พัฒนาทรัพยากรมนุษย์...พัฒนาการเรียนรู้


แล้วเมื่อเสร็จงานแต่ละชิ้น เราก็ "อิ่มเอม"ร่วมกัน

ดิฉันเดินทางไกลมาร่วมเสวนาสมาชิกเครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย 8-10 มกราคม 52 เป็นโปรแกรมที่เลื่อนมาจากต้นปี เพราะเหตุของการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ  การเลื่อนครั้งนี้ทำให้สมาชิกที่จะมาร่วมโครงการ ม.อ.ลดน้อยลงไป  จากเดิมจะมาร่วมกันจำนวน 9 คน ลดลงเหลือ 5คน จากโควต้าที่แต่ละครั้งของการเสวนาสมาชิก จะมีที่นั่งจำนวน 10 ที่นั่ง ในแต่ละครั้งในการเสวนาสมาชิก สถาบันสมาชิกจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพในการ  จัดงานโดย มหาวิทยาลัยเครือข่ายจะคิด Theam ตลอดทั้งปี (เรากำหนดจัดกันทุก 3 เดือน) สำหรับ theam ตลอดปี 52 แนวของเราคือเน้นการเรื่อง "คนคุณภาพ"


พูดถึง KM อดนึกถึงเรื่องจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการงานของดิฉันไม่ได้ (ตามบันทึกนี้) 4 ปีก่อนดิฉันได้รับโอกาสที่อาจเรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ได้ร่วมทีมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยมาเรียนรู้ทำความรู้จัก KM เป็นครั้งแรก ในขณะที่ฐานงานดิฉันเดิมเป็นงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งในยุคเก่าๆ ก็ตะบันอบรมให้ความรู้ เพิ่มทักษะ สร้างทัศนคติ โดยวิธีการจับคนมานั่งฟังวิทยากรเล่าให้ฟัง บรรยายให้ฟัง คนฟังก็นั่งบ้างหลับบ้าง วิทยากรก็ว่าไปเรื่อยๆมีการซักถามกันพอประมาณหรือพอเป็นพิธี ในชั้นอบรมก็จะมีคนรู้เรื่องส่วนหนึ่งไม่รู้เรื่องส่วนหนึ่ง

ส่วนไหนเท่าไรก็วัดได้ไม่แน่ชัด  ... วัดกันแต่ วิทยากรโอเค อาหารดี อุณหภูมิพอเหมาะ การประยุกต์ใช้ภายหลังอบรม ก็ส่วนใครส่วนคนนั้นฝ่ายจัดโครงการ ไม่ต้องลงไปวัดผลอะไรก็ไม่ผิด  หลังการฝึกอบรมก็เก็บเอกสารไว้อย่างมิดชิด จนลืม นานทีหากว่างหรือคิดได้ก็มานั่งรื้อเอกสารมาทำความเข้าใจ  หรือดูกันสักทีว่ามันคืออะไรทำไมมันกองโตนัก ภายหลังจากดูแล้ว เอกสารหลายอย่างถูกขนไปรวมกันกองรอคนรับซื้อกระดาษ โดยมิได้นำกลับมาทำความเข้าใจ อีกเลย

ภายหลังการนำกระบวนการ KM ที่มุ่งเน้น "สร้างคุณค่าคนจากภายใน เน้นวิธีการเรียนรู้ ที่ต่างไปจากเดิมจากการป้อนให้จากวิทยากร เป็นการร่วมคิดค้นว่าความสำเร็จนั้นๆ เกิดขึ้นจากอะไร มีอะไรเป็นปัจจัยเกื้อหนุน มีอะไรที่ถอดเป็นบทเรียนได้ มีอะไรที่เก็บสะสมเป็นเทคนิค หรือการค้นพบเคล็ดลับจากการได้ลงมือทำ"

เมื่อดิฉัน IN กับเครื่องมือ แน่หล่ะแนวคิดหรือแผนงานที่ผ่านมือดิฉันต้องพยายามแทรกซึมเครื่องมือ ที่เราเชื่อ ชอบเข้าไป พยายามแทรกซึมวิธีการจัดเวทีให้มีการเรียนรู้ร่วมกัน ทุกคนในห้องเรียนมีความสุขร่วมกันจากกระบวนการเรียนรู้ ชั้นอบรมมีความผ่อนคลาย สนุกสนานและค้นพบความชื่นบาน ทั้งผู้เข้าร่วมเรียนรู้และผู้จัด

ระยะหลัง เรามีชั้นเรียนที่ไม่ต้องอาศัยวิทยากรภายนอก 100% เช่นเดิม ปรับเปลี่ยนมาใช้คนกันเองนี่หล่ะที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆมากกว่า(มีแน่นอนในองค์กรนั่นแหล่ะไม่ต้องควาญหาให้ไกลตัว) เชิญชวนคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ น้อยกว่า(พวกนี้สมองใสยังไม่โดนกรอบครอบแต่มีมุมมองที่แตกต่าง)จัดมาให้เรียนรู้ไปด้วยกัน 

พบว่าการทำเช่นนั้นสม่ำเสมอภาระการทำงานการจัดชันอบรมในเรื่องของการสร้างทีมงาน...แทบไม่มีความจำเป็นอีกเลย  บรรยากาศในองค์กรดีขึ้น...โดยอัตโนมัติ

แต่การทำเช่นนั้นคือ "การเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้" คุณต้องเป็นคนเชื่อก่อนว่า "ดีกว่า" ขยันออกแบบงานให้เป็นดังที่เราเชื่อ ขยันเสนอ"ห้องแห่งการเรียนรู้" ที่ไม่ใช่ class ฝึกอบรม  ทำไปเปลี่ยนไป ให้น้ำหนักน้ำใหม่ไล่น้ำเดิม

หากทำเช่นนั้นได้เราก็จะทำบทบาทสมบูรณ์ของนักพัฒนาบุคลากรในการเป็น change agent มากกว่าการพอใจที่จะเป็นเพียงผู้ประสานงาน นัดหมายเวลา จองตั๋วเครื่องบิน หรือรวมๆว่า ผู้บริหารห้องฝึกอบรม

แล้วเมื่อเสร็จงานแต่ละชิ้น เราก็ "อิ่มเอม"ร่วมกัน
...มองพัฒนาการความสำเร็จของการจัดกระบวนการเรียนรู้
มองความพากภูมิใจ ของผู้ชำนาญที่เรายกย่องที่เป็นคนของเราเอง นั่นเท่ากับเขาก็เติบโต
มองความผูกพันที่เกิดขึ้นในองค์กร
มองเห็นสิ่งดีงามที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน
มองเห็นความสำเร็จขององค์กร...ข้างหน้าร่วมกัน

ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าแท้จริงแล้ว...การจัดการความรู้ไม่ใช่เป้าหมาย...เป็นเพียงเครื่องมือ..สร้างบรรยากาศในองค์กรให้ทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน เพิ่มความรักความผูกพันให้องค์กร

บันทึกนี้เป็นบันทึกที่เกิดจากแรงบรรดาลใจจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง "ที่ห่างไกลจากตัวดิฉันมาก"ทุกครั้งที่ได้พบดิฉันจะมีพลังอย่างประหลาด เพิ่มพลังในการค้นหาวิธีการฟันฝ่า พร้อมขวยขวายทคนิคในการผลักดันอะไรที่ยากๆ  ฮึดสู้และทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จให้จงได้ และเป็นแรงกระตุ้นแบบฉุดดึงให้ดิฉันอยากเขียนบันทึกใน Gotoknow นี้อีกครั้งหนึ่ง

ขอแสดงความขอบคุณอย่างที่สุดผ่านมาทางบันทึกนี้ด้วยค่ะ
เขียนที่สนามบินขอนแก่น

หมายเลขบันทึก: 234499เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2009 18:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

 

  • คุณเมตตาขาคิดถึงค่ะ
  • จุ๊บๆๆ
  • สวัสดีครับ พี่เมตตา
  • อยากให้หลายๆคน เริ่มต้น เริ่มคิด ที่จะเปลี่ยนในสิ่งที่ดีนะครับ

ฟ้าหลังฝน คนหลังงาน ย่อมเบิกบานและแจ่มใส ครับ

KM จะช่วยได้เป็นอย่างดี

คุณเมตตาลองเล่าเวที HRD แบบใหม่ ที่ใช้ KM เป็นเครื่องมือ และเกิดผลยอดเยี่ยมสักเรื่องได้ไหมครับ เล่าให้เห็นวิธีออกแบบเวที วิธีเลือกคน กระบวนการในเวที และผลระยะยาวที่เกิดขึ้น

ขอบคุณครับ

วิจารณ์

- ผมขออนุญาตนำบันทึกนี้ไปเผยแพร่ให้คนที่รับผิดชอบด้าน HRD ของ มน. ได้เรียนรู้ด้วยครับ และขอเชียร์ให้เขียนออกมาอีกตามที่อาจารย์หมอวิจารณ์แนะนำ จะคอยอ่าน

- คิดถึง และ เสียดายมากครับที่ไม่สามารถไป ลปรร. ที่ UKM 14 ได้เช่นเคย แต่ใน UKM 15 รับรองไม่พลาดแน่นอนครับ

สวัสดีค่ะ พี่เมตตา

น้องเดินทางกลับถึงเชียงใหม่แล้ว เช้ารีบตื่นไปเรียน ตอนนี้ก็ยังเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ

ที่เคยคุยกะพี่ไว้เรื่อง KM ยังสนใจแล้วอยากได้ข้อมูลอยู่นะคะ

แล้วก็อยากฟังเรื่องเล่า HRD เหมือนท่านอ.หมอวิจารณ์บอกน่ะค่ะ

รออ่านอยู่นะคะ

ขอบคุณค่ะ

  • ตามมาเรียนรู้ด้วยคนครับ
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท