เด็กต้องการอะไร


เด็กต้องการอะไรในวันเด็กไร้สัญชาติ

 

“เด็กต้องการอะไร”

หยิบกระดาษขาวหนึ่งแผ่นขึ้นมาพร้อมทั้งเขียนคำว่า “ปัญหา” แล้วคว่ำกระดาษดังกล่าวไว้บนพื้นพร้อมทั้งหาหินสีสวยๆจากแม่น้ำนำมาทับและเขียนลงบนหินว่า “เปิดดูได้” คุณคิดว่าคุณจะเปิดดูหรือไม่และจะหยิบ กระดาษแผ่นนั้นไปคิดต่อไหมว่าอะไรคือปัญหาของกระดาษแผ่นนี้ เพราะบางทีแค่เราคิดก็เป็นจุดเริ่มต้นแล้ว

เป็นโอกาสอันดีของต้นปี ๒๕๕๒ ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพ จำนวน๓๐ คนได้มีโอกาสไปเป็นส่วนหนึ่งในโครงการวันเด็กไร้สัญชาติ ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๖-๘ มกราคม ๒๕๕๒ ณ ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน ๗ หมู่บ้าน ตำบล สบเมย อำเภอ สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นต้นปีที่ได้รับคำสอนและให้อะไรดีๆได้มากมายในชีวิตหลายอย่างแก่ตัวนักศึกษามากกว่าการที่นั่งเปิดตำราศึกษา หรือค้นคว้าหาจากอินเตอร์เน็ตในเมืองมาก ซึ่งผมเองก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการครั้งนี้ และเป็นครั้งแรกที่ได้รู้เรื่องจริงผ่านสายตาของตนเอง

เช้าของวันที่ ๖ ในวันที่เริ่มออกเดินทางจากรั้วมหาวิทยาลัยพายัพนั้น การเดินทางใช้บริการรถเมล์โดยสารประจำทางที่มีอาจารย์อีกหนึ่งท่านจากคณะและคณะบดีของคณนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยพายัพ โดยการเดินทางก็ไม่ยากลำบากไปเท่าไหร่นัก ใช้เวลาเดินทางกว่า ๕ ชั่วโมง จึงถึงที่ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน บ่ายสามโมงวันนั้นเป็นวันที่ยังยุ่งๆ อยู่กับการหาที่พักสำหรับน้องและอาจารย์ที่มากับโครงการ จึงยังไม่เห็นภาพอะไรไปมากกว่า เด็กๆที่ศูนย์ฯได้เข้ามาทักทายกลุ่มนักศึกษาและชั่วครู่หนึ่งผู้อำนวยการศูนย์ฯ ก็ได้เข้ามากล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พร้อมทั้งช่วยจัดหาเต็นท์พักแรมสำหรับค่ำคืนนั้นในบริเวณพื้นที่ใกล้ศูนย์ฯ ซึ่งภายในพื้นที่ที่พักแรมนั้นค่อนข้างที่จะลำบากอีกทั้งยังห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจเป็นที่สุดคือคณบดีของเราร่วมรับสิ่งเหล่านั้นด้วยความเป็นกันเอง ภายหลังจากที่ทุกคนได้ทำภารกิจส่วนตัวของทุกคนเสร็จสิ้น เราทุกคนได้เดินเข้าห้องประชุมเพื่อร่วมฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น ทำให้ผมทราบข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ยังไม่มีสัญชาตินั้นมีอยู่จริง(เพียงแค่ ๒๐๐ กิโลเมตรจากเชียงใหม่)พร้อมทั้งปัญหาต่างๆมากมายที่ทำให้เขาเหล่านั้นกลายเป็นคนต่างด้าว เช่น ขั้นตอนในการดำเนินการขอสัญชาติ หรือวิธีการดำรงชีพอันยากลำบากของเขาเหล่านั้น มันคงจะไม่ชัดเจนนักมากหากเราไม่เห็นด้วยสายตาของตนเอง เด็กที่ศูนย์ฯหลายคนหรือเกือบทั้งหมดไม่มีสัญชาติ ซึ่งเย็นวันนั้นผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเด็กๆที่เข้ามาได้ช่วยเรากางเต้น เล่นน้ำที่ลำธาร พูดคุยเรื่องทั่วไปจะเป็นเด็กที่แตกต่างไปจากในเมือง ผมแทบไม่รู้สึกเลยว่าเขามีปัญหาอะไร ผมกลับรู้สึกจากแววตาของน้องๆเหล่านั้นว่า มีความสุข สนุกกับการดำเนินชีวิตในวัยเด็ก ที่ยังคงไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่า “สนุก” เพียงเท่านั้น พอหลังจากที่ได้ฟังคำชี้แจงโดย คุณ สุรพงษ์ กองจันทึก(พี่หนอน) กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความเสร็จจึงทราบถึงปัญหาและกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น

เช้าของวันที่ ๗ เหล่านักศึกษาและอาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ทั้งหมดพร้อมกันตั้งแต่แปดโมงเช้าเพื่อเข้าฟังการชี้แจงตามฐานต่างๆที่ได้จัดไว้เพื่อ ช่วยเหลือเด็กๆไร้สัญชาติที่จะมาดำเนินการยื่นคำร้อง ณ สำนักทะเบียนอำเภอแม่สะเรียง สำหรับบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง โดยการจัดแบ่งฐานต่างๆของทางศูนย์ฯ เพื่อประโยชน์ในการช่วยเตรียมความพร้อมด้านพยานหลักฐานทั้งทางเอกสารและพยานบุคคล อีกทั้งยังช่วยเสริมความรู้และความเข้าใจแก่นักศึกษาได้เป็นอย่างดี โดยบรรยากาศภายในช่วงเช้านั้น เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างที่จะวุ่นวาย เนื่องจากกลุ่มนักศึกษายังขาดความรู้และความชำนาญในการดำเนินกิจกรรมที่ทางศูนย์ฯเตรียมให้ แต่กิจกรรมทั้งหมดก็ผ่านไปด้วยดี เพราะพี่ๆวิทยากรช่วยดูแล อีกทั้งผู้ที่ประสงค์จะยื่นคำร้องขอสัญชาติมีจำนวนมาก และบางคนยังขาดความรู้และความเข้าใจ ผมเข้าใจได้เลยว่าเด็กๆเหล่านี้มีความต้องการมากเพียงใด บางคนอยู่จังหวัดตาก บางกลุ่มมาจากอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เด็กเหล่านี้ทราบเพียงแค่คำว่า “สัญชาติ” ก็เดินทางมาที่ศูนย์เพียงเพื่อหวังที่ตนเองจะได้รับสิทธิการเป็นคนไทย ผมลองนึกๆดูในวัยแปดขวบผมเองยังสนุกอยู่ โดยไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่บ้านหรือตัวเองขาดหรือเหลืออะไร แต่เด็กๆเหล่านี้ต้องการเพียงแค่ผืนดินที่รองรับการมีชีวิตอยู่จริง แผ่นดินที่เรียกได้เต็มปากว่าแผ่นดินแม่ ถ้าหากตอนเช้าเราเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ยืนเคารพธงชาติพร้อมกับเราตอนแปดโมงเช้า คุณก็คงจะยังไม่ได้คิดว่าเขาเป็นอื่นไปแน่นอกจากคนไทย และในช่วงบ่ายของวันเหล่าผู้ยื่นคำร้องได้ทำการยืนคำร้องพร้อมกับผู้เข้าค่ายและวิทยากรเพื่อช่วยเหลือและศึกษาเป็นกรณีตัวอย่าง

เหล่านักศึกษานิติศาสตร์มหาวิทยาลัยพายัพ โดยรวมทั้งผมนักศึกษานิติศาสตร์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยพายัพ ไม่สามารถเดินทางไปร่วมเป็นกำลังใจและศึกษาดูวิธีการดำเนินการในการยื่นคำร้องขอสัญชาติอย่างใด แต่ได้เตรียมงานสำหรับวันรุ่งขึ้นที่จะเป็นงานวันเด็กไร้สัญชาติ ครั้งที่ ๗ ของศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน แต่ดูๆไปนักศึกษาของเราจะตั้งใจเตรียมกิจกรรมและของรางวัลมากเสียกว่า กิจกรรมช่วงเช้าเสียอีก ได้เตรียมทั้งกิจกรรมนันทนาการต่างๆมากมาย ขนม,ของเล่นและอุปกรณ์การเรียน ซึ่งพวกเราหลายคนคงคิดเหมือนกัน ที่อาจเพราะเด็กๆเหล่านี้ ไม่มีอะไรหลายอย่างที่เรามี ไม่ได้ทานอาหารหลายอย่างที่เราหาทานได้ง่าย แต่ที่เด็กเหล่านี้มีแต่เราไม่มี คือ “แกร่ง”ซึ่งเด็กๆในเมืองหลายคนหากได้ไปอยู่ในที่อย่างนั้น ใช้ชีวิตอย่างนั้นคงอดทนต่อวิถีชีวิตได้ยากยิ่ง แม้แต่พวกเราเอง ยังต้องพยายามที่จะดำรงอยู่เพื่อทำให้เด็กที่นั่น รู้ว่าอย่างน้อยในวันพรุ่งนี้ของพวกเขาจะเดินยิ้มกลับบ้านพร้อมกับข้าวของในมือที่มีทั้งอุปกรณ์การเรียนและขนมต่างๆมากมาย อย่างน้อยหนึ่งปีที่เราและเขา จะได้จดจำได้ว่ายังมีคนที่อยากได้โอกาสและยังมีกลุ่มคนที่คณะนี้และอีกหลายคณะอยากให้ความสำคัญต่อเขา เช้าวันที่นั่งเขียนบทความนี้ผมยังนั่งยิ้มนึกถึงเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในศูนย์ฯและยังมีความสุขกับภาพจินตนาการที่นั้นอยู่เลย

เช้าวันที่ ๘ เป็นเช้าที่ผมตื่นขึ้นมาเพราะตกใจเสียง “ก๊อบ..แก๊ป” หน้าเต็นท์ที่พักของผมเอง พอผมโผล่หัวของตัวเองออกมานอกเต็นท์จึงได้เห็นภาพ ที่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งทานขนมที่น้องๆที่คณะลืมเก็บเมื่อคืน ทันทีที่ผมโผล่หัวออกมาเด็กผู้ชายคนนั้นเขาก็หันมามองผมด้วยสายตาที่ “พี่จะโกรธผมไหมที่ผมแอบทานขนมของพี่จนหมด”(ผมแค่นึกเผื่อน้องเขาไว้) ผมจึงบอกน้องเขาว่าทานไปเถอะครับ ขนมอร่อยไหม ขณะที่พูดประโยคนั้นอยู่ผมกลับเห็นเด็กชายอีกคนนั่งกอดรั้ว แล้วยืนขึ้นสวัสดีตอนเช้าให้ผม เป็นภาพที่น่าประทับใจมากยิ่งนัก มันทำให้เช้าของผมรู้สึกสดชื่นยิ่ง อีกทั้งเช้านี้ยังเป็นเช้าที่อากาศหนาวเย็นแถมยังมีหมอกจางๆบนปลายยอดเขาให้เราเห็น หมอกที่โดนแสงสาดส่องจากคุณพระอาทิตย์ตอนเช้านี้ช่างสวยงาม แต่ผมว่าทั้งหมดนี้มันขาดเพียงสิ่งเดียว คือ “เวลาที่จะมานั่งมองความงามของธรรมชาติ” เพราะกิจกรรมในเช้าวันนี้ยังคงมีอะไรให้เราต้องทำอีกมากมาย

เช้าวันนี้เป็นอาหารที่พิเศษสุดจากการคิดค้นและแสวงหาหนทางเอาตัวรอดจากสภาพความเป็นอยู่ที่ยากยิ่งที่จะทานได้ อาหารเช้ามื้อนี้นอกจากจะเป็นกาแฟร้อนๆ แล้วยังมีข้าวไข่เจียว ที่น้องๆปรุงเอง เพื่อให้อาจารย์และเพื่อนๆรวมถึงผมเองด้วยทานอิ่มท้อง ช่างเป็นเช้าวันที่วิเศษจริง ทั้งความน่ารักจากเด็กๆ บรรยากาศยามเช้ารวมทั้งอาหารอร่อยๆ พอแล้วเสร็จจากภารกิจทั้งปวง น้องที่ประจำฐานแต่ละฐานก็แยกตัวกันออกไปดูแลกิจกรรมของตนเอง โดยน้องๆได้แบ่งขนมและของรางวัลมากมายเป็นสามส่วน ซึ่งพอที่จะสร้างฐานกิจกรรมได้สามส่วนให้เด็กๆได้ร่วมกิจกรรมกับพี่ๆ ผมเองในนาทีนั้นยอมรับตัวเองเลยว่าไม่เคยไปงานวันเด็กหรือจัดกิจกรรมวันเด็กมาก่อน อาจเพราะตัวผมเองเป็นพี่คนโตหรืออะไรก็ตามแต่ สายๆนี้เราคงจะสนุกแน่ๆพอบอกกับตัวเองเสร็จ ในช่วงเวลาที่รอกล่าวเปิดงาน โดยนายอำเภอประจำอำเภอสบเมย ผมนั่งคิดเล่นๆว่าสมัยเด็กแปดขวบผมเองต้องการอะไร แต่ทั้งนี้คงเอาตัวเองตั้งเป็นฐานคิดคงไม่ได้ด้วยเวลาและคุณภาพการใช้ชีวิต แต่จากภาพที่ผ่านสายตา เด็กๆที่มาร่วมงานต่างเฝ้ามองหาความสนุกสนานจากกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ของรางวัลมากมายจากหลายหน่วยงาน พอหลังจากพิธีเปิดงานเสร็จเด็กๆทั้งหมดก็เริ่มกระจายตามฐานต่างๆ ซึ่งฐานผมเองก็อยู่บนพื้นที่ไกลจากตัวงานพอสมควร แรกๆเด็กก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามาเล่นกับทีมงานของผมซักเท่าไร ผมโชคดีที่ได้น้องมาช่วยงานที่ฐาน ทั้ง น้องโก้ น้องบอล น้องอะตอม ฯลฯ จึงไม่ค่อยเหนื่อยกับการจัดกิจกรรมเท่าใด จากที่เด็กๆเข้ามาหรือผ่านจากฐานกิจกรรมอื่นมา น้องๆมีขนมและของเต็มมือมาหมดถึงขนาดที่พอผมจะยื่นขนมให้เด็กๆ กลับถูกปฏิเสธที่จะรับขนมอีกเลยทีเดียว อาจเพราะบางทีผู้ใหญ่อาจคิดแทนเด็กๆไปแล้วว่าต้องอย่างนู้นอย่างนี้โดยไม่ถามเขาก่อนว่าต้องการหรือไม่ แต่ก็ไม่เป็นไรแก้ไขปัญหาให้ถูกที่กันต่อไป

เนื่องจากขนมต่างๆที่เตรียมมาจากในเมืองนั้นทางคณะและน้องๆหามามากมายมาก ผมเลยคิดที่จะเทขนมทั้งหมดออกจากถุงใบใหญ่ต่อหน้าเด็กๆที่มาฐานกิจกรรมผม แล้วให้เขารับทานโดยไม่ต้องหยิบกลับบ้าน(เอาแบบบุฟเฟ่ในเมืองมา คงจะมีความสุขที่ตัวเด็กๆเองเห็นขนมกองเป็นภูเขา หรืออาจเรียกได้ว่าภูเขาขนม) เด็กๆดีใจยืนยิ้ม ทานขนม ลูกอมกันใหญ่ ผมสังเกตเห็นมีเด็กน้อยคนหนึ่งทานลูกอมเข้าไปสามถึงสี่เม็ดในทีเดียวและที่น่าแปลกสำหรับผมคือ “มันอมคนละยี่ห้อด้วย” น้องเขาคงอร่อยหรือผมคงเริ่มทำบาปแล้ว แต่ก็ได้ถามน้องเขาไปว่าอร่อยหรือ เด็กชายคนนั้นก็อายๆแล้วเดินเข้าไปหยิบขนมมาทานอีก ผมประทับใจกับภาพที่เด็กๆทานมาก ผมแทบไม่เห็นใครแอบเอาขนมกลับบ้านหรือหยิบใส่กระเป๋าหรือถุงตัวเองเลย ดูเด็กๆเหล่านี้เคารพกฎกติกาที่ตั้งเอาไว้มาก ผมลองย้อนนึกดูว่าถ้าได้จัดกิจกรรมแบบนี้ที่ในเมืองเชียงใหม่คงจะต้องมีเด็กที่แอบหยิบขนมกลับบ้านเป็นแน่ๆ คงจะดีกว่านี้ถ้าโอกาสของเด็กที่ศูนย์ฯเหล่านี้มีทั่วถึง แค่เรื่องเล็กน้อยยังไม่ทำการฝ่าฝืน เด็กเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อสังคมขนาดไหน

 หลังจากที่ให้เด็กทานขนมไปมากมาย ผมก็เริ่มรู้สึกว่าขยะจากขนมและลูกอมเริ่มมากมาย ทั้งที่เตรียมถุงใส่ขยะไว้ให้ แต่ก็นั้นแหละครับความเป็นเด็กบวกกับโอกาสในการทานขนมกองใหญ่เป็นภูเขาถ้าเป็นผมเองก็คงไม่อยากพลาดออกมาได้ง่ายๆ ผมเลยเดินสำรวจงานเพื่อตามหา “ปากกาศิลปะ” ด้ามหนึ่ง (เคยมีหนังสือเล่มหนึ่งที่เคยอ่านในวัยเด็กกล่าวไว้ว่า ใครก็ตามที่ทำให้โลกนี้สะอาด คนนั้นก็เป็น “ศิลปิน” ) คือไม้กวาดนั้นเองที่จะนำไปกวาดพื้นที่ฐานกิจกรรมของผม แต่เดินไปก็พบว่าขยะมีเกลื่อนงานเต็มไปหมด ผมเลยแอบกระซิบกันน้องเจนนี่(โดราเอม่อนคณะ)ว่าจะทำอย่างไร น้องเขาก็เสนอไอเดียรให้เด็กในงานเก็บขยะมาแลกขนม แปลกนะครับที่ทุกหน่วยงานร่วมกันจัดกิจกรรมวันเด็ก แต่ไม่มีหน่วยงานไหนที่จะออกมาช่วยกันรักษาความสะอาดของงาน ซึ่งศูนย์ฯเองก็จะสกปรก หลังจากเลิกกิจกรรมวันนี้เด็กที่พักที่ศูนย์ฯก็จะต้องออกมาทำความสะอาด แต่ก็ทั้งนี้และทั้งนั้นแหละ ก็รับผิดชอบร่วมกันต่อไป พอน้องเจนนี้ประกาศ เด็กเกือบทั้งงานเก็บขยะมาแลกขนมจนขนมในมือพวกเราหมด ขยะที่เกิดจากการเก็บของเด็กเกือบห้าถุงดำที่เตรียมไว้ได้ แต่เด็กก็ยังเก็บขยะมาอีกมาแลกแม้กระทั้งลูกโป่งที่พวกเราใช้จัดฐานกิจกรรม ความรู้สึกถึงการลงแรงและต้องได้สิ่งตอบแทนของเด็กเหล่านี้มาจากไหน เราออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งสามวัน ยังไม่คิดค่าของราคาใดๆเลยเพียงแม้แต่น้อย แต่ก็นั้นแหละเวลากับโอกาสที่ดีวันหนึ่งน้องๆเหล่านี้คงจะคิดอะไรได้มากขึ้น เด็กก็เหมือนกับผ้าสีขาวอย่างที่ใครว่าเอาไว้ ผ้าขาวนั้นพอได้มีโอกาสเติบโตขึ้นมาและได้กลายมาเป็นวัยรุ่น อาจไม่ได้เกิดจากการคิดเองหรือเป็นนิสัยส่วนตัวเป็นแน่แท้ หากไม่ใช่เพราะการนำเสนอของสื่อต่างๆ ที่คนทุกคนบริโภคเข้าไปโดยไม่ใสใจต่อผลในเวลาอันสั้นหรือยาว ก่อให้เกิดค่านิยมและความเชื่อให้เด็ก และสิ่งเหล่านี้ที่หลอมรวมให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีหรือไม่ดีได้  หากจะกล่าวไปแล้วผู้ใหญ่เองก็มีส่วนต่างๆที่เป็นคนควบคุมและสร้างสังคมให้เด็กๆ ไม่ว่าจะในรูปของผู้บริหาร นักข่าว นักการเมือง นักแสดง ดารา นักร้อง ตัวของพ่อแม่เอง หรือแม้กระทั่งครู

ดังนั้นชื่อหัวข้อ “เด็กต้องการอะไร” ที่เป็นคำถามต้นสมควรจะเป็นประโยคที่ผมใช้ตั้งเป็นชื่อบทความตัวเองมากกว่า เพราะคงไม่มีใครที่ไหนหรอกที่อยากเกิดมาอยู่ในสังคมที่ไม่ดี แต่ก็อย่างที่พูดว่าพวกเราก็เป็นเสมือนหนึ่งหยดสีที่แต่งแต้มลงไปบนตัวเด็กไม่ว่าจะโดยวิธีการโดยตรงหรือทางอ้อม แต่ที่ไม่ว่าใครจะแต่งแต้มสีไหนๆเด็กเหล่านี้ก็ต้องจำยอมอยู่ดี ปัญหาต่างๆที่เด็กเผชิญอยู่ตอนนี้อย่างที่ตัวเขาเองยังรู้ตัวและหาหนทางแก้ยังไม่น่ากลัวเสียกว่าที่เด็กไม่รู้ตัวเองว่าตื่นขึ้นมาเป็นคนไร้ซึ่งสัญชาติ

พระอาทิตย์ตกที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างพักเหนื่อยเล่นน้ำที่ลำธาร

ตอนนี้เรากำลงมีชมรมแล้วนะครับร่วมมือกันระหว่างนักศึกษาปริญญาตรีกับปริญญาโท นิติ ม.พายัพ เย้เย้.

หมายเลขบันทึก: 236611เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2009 02:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

อาจจะช้าไป แต่ก็ยังไม่คิดที่จะเดินถอยหลังซักก้าว

เด็กไร้สัญชาติ ยังรอโอกาส ค่ะ

เป็นกำลังใจในการงานเพื่อสังคมค่ะ

....

ภาพงามมากๆ คิดถึง แม่สอด

สบเมย คิดถึง น. เงา ได้ชื่นเย็น

....

เอ้า รอบนี้อ่านหมดแล้วพี่

อ่านผ่านๆก็ผิดอีก 555+

จริงๆก่อนกลับอยากไปเล่นน้ำอีกสักรอบ*0*

เพราะรู้สึกเหนื่อยแล้วก็ร้อน =..= a

น้อง BG ที่จริงก็อยากไปเล่นนะ แต่ทว่าจะกลับมาทานหมูกะทะช้าอ่ะดิ

ออไปคราวหน้าที่ ขุนยวมแวะไปกันไหมล่ะครับ ยังพอมีแรง...ซึมซับ

ขอบคุณคุณ ปู (ถ้าอ่านไม่ผิด) น้องๆอย่างเราจะเป็นกล้าใหม่ที่จริงใจ

ที่จะพยายามช่วยเหลือสังคมอีกหนึ่งแรงครับ แม้นจะเป็นลมที่บางเบา

แต่จะพัดสม่ำ และเสมอ...

พี่อุ้มคะ เอามาประจานกันซะงั้น รูปอ่ะดี แต่ไอ้ชื่อน่ะขอได้มั้ย อย่าลืมนะว่าพี่ยังมีเรื่องให้หนูแฉอยู่5555

อุ้มครับ

ตรวจคำผิดด้วยครับ เดี๋ยวอายน้องๆ นะครับ

(ป้าตามมาแซว)

ครับ แก้ไขหน้าจะหมดแล้วครับ

ขอบคุณป้าต๊อกมากครับ...

http://learners.in.th/portal/justbemyself

ไปติงให้หน่อยนะพี่เพิ่งมีบทความแรก

ได้อ่านบทความของเพ่แล้วนะคะ ก้อดีใจที่พี่ประทับใจทุกงาน และแต่ละงาน หนูก็ได้เห็นความเป็นคนดีของขึ้นเรื่อยๆ ดีใจที่มีพี่ชายที่ชอบคิด ชอบทำอะไรแปลกๆ แต่สร้างสรรค์ และสามารถจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

ดีอุ้ม

มาแวะกทักทาย แม้จะมาช้าแต่ก็ดีกว่าไม่มาใช่ไหมละ

นายเขียนดีนะ ยังไงให้คิดว่าเราคือใครและเราจะให้อะไรกับสังคมนะเพื่อน

งานเขียนอันใหม่อยู่ไหน ครับท่าน!!!

เจ้าบัวจมน้ำครับ หาคำว่า "หัวรถไฟ" ครับ ที่จริงแล้วพี่ก็บันทึกเพิ่มที่เด็กต้องการอะไรนี่แหละครับ ขอบคุณคุณอริยะและน้องๆ เพื่อน พี่ ป้า น้า อา ทั้งหลายนะครับ ไว้พบกันใหม่อริยะ

"นายอุ้ม ครูเลยไม่ได้ชมอุ้มผ่านบล็อก เขียนดีนะ แม้จะยังมีคำผิดเหมือนเดิม ..ฮ่าๆๆ"

ขอนำมาฝากไว้ที่ตรงนี้จาก "ชมรมหัวรถไฟ" ที่ผมเขียนไว้นะครับ ผมเองยังคงทำอะไปได้มาก

ถ้าหากขาดองค์ประกอบหลายอย่าง จนวันนี้ ขอบคุณครับป้าต๊อก แต่ Aum is Aum ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท