ความสุขหายไปไหน ...


... วิถีชีวิตมนุษย์นั้น จะให้มีแต่ความปรกติสุขอย่างเดียวไม่ได้

 

จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาด้วยเสมอ ยากจะหลีกเลี่ยงพ้น  

 

ข้อสำคัญอยู่ที่ ทุกๆ คนจะต้องเตรียมกายเตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมทุกเวลา

 

เพื่อเผชิญและแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อน (ทั้ง) นั้นด้วยความไม่ประมาท

 

ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม

 

จึงจะผ่อนหนักให้เป็นเบาและกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ ...

พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2528 วันจันทร์ 31 ธ.ค.2527)

**************************************************************************************************************


นื้อเพลงโชคมนุษย์   คำร้อง/ทำนอง : พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ

โลกมนุษย์นี้ไม่มีที่แน่นอน
ประเดี๋ยวเย็นประเดี๋ยวร้อนช่างแปรผัน
โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกทุกวัน
สาระพันหาอะไรไม่ยั่งยืน 

ีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่

ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น 
ต้องทนทาน หวานสู้อม ขมสู้กลืน
ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน 

เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ 
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา 

                                                                         ขียนถึงและขอส่งกำลังใจให้ ... ความสุข ++

หมายเลขบันทึก: 239286เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2009 10:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2012 04:49 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ได้แง่คิดที่ดีมากๆจ่ะ เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะน้องตูนที่น่ารัก ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่ ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น ต้องทนทานหวานสู้อมขมสู้กลืน ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน ..... เมื่อพายุผ่านไป ท้องฟ้าก็จะสดใส สว่าง สงบ และสวยงาม ....

เคยอ่านบทความหนึ่งเขียนไว้ว่า

"อันคนดีนั้น แม้ภัยได้มาถึงตัว แต่ความดีนั้นไซร้เล่า จะนำพาให้อยู่รอดปลอดภัย"

เป็นภาษาโบราณ ที่กล่าวขานได้ในทุกที่ ทุกสถานการณ์อย่างไม่เคยเชย

ขอบคุณบทความดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกันในยามนี้ค่ะพี่ตูน

ปล. วิภา เชื่อเหลือเกินว่า "ความดี...คุ้มครองคนดีเสมอ" เน๊าะคะ

อิทัปปัจจยตา : มันเป็นเช่นนั้นเอง ...

สู้ ๆ ๆ ต่อไป...(แล้วไปเที่ยวปายอีกรอบ) ^_^

เคยอ่านบทความหนึ่งเขียนไว้ว่า

"อันคนดีนั้น แม้ภัยได้มาถึงตัว แต่ความดีนั้นไซร้เล่า จะนำพาให้อยู่รอดปลอดภัย"

เป็นภาษาโบราณ ที่กล่าวขานได้ในทุกที่ ทุกสถานการณ์อย่างไม่เคยเชย

ขอบคุณบทความดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกันในยามนี้ค่ะพี่ตูน

ปล. วิภา เชื่อเหลือเกินว่า "ความดี...คุ้มครองคนดีเสมอ" เน๊าะคะ

สุข ทุกข์ เป็นธรรดา คิดซะว่า

เป็น สีสัน ในชีวิต ... ขอบคุณค่ะ

ปล่อยวาง เมื่อไหร่...ใจก็จะเบา..

สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ

สิ่งที่ผ่านมา ก็จะต้องผ่านไป เสมอ

เก็บเกี่ยว กอบกำเป็นกำไรไว้ได้แค่

...ความระลึกถึง...ความรู้สึกถึง

ทุกสิ่งคือ...ประสบการณ์...

ที่หาซื้อไม่ได้ และไม่มีวันย้อนกลับมาเหมือนเดิม

ความไม่แน่นอนในชีวิต คือความแน่นอนที่สุด ขอเป็นกำลังให้นะจ๊ะ สู่ ๆ ๆ

พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องสาวคนนี้ และน้องทุกๆคนที่หน่วยนะ เข้มแข็งไว้นะ สักพักทุกอย่างคงจะผ่านไปด้วยดี

  • ความไม่แน่นอน คือความแน่นอนที่สุด ขอส่งกำลังใจมาให้สู้ต่อไปครับ.....
  • ทุกข์ กับ สุข จะอยู่ด้วยกัน และเปลี่ยนกันมาเยี่ยมเรา....ตามใจของเรา

ได้ข่าวว่า ป๋า วิบูลย์ ถอดใจเหรอ แล้วอย่างนี้ ผอ.ก็ต้องรับงานหนักซิ แต่ไม่เป็นไร เทรนกันมาดี ตลอด แปดปี สู้โว๊ย !

  • ตามพี่หนึ่ง
  • มาให้กำลังใจ
  • สู้ๆๆครับ
  • เอ สู้โว้ยก็ดี
  • อิอิๆๆๆๆๆๆๆ

ความสุข....อยู่ที่ "ใจเรา" ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับท่าน ผอ.

  • มองด้านดีชีวิตก็มีความสุข เมื่อสุขแล้วก็ปล่อยวางไม่ยึดติด
  • ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง
  • ขอส่งกำลังใจให้ครับ

 

     .... วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ''การกลับมาอยู่กับตัวเอง''
กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลกแทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา ''มองด้านใน'' แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่นเพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแหยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใดสภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น

 

     วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ  การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจาก สภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด  อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์

     ปราชญ์จีนบอกว่า ''ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขาแต่จงย้ายตัวเอง '' ดังนั้นเราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างในหรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก ?

 

ส่วนหนึ่งจาก  :  วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด โดย ว.วชิรเมธี

"ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก อยู่ในวัฏสงสาร

แม้จะทำดี ทำความดีขนาดไหนก็ตาม

พายุแห่งการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ

นินทา ทุกข์ มันก็ยังมีอยู่ ไม่มีใครหนีพ้น"

 

"คนไม่มีทุกข์ ไม่มีในโลก"

 

"รักษาใจของเราไว้ให้ดี

แล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ คลี่คลายไปเอง

เพราะทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม"

 

จากหนังสือ "มีสุข" พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

  • ความสุขไม่ได้หายไป...ความสุขอยู่รอบ ๆ ตัวเรา เพียงแต่เรามองด้วยตาไม่เห็น....
  • สิ่งที่เกิดขึ้น..เป็นอยู่..และผ่านไป เป็นบททดสอบความเข้มแข็งของจิตใจ...ที่จะทำให้เราต้องมีพลังก้าวเดินต่อไป เพราะชีวิตไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่....
  • เมื่อใด...ที่จิตใจเราแข็งแกร่งและมีพลัง เราก็จะเห็นความสุข  อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง....
  • ความทรงจำดี ๆ ปาย + Coffee in Love = ความสุข

กล้าที่จะเจ็บ
                                                                     วิจักขณ์  พานิช

         ผมกลับเมืองไทยมาได้หนึ่งเดือนแล้วครับ หนนี้ถือเป็นการกลับอย่างถาวร คือ ตั้งใจจะกลับมาทำประโยชน์ที่เมืองไทย หยั่งรากและเติบโตบนผืนดินผืนนี้จริงๆ ตั้งแต่กลับมาวันแรกจนถึงวันนี้ ก็ได้ผ่านอุปสรรคทั้งภายนอกและภายในไปนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางและหมิ่นเหม่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้

         ในช่วงเวลาที่การเดินทางด้านในโอนเอนแทบจะเอาตัวไม่รอดในหลายต่อหลายครั้ง  การเดินทางด้านนอกก็ยังคงดำเนินกันต่อไปตามครรลอง ผมได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยพบปะกับผู้คนในแวดวงการศึกษามากมาย ทั้งกับคนที่เคยได้อ่านงานเขียนของผม หรือกับกัลยาณมิตรที่รู้จักมักจี่กันเป็นการส่วนตัว ผมก็ยังเป็นผม เป็นคนธรรมดาๆที่มีช่วงขึ้นลงของชีวิต มีเลือดมีเนื้อ หยิกก็เจ็บ เหน็บก็เคือง ที่ผมไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหน แต่มีเสียงนึงที่ผมชักจะได้ยินบ่อยเกินเหตุจนอดไม่ได้ที่จะต้องเอามาบ่นดังๆในบทความชิ้นนี้ ก็คือ ภาวนามาตั้งเยอะ แล้วทำไมยังทุกข์

         สำหรับผู้อ่านที่สนใจเรื่องการภาวนาเพื่ออยากจะมีชีวิตอย่างก้อนหินนิ่งๆแข็งๆ ไม่ขยับเขยื้อนหรือรู้ร้อนรู้หนาวกับชีวิตและสิ่งรอบตัว ผมก็ขอเชื้อเชิญให้เมินเฉยกับมารศาสนาอย่างผมไปเสีย เพราะไม่รู้จะเสียเวลาอ่านงานบ่นชิ้นนี้ไปทำไมให้จบ เพราะทิฏฐิที่อาจจะดูเป็นมัจฉา เอ๊ย มิจฉา ของผมในเรื่องนี้ก็คือ ผมฝึกฝนตัวเองมาก็เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างตื่นรู้  ไม่ใช่ภาวนาเพื่อให้ครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือ ภาวนาเป็นยาชา...

         คนสมัยนี้หนีมาเข้าวัด หันหน้าเข้าหาศาสนา หลงใหลการภาวนา เพราะความกลัวทุกข์ หรือ ความกลัวเจ็บ กันมากเกินไปหรือเปล่า...ก่อนที่จะวิ่งวุ่นหาทางหลุด ทางพ้น เราได้อยู่กับความทุกข์ มองทุกข์ สัมผัสทุกข์ จนรู้จักมันกันดีพอแล้วหรือยัง...เราได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตของเรามากพอแล้วล่ะหรือ

         ในมุมมองแบบโลกๆ ของผม ชีวิตมันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงอะไรขนาดนั้น ไหนๆก็เกิดมาแล้ว เราก็น่าจะลองดูกันสักตั้ง จะเอาแต่แหยๆกัน ชาตินี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกันพอดี แต่ก็นั่นล่ะครับ ที่ผมพูดก็ไม่ได้หมายความว่า การดำเนินชีวิตเป็นเรื่องง่าย ยิ่งเราเลือกที่จะฝึกใจให้เปล่าเปลือยด้วยแล้ว ชีวิตที่ไม่ง่ายก็ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่เปราะบางมากขึ้นไปอีก แต่ผมว่าก็ไอ้เพราะความเปราะบางนี่แหละ ชีวิตถึงจะเป็นชีวิต ในความเปราะบางเราจะสัมผัสได้ถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองและผู้อื่น แบบจั๊กจี้หัวใจ ยอมให้ความทุกข์เข้ามาสะกิดได้อย่างไม่มีอะไรขวางกั้น

         ฟังดูดีนะครับ แต่มีสิ่งนึงที่คงต้องบอกให้ทราบกันล่วงหน้า นั่นก็คือ หากเราเลือกที่จะฝึกฝนอยู่กับชีวิตที่เปราะบาง และหัวใจที่เปล่าเปลือยนั้น เราจะต้อง กล้าที่จะเจ็บ ให้ได้เสียก่อน  นอกจากจะไม่กลัวเจ็บแล้ว เรากลับอยากสัมผัสว่าความเจ็บที่แท้มันเป็นเช่นไร ...การภาวนาจึงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นยาระงับปวด แต่เป็นหนทางการฝึกฝนเพื่อที่เราจะสามารถตื่นอยู่กับความเจ็บ มองและเรียนรู้กับมันได้อย่างไม่กลัวเจ็บ

         ลองดูใหม่นะครับ ....เราลองมาสร้างความสัมพันธ์ เรียนรู้กับความทุกข์ แบบไม่กลัวเจ็บกัน

         ข้อแรก ความทุกข์ จะถูกสัมผัสได้ก็ด้วยการดำเนินชีวิตอย่างเปล่าเปลือย ด้วยหัวใจที่เปราะบาง เปิดรับให้โลกเข้ามาสะกิดใจเราอย่างไม่เขินอาย

         ข้อสอง ต้นตอแห่งทุกข์ ขมวดเป็นปมขึ้นจากเกราะคุ้มกันทางความคิด และแรงต้าน อันเกิดมาจากความขยาดกลัวในการไม่กล้าเข้าไปเผชิญความเจ็บนั้นอย่างตรงไปตรงมา

         ข้อสาม ความดับทุกข์ เข้าถึงได้ด้วยการดำเนินชีวิตตามอย่างนักรบผู้กล้า ผู้ที่เชื่อในความเป็นจริงแห่งจักรวาล ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้คนอย่างหาญกล้า เป็นชีวิตธรรมดาๆที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดแห่งชีวิต ตรงไปตรงมาอย่างไม่ตัดสิน

         ข้อสี่ หนทางแห่งการดับทุกข์ ก็คือ กล้าที่จะเจ็บ ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการสร้างความสัมพันธ์และทำความเข้าใจความทุกข์ในทุกแง่มุม เรียนรู้ที่จะสัมผัสโลกที่กว้างใหญ่จากหัวใจที่แตกสลาย ร่วมกับผู้คนรอบข้าง

         การภาวนาบนพื้นฐานแห่งความจริงสี่ประการข้างต้นนี้เป็นสิ่งที่มีพลังมากครับ ดูเหมือนการนั่งนิ่งๆไม่ทำอะไร จะไม่ได้มีเป้าหมายของการเป็นก้อนหินไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งรอบตัวอีกต่อไป หัวใจที่บอบบางของเราดูจะเต้นเป็นจังหวะ เลือดสูบฉีดหล่อเลี้ยงพลังแห่งการตื่นรู้ในกาย ลมหายใจเข้าออกซึมซับเข้าไปปลุกสัญชาตญาณทุกอณูรูขุมขน พื้นที่ว่างภายในขยายกว้าง คลี่คลายปมกรรมภายใน สู่ศักยภาพและความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมแห่งการรู้จักตนเอง

         บ่นมาได้ที่ ท้ายที่สุดนี้ผมก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ และป้าๆ หลายๆท่าน กับความปรารถนาดีที่มีต่อผม อยากให้ผมคลายจากความเจ็บปวดรวดร้าว ใจหายอักเสบ ก้าวข้ามอุปสรรคนานาประการ สู่ชีวิตนิพพานอันสงบ เยือกเย็น ไร้คลื่นลม ....แต่เอวังด้วยประการฉะนี้ ที่อาจเป็นเพราะด้วยความอหังการ ความดื้อด้าน อวิชชา หรือมิจฉาทิฏฐิที่แน่นหนาในตัวผม ที่ยังไงเสียก็จะขอยืนหยัดอยู่บนเส้นทางแห่งการฝึกตน บนความเชื่อมั่นในหัวใจที่เปลือยเปล่า ที่จะค่อยๆเลื่อน เคลื่อนไหลไปบนคมมีด สัมผัสความเจ็บปวดแห่งชีวิตร่วมกับเพื่อนมนุษย์ไปเรื่อยๆ อย่างไม่ตัดสิน

         อย่าเพิ่งปล่อยวางเร็วนัก ขอเจ็บอีกสักพักละกันนะครับ...

         ท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวหรืออ่านบทความอื่นๆ ของคุณวิจักขณ์ พานิช ได้ที่ <Blogazine ธรรมดา ธรรมดา>  และ<http://vichak.blogspot.com/>

ขออนุญาตเผยแพร่และขอขอบพระคุณ  คุณวิจักขณ์ พานิช มา ณ ที่นี้ค่ะ

"สิ่งที่เห็น ที่เป็นอยู่คือ ฤดูกาล

ผ่านมาถึง แล้ววันหนึ่งคงต้องไป

สิ่งใดก็ตาม จะร้ายดี มากสักเพียงใด

สิ่งที่พบนั้น จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้ามา"

"ผ่านมาแล้ว เคยผ่าน วันที่เสียใจ

จดเอาไว้ ว่าวันหนึ่งมีน้ำตา

แต่ในชีวิต อีกด้านหนึ่งที่ได้เจอมา

ยังมีเรื่องราว ดีดีให้จำมากมาย"

ผ่านมาแล้วผ่านไป สิ่งที่คงอยู่คือ ใจของเรา

ความสุขไม่ได้หายไปใหน

ปล่อยทุก ก็สุขใจ

อยู่ในกฎเกณฑ์มากไปก็อึดอัด

คนผิดหวัง ก็มักจะเป็นคนไร้สติ ถ้ามีสติทำอะไรก็สำเร็จ สติมา-ปัญญาเกิดไง...เก็บตัวเสียใจกับทุกๆเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตให้พอ แล้วก็เริ่มรักตัวเองให้มากๆ เท่าที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ปล่อยวางกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต เป็นบทเรียนที่หาไม่ได้อีกแล้ว...จริงๆนะตัวเอง..!

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท