ปัจจัยที่ห้าของชีวิต


โครงการ บริการฟรีเว็บท่า Portals.in.th จึงเป็นเรื่องที่ผมเห็นว่า มหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ น่าจะให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

      Kenote Speaker ในเช้าวันที่สองของการเสวนาเครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย ครั้งที่ ๑๔ (UKM14) โดย ผศ.ดร.ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ ได้เล่าให้สมาชิดฟังถึง โครงการ Digital KM ซึ่งเป็นโครงการที่อาจจะถือว่า เป็นการพัฒนาต่อยอดของโครงการ ซอฟแวร์ระบบจัดการความรู้ระดับองค์กร (Knowledge Volution) ที่เป็นซอฟแวร์สายพันธุ์ไทยแท้และเป็นระบบเปิด (open source) และใช้ในเว็บบล็อกที่เคยขึ้นเป็นเว็บอันดับหนึ่งของประเทศไทยมาแล้ว คือ Gotoknow.org ที่พวกเราชาว G2K ทราบกันดีอยู่แล้ว

       อาจารย์สรุปให้ฟังว่า โครงการ Digital KM ตั้งความหวังไว้ว่าจะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเพื่อลด ความไม่เท่าเทียมกันของประชาชนในการเข้าถึงความรู้และข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ  (Digital Devide) ซึ่งอาจารย์ถือว่าในยุคนี้ ความรู้และข่าวสารข้อมูล เป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิต ไปแล้ว การพยายามที่จะให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงความรู้และข้อมูลข่าวสารจึงมีความสำคัญมาก

        โดยสั้น ๆ โครงการ Digital KM เป็นชุดโครงการระบบออนไลน์ เพื่อจัดการความรู้สู่สุขภาวะ ของประชาชน ที่พัฒนาภายใต้หลักการที่ใช้ความต้องการของผู้ใช้เป็นสำคัญ (User-Centered Software Development) และใช้ไปพัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการที่เปลี่ยนไป โดยสรุปโครงการช่วง สามปีที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส. จะแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนหลักคือ โครงการจัดการ ความรู้ฝังลึก  ความรู้ชัดแจ้ง และ ศูนย์รวมข้อมูล โดยแต่ละส่วนแบ่งเป็นโครงการย่อย ๆ ดังในภาพ

         โครงการที่กำลังจะเปิดตัวในเดือน มกราคม ๒๕๕๒ นี้ที่น่าสนใจมากสำหรับผมคือ โครงการจัดการความรู้ชัดแจ้ง โดยใช้เว็บท่าที่จดโดเมนเนมไว้แล้วคือ Portals.in.th ซึ่งจะให้บริการเว็บท่าฟรี สำหรับหน่วยงานที่ไม่ใช่เพื่อธุรกิจของประเทศไทย เพื่อให้สามารถเข้าถึงความรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มีความสามารถในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ง่ายขึ้น  ปัจจุบันเรื่องของหน้าแรกของเว็บไซต์ของแต่ละหน่วยงาน หรือ Home Page ถือว่ามีความสำคัญมาก ต่อการที่ผู้ที่เข้าสู่เว็บไซต์ของหน่วยงาน ถือว่าเป็นจุดเชื่อมของหน่วยงานกับโลกภายนอกทั้งหมด จึงเป็นหน้าตาหรือตัวแทนของหน่วยงาน  การที่จะทำให้ผู้ที่เข้ามาที่หน้าแรกแล้วจะสามารถหาความรู้หรือข้อมูลที่ต้องการได้สะดวกและง่ายจึงมีความสำคัญมากด้วย เรื่องนี้หลายมหาวิทยาลัยหรือหลาย ๆ หน่วยงาน ต่างก็เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ และมีบริษัทซอฟแวร์หลาย ๆ บริษัทก็นำเสนอบริการในเรื่องนี้ให้ โดยมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยทีเดียว เท่าที่เคยได้รับทราบเป็นตัวเลขเจ็ดหลักทีเดียว แต่บริการของบริษัทก็จะเป็นระบบที่เรียกว่า Turn Key และผู้ใช้ไม่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ เพราะไม่ได้เป็น ซอฟแวร์ Open Source  ตัวอย่างจะเป็นเช่นเดียวกับระบบลงทะเบียนที่ มมส. และ หลายมหาวิทยาลันใช้กันในปัจจุบัน เมื่อใช้แล้วมีปัญหาหรือต้องการปรับปรุงตามความต้องการใหม่เพียงเล็กน้อยก็ทำไม่ได้ ต้องพึ่งบริการของบริษัทอย่างเดียว โครงการ บริการฟรีเว็บท่า Portals.in.th จึงเป็นเรื่องที่ผมเห็นว่า มหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ น่าจะให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ

หมายเลขบันทึก: 234681เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2009 22:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

น่าสนใจมากเลยค่ะ

ได้นั่งคุยกะอ.ธวัชชัย ตอนนั่งรถไปชมไดโนเสาร์ และตอนอยู่สนามบิน ทึ่งในความสามารถของอาจารย์มากเลยค่ะ   หากทำสำเร็จ  เราจะมีแหล่งความรู้ที่ทันสมัยไม่เสียตังค์ด้วยอะค่ะ  รอชมอยู่เหมือนกันค่ะ ถ้าเรามีอาจารย์ที่เก่งและเป็นนักพัฒนา มาถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ดีๆร่วมกันแบบนี้เยอะๆ คงจะดีไม่น้อยนะคะ

  • นอกจากตัว อ.ธวัชชัย เองเป็นคนเก่งแล้ว ท่านยังมีคู่แฝดที่ทำงานพัฒนาร่วมกันมาอย่างรู้ใจ คือ ท่าน อ. จันทวรรณ ครับ นอกจากผลงานด้านซอฟแวร์แล้ว ยังมีผลทำให้ได้หลาน....ต้นไม้ ที่มีอนาคตสดใสอีกด้วยครับ....คุณอิงP

ทีมงานท่านเข้มแข็งมากครับ

อยากทราบ ความหมาย ลักษณะของเว็บท่า ครับ และสงสัยว่า Portals.in.th ทำไม P ต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท