-เป็นบทความของ ท่านพุทฺธิสาโร (ปฏิบัติการทางสังคมของวิธีคิดเรื่องเพศในสังคมไทย) บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือรวมบทความของมหิดล
-เนื่องจากว่า มีประเด็นปัญหาดังที่บทความนี้ได้เคยกล่าวไว้ ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาตท่านเจ้าของบทความนี้ นำมาเผยแผ่ให้ได้อ่านกันอีกครั้ง
-ที่มา http://www.sexualityconferencethailand.net/paper_3_10.pdf
บัณเฑาะก์ กะเทย เกย์ : ประเด็นปัญหาว่าด้วยการบวชในสังคมไทย
บทนำ
สังคมไทยปัจจุบัน มี “พื้นที่” ให้กับกลุ่มคน “ที่มิใช่ชายและหญิง” ที่มีศัพท์เรียกว่า “บัณเฑาะก์ กะเทย เกย์ ตุ๊ด แต๋ว” หรืออื่นใดที่มีลักษณะบ่งไปถึงชายเพศที่ ๓ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ในทางสื่อ ทีวี นิตยสาร รวมไปถึงการแสดงออกในด้านต่าง ๆ เช่น การประกวดสาวประเภทสอง พฤติกรรมเหล่านี้จะเป็นเป้าหมายแฝง หรือจะเป็นเพียงการล้อเลียนก็ตาม แต่ได้กลายเป็นว่าถูกยอมรับในสังคมวงกว้างขึ้นอย่างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ถึงจะไม่สนิทสมยอมเสียทีเดียวก็ตาม ในส่วนมิติทางศาสนาซึ่งแต่เดิมเป็นที่เฉพาะเสมือนต้องห้ามของกลุ่มชายเพศวิถีมาอย่างยาวนาน แต่ได้เกิดประเด็นวิพากษ์ที่ว่า “พระพุทธศาสนารับกลุ่มเพศที่สาม” บัณเฑาะก์ กะเทย ตุ๊ด แต๋ว เข้ามาบวชได้อย่างไร ? ทางสื่อชนิดต่างๆ จนกลายเป็น “วิวาทะ” ของสังคม เหตุการณ์ดังกล่าวในส่วนของกลุ่มเพศวิถีโต้แย้งด้วยสิทธิในฐานะเป็นสมาชิกในสังคม รวมไปถึงมีหน้าที่ในฐานะเป็นลูกที่จะพึงกระทำต่อบิดามารดา รวมไปถึงสิทธิ์ในการเข้าถึงธรรมะในแบบชาวพุทธ ถึงเหตุผลฟังดูอาจมีน้ำหนักแต่ก็บางเบาต่อการตอบรับหรือสนับสนุนจากองค์รวมได้
ประเด็นวิพากษ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มองไปที่ว่า “พระพุทธศาสนารับคนกลุ่มนี้มาบวชได้อย่างไร” รวมไปถึงความเหมาะสมตามบัญญัติ ผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา จนกระทั่งเลยไปถึงการมีเซ็กส์ ที่อิงแอบและไม่สามารถตรวจสอบได้ เหตุการณ์เหล่านี้เป็นประเด็นถกเถียงกันในเชิงสังคมว่า “สมควรหรือไม่” อันเนื่องด้วยเหตุผลที่พระพุทธศาสนามีลักษณะเฉพาะในการ “รับ” บุคคลเข้ามาบวช ที่เรียกว่า “บุคคลห้ามบวช” ตามบัญญัติเดิมที่ปรากฏชัดเจนอยู่แล้วว่า ผู้ที่จะบวชต้องไม่ใช่ “บัณเฑาะก์” หรือ “อุภโตพยัญชนะ” ซึ่งอาจหมายรวมไปถึง เกย์ กะเทย ตุ๊ด แต๋ว ? ดังนั้นกรณีที่ชายไม่จริงเข้ามาบวชจนอยู่ในปัจจุบันจนเป็นชุมชนของ “พระนะย่ะ” ที่มีให้เห็นอยู่อย่างดาษดื่นและปรากฏเป็นประเด็นวิพากษ์ จึงถูกตั้งคำถามและจะแสวงหากรอบและเกณฑ์ใดมาเป็นเครื่องมือในการจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน
ดังนั้น เพื่อหาคำตอบให้กับสังคมไทย จะได้มีข้อมูลเพื่อใช้เป็นฐานคิดในการเปรียบเทียบและ “วางท่าที” อย่างมีหลัก ในแบบ “ชาวพุทธ” ได้อย่างถูกต้อง หรือเตรียมฐานข้อมูลเพื่อรองรับอนาคตว่า ถ้าเกิดประเด็นเหล่านี้อีก และเพิ่มมากขึ้น กรณีเปรียบเทียบกับกลุ่มสิทธิสตรีต่อการบวชเป็นภิกษุณีในไทย ต่อไปถ้าเกิดมีกลุ่มสิทธิชายเพศวิถี ต่อการ “บวช” กันมากขึ้น “บัณเฑาะก์-กะเทย-เกย์” จะถูกตีความประการใด แนวทางของพระธรรมวินัยจะถูกตีความเพื่อรองรับอนาคตอย่างไร ? และหรือจะสนับสนุนสมยอมกับการเปลี่ยนแปลงตามกระแสการไหล่บ่าทางวัฒนธรรม เมื่อเทียบกับรูปแบบทางสังคมในสังคมตะวันตก จนเปลี่ยนไปเป็น “อนุวัติตามบ้านเมือง” หรือจะรักษารูปแบบเดิมไว้ โดยหาคำอธิบายเพิ่มว่าทำไม “จึงมีการห้าม”คนที่เป็น “บัณเฑาะก์ กะเทย เกย์” บวช เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เป็นบัญญัติเดิมเหมาะควรดีแล้ว และหรือ “บัญญัติ” ใดๆ สามารถปรับแก้ได้ตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับสมัยกาล
มารับความรู้ค่ะ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ดูเหมือนจะหาทางออกยาก เพราะมาตรการการควบคุมหรือการจัดการยังไม่เข้มงวดเพียงพอ ขอบพระคุณค่ะ
นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
ได้ดูข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนแรกก็สงสัยค่ะ ... แต่เข้าใจแล้วค่ะ แล้วในกรณีที่บางกลุ่ม ซึ่งแสดงออกไม่ชัดเจนล่ะคะ ถือเป็น กลุ่ม บุคคลต้องห้าม บวช ด้วยหรือไม่คะ ... เพราะในทางปฏิบัติ ก็คงสามารถบวชได้ใช่ไหมคะ ตราบเท่าที่เขาเหล่านั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่น
เรียนถามด้วยความเคารพค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
หากท่านเหล่านั้นไม่มีพฤติกรรมประเจิดประเจ้อ ก็คงไม่มีข่าวออกมาให้เสื่อมเสียแบบนี้หรอกครับ ขอบคุณครับ
ได้ครับ ถ้าเป้าหมายคือการบรรลุธรรม