการปฏิบัติงานการจัดการเรียน
การสอนของครูแล้วเกิดปัญหาข้อสงสัยขึ้น
ครูต้องคิดค้นพัฒนาวิธีแก้ปัญหา โดยพยายาม
แสวงหาข้อมูลมาพัฒนาและทดลองใช้ จนได้วิธีการหรือนวัตกรรม
แล้วนำไปใช้
ในการปฏิบัติงานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
สามารถนำเสนอดังแผนภูมิดังนี้
ขั้นที่ 1 ลงมือปฏิบัติ เกิดปัญหา / ข้อสงสัย
ขั้นที่ 2 คิดค้นพัฒนา แสวงหาข้อมูลพัฒนา / ทดลอง
ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ นำไปปฏิบัติ
กระบวนการทำวิจัยในชั้นเรียน
กระบวนการทำวิจัยในชั้นเรียน
จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
สามารถประมวลผลกำหนดเป็นขั้นตอนการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนได้ 5
ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
สำรวจและวิเคราะห์ปัญหา
ขั้นตอนที่ 2
การกำหนดวิธีการในการแก้ปัญหา
ขั้นตอนที่ 3
พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม
ขั้นตอนที่ 4
นำวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช้
ขั้นตอนที่ 5
สรุปผล
การดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน
มีรายละเอียดสามารถอธิบายได้ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
สำรวจและวิเคราะห์ปัญหา เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
ในการวางแผนแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน
ซึ่งจะทำให้ครูพบปัญหาที่ต้องแก้ไขหรือพัฒนา
โดยครูสามารถดำเนินการได้หลายลักษณะ เช่น
การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนในแง่มุมต่างๆ
การตรวจสมุดแบบฝึกหัด การสำรวจพฤติกรรมของผู้เรียน
ข้อมูลจากการประเมินคุณลักษณะ ข้อมูลจากการสังเกตของครูเป็นต้น
ครูจะพบปัญหาหรือข้อสงสัยที่อาจเกิดขึ้นจากผู้เรียนหรือครูหรือกระบวนการเรียนการสอน
เช่น
1. ผู้เรียนขาดทักษะการคิดวิเคราะห์
2. ผู้เรียนไม่เคยปฏิบัติตนเกี่ยวกับความรับผิดชอบให้เป็นนิสัย
3. ผู้เรียนขาดทักษะในการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง
4. ครูใช้สื่อไม่เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความสามารถของผู้เรียน
5.
ครูไม่ได้จัดโอกาสให้ผู้เรียน
ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง
6. กระบวนการเรียนการสอน ไม่สนับสนุนต่อทักษะการสืบค้นความรู้
เมื่อครูพบปัญหาจากการสำรวจ และวิเคราะห์ปัญหาแล้ว หากมีหลายปัญหา
ครูควรจัดลำดับความสำคัญของปัญหา โดยพิจารณาจากความรุนแรงของปัญหาว่า
ปัญหาใดควรได้รับการแก้ไขหรือพัฒนาก่อน เพราะเหตุใด
ขั้นตอนนี้จะนำไปสู่ปัญหาของการวิจัย
ขั้นตอนที่ 2
การกำหนดวิธีการในการแก้ปัญหา
เมื่อครูได้วิเคราะห์ปัญหาจากการศึกษาขั้นตอนที่ 1
เพื่อจะได้วิธีการในการแก้ปัญหา
ในขั้นตอนนี้ครูต้องศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น วารสาร บทความ ตำรา
คู่มือ งานวิจัย แนวคิดทฤษฎีต่างๆ
หรือข้อมูลที่มีการเผยแพร่ผ่านทางอินเตอร์เน็ท
ตลอดจนประสบการณ์ของครูเอง ซึ่งจะทำให้ครูทราบว่า
ปัญหาที่คล้ายกับปัญหาของเรามีผู้ใดศึกษาไว้บ้าง
มีการใช้วิธีใดในการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาเป็นอย่างใร
จะทำให้ครูเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนขึ้น ขั้นตอนนี้
จะนำไปสู่ขอบเขตของการวิจัย ประโยชน์และผลที่คาดว่าจะได้รับ
ขั้นตอนที่ 3
พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม จากขั้นตอนที่ 2
ครูจะได้ทางเลือกในการแก้ปัญหาในการพัฒนาการ
ซึ่งอาจเป็นวิธีการหรือนวัตกรรมที่เป็นไปได้ ในขั้นตอนนี้
ครูต้องกำหนดวิธีการหรือสร้างนวัตกรรมที่ใช้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนา
แล้วดำเนินการหาคุณภาพของวิธีการหรือนวัตกรรมจากผู้รู้ในเรื่องนั้นๆ
เช่น ครูกำหนดพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้
เมื่อครูศึกษาแนวคิดทฤษฎีต่างๆ หรือข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่างๆ
แล้วนำมาออกแบบจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ควรนำแผนการจัดการเรียนรู้นั้นไปใช้ผู้รู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา
ให้ข้อคิดเห็น เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไข
และเตรียมนำไปใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาต่อไปตามขั้นตอนที่กำหนด
ขั้นตอนที่
4 นำวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช้ ในขั้นตอนนี้
เป็นขั้นตอนที่ครูนำวิธีการหรือนวัตกรรมที่สร้างขึ้นในขั้นตอนที่ 3
ไปใช้ โดยระบุขั้นตอนปฏิบัติว่า จะใช้กับใคร เมื่อไร อย่างไร
มีการเก็บข้อมูลก่อน ระหว่าง
และหลังการใช้วิธีการหรือนวัตกรรมที่สร้างขึ้นอย่างไร ในขั้นตอนนี้
ครูต้องกำหนดวิธีการจัดเก็บข้อมูล
จัดทำเครื่องมือเพื่อการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้ง แนวทาง
การวิเคราะห์ข้อมูล
ขั้นตอนที่
5 สรุปผล เมื่อทำการรวบรวมข้อมูลได้แล้ว ให้นำข้อมูลมา
วิเคราะห์โดยเลือกใช้สถิติที่เหมาะสมกับข้อมูลที่รวบรวมได้
แล้วสรุปการวิเคราะห์ข้อมูล หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามที่ต้องการ
ก็ต้องทำการปรับปรุงแก้ไข โดยย้อนกลับไปหาวิธีการหรือนวัตกรรมใหม่
แล้วพัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม ตลอดจนวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช้อีก
จนกระทั้งสามารถ เป็นการกระทำซ้ำจากขั้นตอนที่ 2 ถึงขั้นตอนที่ 4 ใหม่
จนกระทั้งสามารถแก้ปัญหาได้ตามที่ต้องการ
แล้วเขียนรายงานสรุปผลการดำเนินงานตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1จนถึงขั้นตอนที่
4
จะทำให้ครูได้ผลงานการวิจัยที่สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนหรือการแก้ปัญหาต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ.
วิจัยเพื่อการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา,
2542.
กาญจนา วัฒานยุ. การวิจัยในชั้นเรียน
เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน.
นครปฐม : สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา, 2544.
เบญจนี บุญอบ. เอกสารประกอบการฝึกอบรม เรื่อง
การจัดทำแผนการเรียนรู้.
อัดสำเนา, 2548.
ประวิต เอราวรรณ์. การวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ :
สำนักพิมพ์ดอกหญ้า,
2542.
มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี.
การวิจัยในชั้นเรียน (ออนไลน์). แหล่งที่มา :
www.kru.ac.th/commit/education/e-training/e-training.html.
8 มีนาคม 2549.
คำสั่ง เมื่อทำการศึกษาสาระตามใบความรู้ที่ 2
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทางไกล
ทำกิจกรรมตามแบบฝึกปฏิบัติที่ 2 เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ให้ส่งผลการปฏิบัติกิจกรรมได้ที่ [email protected] ภายใน
วันที่ 19 เมษายน 2549
ไม่มีความเห็น